- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 October 2018 21:48
- Hits: 9174
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
พิษของสงครามการค้าแผ่ไปทั่ว
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : ตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าเข้าสู่ช่วง Sideways โดยปัจจัยลบเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เห็นผลลบเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแล้ว โดยเฉพาะจีน โดย IMF ได้ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2561 ลง 0.2% สู่ระดับ 3.7% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะขยายตัวที่ระดับ 3.7% อีกทั้งปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 2.5% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 6.2% อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หุ้นไทยที่ได้รับ Sentiment เชิงลบจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยน้อยลง ได้แก่ AOT, ERW, MINT, CENTEL, TKN, CPALL เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ส่วนหุ้นที่ได้รับผลทางลบจากเศรษฐกิจจีนอ่อนแอลง คาดว่าเป็นกลุ่มปิโตรเคมี และถ่านหินเป็นหลัก ในขณะที่กลุ่มน้ำมัน ยังคงไม่ได้รับผลกระทบทางลบ เนื่องจากซัพพลายที่ลดลงส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ วันนี้แนะนำซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ BAY, PTTEP, PTT กรอบดัชนี 1690-1705 จุด
Stock Comment
BAY Pick of the day
PTTEP (ปิด 148.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 170.0 บาท) ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นส่งผลบวก เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 145 บาท เป็น 170 บาท เปลี่ยนจาก ถือ เป็น ซื้อ
PTT (ปิด 52.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 62.00 บาท) ประกาศจ่าย Interim Dividend 0.80 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 11 ต.ค.61 วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายสำหรับการซื้อเพื่อรับปันผลรอบนี้ ขณะที่เรามองธุรกิจ E&P โรงกลั่น และอะโรเมติกส์สาย Paraxylene ใน ไตรมาส 3/61 และ 4/61 ดี แม้โอเลฟินส์จะมีสเปรดที่อ่อนแอลง
หุ้นเด่นวันนี้ : BAY (ราคาปิด 39.75 บาท; ซื้อ; AWS TP: 45.00 บาท)
BAY เตรียมขายหุ้นสามัญของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด เป็นจำนวน 50% ให้กับ บริษัท Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มนักลงทุนนำโดย กองทุน CVC Capital Partners Asia Fund IV และบริษัท Equity Partners Ltd. หากตั้งสมมติฐานราคาขายที่ 2-4x P/B เราประมาณการกำไรหลังหักภาษีจะอยู่ที่ 2-6 พันล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2561 ของเราราว 8-24% (เทียบเท่า EPS ที่เพิ่มขึ้น 0.28-0.82 บาท) เรามีมุมมองบวกต่อการเป็น Partnership ในครั้งนี้ เนื่องจากจะทำให้เงินติดล้อได้ Know-how ใหม่ๆ และเสริมสร้างสถานะบริษัท เนื่องจาก CVC Capital Partners ถือเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้าน Private Equity และเงินทุน ขณะที่กำไรสุทธิจากเงินติดล้อที่จะหายไปจากการขายหุ้นในครั้งนี้ (ราว 600 ล้านบาท) จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ BAY เพียง 2% เราคาดธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 4/61 นี้ หรือช่วงต้นปีหน้า
Price Pattern ของ BAY ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Buy Signal จึงรอเพียงการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ก็จะทำให้ Price Pattern ของ BAY กลับเข้าสู่แนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัว โดย Price Pattern ของ BAY จะกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่เมื่อปิดตลาดเหนือ 40.50 บาท เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BAY มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 47.75 บาท (Resistance: 40.50, 41.50, 43.25; Support: 39.00, 38.00, 36.25)
ปัจจัยในประเทศ :
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผย จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วง Golden Week (1-7 ต.ค.) อยู่ที่ 180,807 คน เพิ่มขึ้น 2.77% และคาดว่าจะมีการใช้จ่ายระหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยที่ 1.02 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.82% YoY ถึงแม้ว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงเวลาดังกล่าวจะต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรก แต่อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ เนื่องจากสอดคล้องกับทิศทางการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในภูมิภาค (ประชาชาติ)
