- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 October 2018 17:31
- Hits: 1891
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
มองหา Safe Haven
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้คาดว่ายังเผชิญแรงขายต่อเนื่องจากต่างชาติและกองทุน หลังจาก U.S. Bond Yield พุ่งไม่หยุด ล่าสุด U.S. 10-year Bond Yield พุ่งขึ้นไปที่ 3.24% ทำ New High ตั้งแต่ พ.ค.54 และราคาคอมมอดิตี้ส่วนใหญ่ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมราคาอ่อนตัว ทั้งทองแดง อลูมิเนียม และสังกะสี มีเพียงราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัว และราคาทองคำที่เป็น Safe Haven ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดโดยรวมยังอยู่ภายใต้ความกลัว ในขณะที่ทางการจีนออกมาตรการลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 1% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.61 คาดว่าช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของจีน และยับยั้งการร่วงลงของตลาดหุ้นได้บ้าง ในสัปดาห์นี้เริ่มลุ้นการคาดการณ์กำไรสุทธิของ บจ.โดยในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ยังผันผวนต่อ คาดการณ์กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,680-1,740 จุด หุ้นแนะนำ CPN, WHAUP คาดการณ์กรอบดัชนีวันนี้ 1,700-1,730 จุด แนะนำซื้อ CPN, WHAUP, TKN
Stock Comment
CPN Pick of the day
WHAUP (ปิด 6.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 9.50 บาท) กลุ่ม Utility ยังคงมีความน่าสนใจในภาวะตลาดผันผวน WHAUP มีการเติบโตมากในช่วง 2 ปีข้างหน้า ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside มากพอสมควร
TKN (ปิด 16.30 บาท; ซื้อ; AWS TP 18.30 บาท) แม้จะได้รับผลลบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยลดลง แต่คาดว่ายอดขายในประเทศจีนจะดีขึ้น แต่ระยะสั้นคาดรับผลบวกยอดขายดีขึ้นจากเทศกาลกินเจทั้งในไทยและจีน ในช่วงครึ่งปีหลังยังได้ผลบวกจากราคาต้นทุนวัตถุดิบสำคัญคือสาหร่ายปรับตัวลดลง ส่งผลให้ Gross Profit Margin ดีขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : CPN (ปิด 81.25 บาท; BUY; AWS TP 85.00 บาท)
CPN เตรียมเปิดศูนย์การค้าใหม่อีกแห่งได้แก่ Central i-City มาเลเซีย ในไตรมาสที่ 4/61 ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม ESCENT อีก 3 แห่งซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วมียอด Take-up Rate 100% ทุกโครงการซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ต่อไปในปีหน้า นอกจากนี้ เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถพัฒนาโครงการ Mix used ที่มีศักยภาพสูงและรองรับการเติบโตในระยะยาว เราแนะนำ "ซื้อ" เมื่อราคาอ่อนตัว โดยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 85 บาทต่อหุ้น
Price Pattern ของ CPN แม้ว่าจะยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal แต่ ยังคงเกิดความอ่อนแอทั้งในระยะสั้นและกลางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal ซึ่ง Price Pattern ของ CPN จะเกิดความแข็งแกร่งเพิ่มหากสามารถปิดตลาดได้เหนือ 82.25 บาท โดยมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 90.50 บาท ตามลำดับ (Resistance: 81.50, 82.00, 82.50; Support: 80.75, 80.25, 79.75)
ปัจจัยในประเทศ :
ฟิทช์ เรทติ้งส์คาดคงประมาณการ Stable Outlook สำหรับกลุ่มธนาคารไทยปี 2562 โดยการประเมินจะเสร็จสิ้นในเดือน ธ.ค. นี้ การคาดการณ์ดังกล่าวหนุนโดยภาระการตั้งสำรองหนี้เสียที่คาดว่าจะลดลง ท่ามกลางคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น (บางกอกโพสต์) ความเห็น: การคาดการณ์นี้เป็นไปตามมุมมองของเรา ซึ่งประมาณการว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) กลุ่มธนาคารปี 2562 จะผ่อนคลายลงเป็น 2.9% จากปี 2561 ที่ 3.1% และคาดว่าระดับการตั้งสำรองปีหน้าจะปรับตัวลง 2.5% YoY อยู่ที่ 1.53 แสนล้านบาท
TICON (16.60 บาท; NR; IAA consensus 19.00 บาท) TICON เดินหน้าปิดดีลโครงการยักษ์ใหญ่: TICON ปิดดีลลูกค้าใหม่คว้าบริษัทยักษ์ใหญ่แบรนด์ชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า อาทิ DHL CEVA Logistics Power Buy Autoliv และ FOMM โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้นกว่า200,000 ตารางเมตร (The Nation) ความเห็น: ปีนี้ TICON มีลูกค้าเข้าใช้บริการพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูง เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุดยังคงเป็นพื้นที่ในเขตบางพลีและ EEC โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกใหม่กับบริษัทในด้านการเติบโตของรายได้ในระยะยาว
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ร่วงลง 180.43 จุด หรือ -0.68% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 91.06 จุด หรือ -1.16% และดัชนี S&P500 ลดลง 16.04 จุด หรือ -0.55% ตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิล อันเนื่องมาจากความตื่นตระหนกต่อรายงานข่าวที่ว่า จีนแอบฝังชิปคอมพิวเตอร์ในเซิร์ฟเวอร์บริษัทสหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 134,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง โดยกระทรวงแรงงานระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่พายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ซึ่งพัดถล่มรัฐนอร์ธและเซาธ์แคโรไลนาในเดือน ก.ย. เป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการจ้างงานลดลงในบางภาคอุตสาหกรรม
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (10 Year U.S. Bond Yield) ดีดตัวสู่ระดับ 3.242% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี(30 Year U.S. Bond Yield) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.413%
จีน : ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศในวันนี้ว่า จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 1% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.61 คาดว่าช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของจีน และยับยั้งการร่วงลงของตลาดหุ้นได้
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : น้ำมัน WTI ปิดขยับขึ้น 1 เซนต์ คาดอุปทานน้ำมันตึงตัวจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลงลดลง 2 แท่น สู่ระดับ 1,052 แท่น ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. นักวิเคราะห์จากยูบีเอส กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และภาวะคอขวดในการส่งออกน้ำมันสหรัฐฯ สู่ตลาดโลก
ราคาทองคำ : เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,205.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นโดยรวม 0.8% ได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงสู่ 95.6 หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO14766