- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 October 2018 21:26
- Hits: 7756
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Panic sell เป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้น
เมื่อวานหุ้นไทย ลงต่อหนักกว่าคาด และคาดว่าวันนี้ ดัชนีฯหุ้นไทยจะ ยังไม่พ้นออกจากหล่ม โดยหุ้นที่น่าซื้อ เล่นเด้ง สวนตลาดรอบนี้ คาดว่าจะเป็นกลุ่ม Mid to small cap และหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศที่มี Catalyst รอหนุน คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาแทนหุ้นใหญ่ ที่ช่วงนี้ยังไม่พ้นช่วงพัก (ปรับ) ฐานของตลาด
ระยะสัปดาห์ ดัชนีฯตลาดหุ้นไทย ลงเร็วเกินคาด เปิดมาวันจันทร์ลงไปทดสอบ แนวรับ 1,700 จุด และมีท่าทีว่าจะหลุด ด้วยความเสี่ยงใหม่ "เศรษฐกิจจีน และค่าเงินหยวน" ที่เข้ามากระทบบรรยากาศลงทุน ทั้งนี้ หุ้นที่ลงแรงวานนี้ สังเกตพบว่าส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ เชื่อมโยงเศรษฐกิจจีน และ หุ้นที่ขึ้นมาแรงในรอบนี้ (เช่น BEAUTY IVL PTTEP เป็นต้น) เราแนะนำ เลี่ยงซื้อหุ้นชุดนี้ไปก่อน และ แนะนำ พิจารณา เลือกหุ้น Mid-Small Cap-หุ้น Domestic play เน้น กลุ่มธนาคาร ประกันชีวิต และเน้นไปที่ Earnings 3Q Bottom out หรือมีลุ้นดีขึ้น เพื่อเล่นรอบระหว่างรอตลาดปรับฐาน
What to watch :
(*/-) ทางการจีน ประกาศลด RRR ลงอีก 100bp มีผล 15 ต.ค.นี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กลุ่มสถาบันการเงินจีนสามารถคืนเงินกู้ MLF 4.5 แสนล้านหยวน ที่กำลังครบกำหนด 15 ต.ค. นี้ และเพิ่มสภาพคล่อง 7.5 แสนล้านหยวน เข้าระบบ แต่เงินนี้จะถูกดึงไปชดเชยภาษีจ่ายซึ่งจะไม่ได้ช่วยต่อระบบเศรษฐกิจมากนัก...
อย่างไรก็ตาม MS เห็นว่า การลด RRR ลงมากกว่าคาดครั้งนี้ จะส่งผล 1) ค่าเงินหยวนมีโอกาสอ่อนค่าลง (แต่อาจถูกควบคุมค่าเงิน และไม่ค่อยเห็นผล) 2) สินเชื่อในระบบจะสามารถขยายเพิ่มขึ้น และ ลดภาวะการชะลอตัวเศรษฐกิจ จากความเสี่ยงรอบด้านที่จีนกำลังเผชิญอยู่... แต่ตลาดเริ่มมองว่า เป็นสัญญาณความเสี่ยงหนี้สินจีนที่อาจจะเกินการควบคุม และ ส่งผลให้ค่าเงินหยวน อ่อนค่าลงไปอีก
(*) ก.คลังสหรัฐฯ จะออกรายงานรอบครึ่งปี ว่าด้วยการปั่นค่าเงิน วันที่ 15 ต.ค. นี้
หุ้นแนะนำ
BLA 3Q18 คาดงบจะฟื้นตัวแรงพลิกกลับมามีกำไร 900 ล้านบาท y-y และมีโอกาสดีกว่าคาด ใน 4Q18 ตามทิศทางดอกเบี้ยในประเทศ "สิ้นสุดขาลง" (งบ Turnaround y-y แต่ลดลง q-q จากกำไร 2Q18 1.2 พันลบ.)