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่น (JETRO) ยืนยันลงทุนใน EEC ประธาน JETRO พร้อมจะช่วยผลักดันเอกชนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนใน EEC อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเชิญชวนเอกชนญี่ปุ่นเข้าร่วมประมูลในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่าง ๆ ที่จะเปิดประมูลภายในปีนี้ (posttoday) ความเห็น: การผลักดันจาก JETRO จะช่วยกระตุ้นยอดการขายที่ดินในนิคมต่าง ๆ ในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์มากสุด ได้แก่ WHA (ปิด 4.20 บาท; ซื้อ; AWS TP 4.70 บาท) เนื่องจากมีจำนวนนิคมอุตสาหกรรมมากถึง 20 แห่งในเขตพื้นที่ EEC นอกจากนี้ AMATA (ปิด 23.30 บาท; ซื้อ; AWS TP 26 บาท) ก็ได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน
CK (ปิด 26.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 29.50 บาท) กิจการร่วมค้า CKST ลงนามสัญญางานก่อสร้างเพิ่มเติมสายสีส้ม โดยเป็นงานก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟใต้ดินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) 2 สัญญา รวมมูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 496 ล้านบาท (infoquest) ความเห็น: งาน VO โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วยเพิ่มมูลค่างาน Backlog ของทั้ง CK และ STEC เพิ่มเติม โดยงานรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้ CK ถืออยู่ 60% และ STEC ถือ 40%
ผู้ผลิตน้ำผลไม้รวมตัวประท้วงภาษีน้ำตาล: บริษัทดอยคำและสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยเตรียมเข้าพบกรมสรรพากรในช่วงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ เพื่อขอให้ทบทวนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินมาตรฐานที่เริ่มปรับใช้ล่าสุดใหม่ (Bangkok Post) ความเห็น: ยอดขายโดยรวมในอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่มีการบังคับใช้ภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มหวาน โดยเฉพาะยอดขายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ของดอยคำที่ติดลบถึง 40% เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ได้แก่ TIPCO MALEE
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ลดลง 56.21 จุด หรือ -0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 4.09 จุด หรือ -0.14% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.07 จุด หรือ +0.03% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 ลง 0.2% สู่ระดับ 3.7% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะขยายตัวที่ระดับ 3.7% อีกทั้งปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 2.5% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 6.2% อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงเคลื่อนไหวในระดับที่สูงมาก
Trade War : ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ถ้าหากจีนได้ทำการตอบโต้ต่อการเรียกเก็บภาษีก่อนหน้านี้ของสหรัฐฯ โดยทรัมป์กล่าวว่า ภาวะการค้าที่ไม่สมดุลระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าจีนได้ทำการตอบโต้สหรัฐฯ แล้ว พร้อมระบุว่า จีนไม่พร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ปิดบวก 67 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 74.96 ดอลลาร์/บาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 85.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า อิหร่านเริ่มลดการส่งออกน้ำมันก่อนที่สหรัฐฯ จะทำการคว่ำบาตรครั้งใหม่ในเดือนหน้า นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข่าวการปิดแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ราว 20% อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "ไมเคิล"
ราคาทองคำ : เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,191.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ (DXYO) เท่ากับ 95.611 มีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังจากปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในรอบนี้ที่ 96.12 จุด
VIX : ขึ้นมาที่ 15.95 จุด สูงต่อเนื่องมา 4 วันทำการแล้ว แสดงถึงความกลัวในตลาดการลงทุนยังคงสูง
U.S. Bond Yield อายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.21% ไม่ปรับตัวขึ้นต่อแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ต้องระมัดระวังการลงทุน
New Castle Coal Price ล่าสุดอยู่ที่ 110.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน อ่อนตัวลง คาดว่าเกิดจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO14881