- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 October 2018 16:56
- Hits: 2834
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Down พักฐานตามคาดโดยยังถูกกดดันจากกระแสเงินทุนที่ไหลออกและรอดูดูตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ โดยดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดลบ 8.88 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้น 700 ลบ.และ 2.3 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Short ใน Index Futures อีก 5 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่ายังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัวพักฐานต่อเนื่องโดยยังถูกกดดันจากหลายประเด็นกดดันทั้งเรื่องงบประมาณขาดดุลของอิตาลี รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่องและยังกดดันกระแสเงินทุนให้ยังไหลออก อย่างไรก็ตามเรายังคงเน้นลงทุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยัง Laggard โดยคาดว่าจะสามารถเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดจากความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพของทั้งเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ และคาดว่าดัชนียังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic และหุ้น Laggard //ทยอยสะสมกลับในช่วงลบ
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$806ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$380ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$69ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยแต่อาจชะลอลงหลัง PBOC ประกาศลด RRR เสริมสภาพคล่อง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> AMATA <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท
เรายังคาดว่าจะเห็นกำไรเร่งตัวขึ้นใน 2H18 จากปัจจัยฤดูกาลที่ยอดขายที่ดินมักกระจุกตัวใน 4Q และคาดว่าจะได้แรงหนุนจาก EEC ที่ภาครัฐฯเรง่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง Sentiment เชิงบวกจาก TFFIF ที่จะเข้าลงทุนในสิทธิจัดเก็บรายได้ 45% ในทางด่วนเส้นบูรพาวิถี (ลงหน้า AMATA) ซึ่งจำนวนรถหนาแน่นต่อเนื่อง เรายังคงคาดกำไรทั้งปีนี้ที่ 1,721 ลบ. +22% Y-Y และปีหน้า 1,975 ลบ. +15 Y-Y
ราคาหุ้นซื้อขายใกล้มูลค่าทางบัญชี และคิดเป็น PE2019 เพียง 13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 16 เท่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ธนาคารกลางจีนประกาศลด RRR 1% เหลือ 14.5% สำหรับแบงก์ใหญ่ และ 12.5% สำหรับแบงก์เล็ก พร้อมปล่อยสภาพคล่องและอัดฉีดเงินรวม 1.2 ล้านล้านหยวน มีผล 15 ต.ค. นี้ การตัดสินใจดังกล่าวสะท้อนว่าธ.กลางจีนเป็นห่วง ‘shocks’ ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อตลาดหุ้นเปิดทำการวันนี้ แม้จะเสี่ยงกับเงินทุนไหลออกและการอ่อนค่าของเงินหยวน (และเงินสกุลเอเชีย) ก็ตาม สำหรับระยะยาว การลด RRR จะช่วยลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะหดตัวเพราะสงครามการค้า
(0) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯต่ำกว่าคาด เดือน ก.ย. 18 เพิ่มขึ้น 134,000 คน ต่ำกว่าคาดที่ 185,000 คน แต่มีการปรับตัวเลขเดือน ส.ค. ขึ้นเป็น 270,000 คน จาก 201,000 คน ขณะที่ อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.7% ต่ำสุดในรอบ 48 ปี ส่วนค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 2.8% Y-Y, +0.3% M-M หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 4 bps. ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปีที่ 3.233% แต่ Dollar Index กลับชะลอการปรับขึ้น จึงเป็นลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงไม่มาก
(+) TU ระยะสั้น คาดกำไรปกติ 3Q18 กลับมาฟื้นตัว +32% Q-Q ตามฤดูกาล แต่อาจทรงตัว Y-Y อยู่ที่ระดับ 1.3 พันลบ. เพราะยังมีเรื่องบาทแข็งอยู่เล็กน้อย, ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และมีภาระภาษีจ่ายภายหลังธุรกิจที่ US และ EU ทำได้ดีขึ้น ซึ่งมีอัตราภาษีจ่ายสูงกว่าธุรกิจในไทย แต่ในแง่กำไรสุทธิอาจจะยังไม่สดใสนัก เพราะไตรมาสนี้อาจต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายด้อยค่าโรงงานแซลมอนที่ Scotland เราประเมินไว้ราว 400 ลบ. ที่มีแผนปิดโรงงานภายในสิ้นปีนี้ หากขายได้ อาจมีการกลับรายการและเป็นบวกต่อกำไรสุทธิใน 4Q18 แต่หากขายไม่ได้ อาจเผชิญกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานอีกก้อนหนึ่ง แต่ไม่นัก และเป็น One-Time เราปรับลดกำไรปกติปี 2018 ลง 17% เป็น 3.56 พันลบ. (-22% Y-Y) และคงประมาณการเดิมในปี 2019 ที่ 5.49 พันลบ. +54% Y-Y ยังคงราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 20 บาท แนะนำ ซื้อลงทุน
(+) THANI เราคงคำแนะนำซื้อ โดยปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 10 บาท ระยะสั้นเราคาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q18 จะมี Positive surprise จากค่าใช้จ่ายสำรองฯที่ลดลงทำให้กำไร 3Q18 น่าจะอยู่ที่ราว 420 ลบ. +7%Q-Q, +39%Y-Y และแนวโน้มยังดีต่อเนื่องใน 4Q18 เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่ดีของสินเชื่อ เราปรับคาดการณ์กำไรปี 2018 ขึ้น 7% เป็น 1.63 พันลบ. +44.8%Y-Y ส่วนประมาณการในปี 2019 คาดการณ์กำไรสุทธิที่ยังคงสร้างสถิติใหม่ที่ 1.78 พันลบ. +9.4%Y-Y ที่ ROE 25% และ D/E ratio ที่ 5.6 เท่า ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน คาดการณ์ Div. Yield ราว 3.3% ต่อปี
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ต.ค.- เยอรมัน: ดุลการค้า (ส.ค.)
11 ต.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
12 ต.ค.- จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)
- IMF: ประชุมประจำปี
19 ต.ค.- ไทย: SONIC ซื้อขายวันแรก ราคา IPO 1.95 บาท
(-) ตลาดสหรัฐปรับตัวลง โดยสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังคงโดนแรงขายจากความกังวลเรื่อง QT ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องของตลาดลดลง รวมไปถึง Bond Yield ของสหรัฐที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลัง Bond Yield สหรัฐอายุต่างๆ ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง แม้ทางการจีนจะมีการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหม่ เพื่อบรรเทาผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจและสงครามทางการค้า
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 74.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น +1.0% ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 4.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1205.6 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO14760