BAY ขายหุ้น 50% ในบริษัทฯลูก "เงินติดล้อ" ให้กลุ่มทุนใหม่ / คาดหนุน Sentiment ราคาหุ้น...อาจได้กำไรจากการขายหุ้น บวกกับ การรุกตลาดรายย่อยไปกับพันธมิตรใหม่
Weekly port เพิ่ม MBK ถอด TOP
รายงานวันนี้
Retail : Store check
จากการสำรวจยอดขายเบื้องต้นของกลุ่มค้าปลีก พบกว่าใน 3Q18 ยอด SSS มีทิศทางที่เติบโตขึ้นแต่น้อยกว่าที่เราคาด เพราะฝนที่ตกหนักในปีนี้ กลุ่ม Discretionary GLOBAL HMPRO SSS โตดีในช่วงก่อน ก.ย. ที่ฝนตก แต่ ROBINS sss ยังคงโตได้จำกัดเพราะการแข่งขันกับ fast fashion สำหรับ Grocery CPALL(MAKRO) และ BJC(BIGC) sss ยังคงถูกกดดันจากราคาอาหารที่ลดลง (food price deflation) กลุ่ม Cosmetic (BEAUTY DDD) คาดจะเห็นการฟื้นตัวจาก 2Q18 อย่างชัดเจน เรามองว่ายอดขายของกลุ่มค้าปลีกจะยิ่งเร่งตัวขึ้นอีกใน 4Q18 สำหรับ top pick เราชอบ GLOBAL และ BJC
GPSC : Time to take positions
เรามองว่าประเด็นการซื้อ GLOW ที่ล่าช้าออกไปได้กดดันราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ จาก 1) หากดีลได้รับการอนุมัติ เรามองว่าจะไม่มีแรวขายจากนักลงทุนที่ไม่ชอบดีลนี้ (ขายไปก่อนหน้าแล้ว) และราคาหุ้นควรที่จะกลับไปที่ราคาระดับเดียวกับหลังประกาสดีลที่ 69-73 บาท และ GPSC จะกลายเป็นผู้ประกอบการ SPP รายใหญ่ในมาบตาพุดซึ่งจะมีโอกาสในการโตไปกับ EEC และการขยายของ PTT, 2) หากดีไม่ได้รับการอนุมัติ เราเชื่อว่าจะยิ่งดีกับ GPSC เนื่องจากดีลนี้จะทำให้การเติบโตชองกำลังการผลิตปี 2019-24 ลดลงจาก 5.4% เป็น 1.1% และยังต้องมีการเพิ่มทุนและกู้เงินสำหรับดีลนี้ เรามองว่าราคาหุ้นควรที่จะกลับไปเทรดในช่วงก่อนการประกาศดีลที่ 71-79 บาท เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก ถือ เป็น ซื้อเก็งกำไร และปรับราคาเป้าหมายไป ณ สิ้นปี 2019 ที่ 72 บาท
Flow Tracker : กระแสเงินลงทุนจากต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 339 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นยอดขายสุทธิ 5 ล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดขายสุทธิ 2,902 ล้านเหรียญ ซึ่งกลับจากยอดซื้อสุทธิ 592 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนี Volume Flow ของดัชนี SET เข้าใกล้ระดับ Overbought โดยกลุ่มที่มีแรงขายเข้ามาในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ขนส่งและโลจิสติกส์ ธนาคาร และ พัฒนาอสังหาฯ
หุ้นมีข่าว
(-/0) AOT ต้องเลื่อนประมูลดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิ (ออกไปจากเดิม คือ เดือน ต.ค.นี้) หลังการออกแบบเทอร์มินัล 2 มีปัญหา ต้องส่งเรื่องหารืออัยการ ก่อนเสนอบอร์ดพิจารณา พ.ย.นี้ (ที่มา Money channel)
(*) คาดงบหุ้นที่โดนภาษีแบบเดียวกันน่าจะลงตามดอยคำ (ICHI SAPPE MALEE TIPCO): ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ บริษัทและสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย เตรียมเข้าพบกรมสรรพสามิต เพื่อขอให้ทบทวนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินมาตรฐานที่เริ่มปรับใช้ล่าสุด โดยเฉพาะปริมาณน้ำตาลจากผลไม้ที่ได้จากธรรมชาติซึ่งไม่สามารถปรับลดปริมาณลงได้ จนส่งผลให้ช่วงที่ผ่านยอดขายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ของดอยคำ ติดลบไปถึง 40% คาดว่าสิ้นปี 61 นี้ จะปิดยอดขายที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท (ที่มา เดลินิวส์)
(*/-) NPPG กลุ่มซีพีจ่อฮุบ'เอ็นพีพีจี' หวังเข้าบริหาร 2 แบรนด์ดัง เสริมทัพธุรกิจอาหาร คาดเสนอราคา 0.7 บาท เล็งส่งตัวแทนนั่งในบอร์ด กระแสข่าว "กลุ่มซีพี" เตรียมฮุบ "เอ็นพีพีจี" หวังเข้าบริหารแบรนด์ดีนแอนด์เดลูก้า-เอแอนด์ดับบลิว เสริมทัพธุรกิจอาหาร คาดราคาซื้อ 0.7 บาท พร้อมเล็งส่ง คนนั่งในบอร์ด ด้าน "เอ็นพีพีจี" ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ใดๆ ระบุเพียงให้รอฟังแถลงอย่างเป็นทางการ (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
(+) BAY จะขายหุ้นเงินติดล้อ 50% ให้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ให้กับ Siam Asia Credit Access PTE Ltd (Siam credit ถูกถือโดย CVC Capital partners Asia Fund IV และ Equity partners Lid ทั้งนี้ EPL มีคุณ ชวินทร์ เจียรวนนท์ เป็น Partner) ที่มา อินโฟเควสท์ ข่าวหุ้น
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO14816