- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 October 2018 16:49
- Hits: 2429
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายภายหลังไม่สามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ 1,730 จุดได้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานกดตลาด นำโดย PTT, PTTEP และกลุ่มนิคมอย่าง WHA, AMATA กลุ่มการเงิน AEONTS ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,720.5 จุด (-8.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 หมื่นลบ. ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.4 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันที่ 2,278 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันขายสุทธิเช่นกันที่ 700 ล้านบาท) และเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิ 5,032 สัญญา
Investment theme
เข้าสู่ช่วงการ Rebalancing World Asset สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับแรงขาย โดย MSCI Asia pacific Ex. Japan ปรับตัวลงมากกว่า 3.9% (Indonesia -5.5%, Thailand -1.7%) เป็นผลจากถ้อยคำแถลงของ Powell ที่คงมุมมอง Hawkish ต่อนโยบาย และการบรรลุข้อตกลงการค้าสหรัฐ-แคนาดา ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยยะ และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ(10 ปี) ที่ทำระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เรามองว่าเป็นปรับพอร์ตการลงทุนทั่วโลก สะท้อนการปรับขึ้นของดอกเบี้ยของ FED ในเดือนธ.ค.เป็น 2.25-2.50% อย่างไรก็ตามเราคาดผลตอบแทนพันธบัตรจะเริ่มแกว่งบริเวณ 3.30%+/- ซึ่งจะสามารถผ่อนคลายความกังวลของการเคลื่อนย้ายเงินทุนได้บ้างส่วน และสำหรับสัปดาห์นี้เราแนะนักลงทุนติดตามการประชุมระหว่าง World Bank และ IMF โดยมองว่ามีโอกาสที่ผลลัพธ์การประชุมจะออกมาในโทน การเตือนผลกระทบของการยืดเยื้อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและจะกระทบ GDP ของประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานก่อน และตามด้วยการปรับประมานการลงของ GDP โลก
Investment Theme: ยังคงแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% เรามองว่า SET ไม่ควรปรับหลุดแนวรับ 1,710 จุด เพื่อรักษาภาพ Sideway ในไตรมาสสี่ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – OSP เคาะราคาขาย IPO ที่ราคา 25.0 บาท/หุ้น / กทม. กำหนดอัตราค่าโดยสาร BTS ไม่ให้เกิน 65 บาท / จีนประกาศลด RRR 1% มีผลวันที่ 15 ต.ค.นี้
Stock pick : -
Trading idea – ทยอยสะสม TU คาดผลประกอบการ Q3 เติบโต 17%QoQ จาก High season และ Margin(%) ที่ขยายตัวเป็น 14.7% / หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL / หลีกเลี่ยงการลงทุน TOP โดยปรับประมาณการกำไรดำเนินงานปีนี้ลง 24% / ทยอยสะสม PTTGC โดยมองว่างบ Q3 จะไม่ได้แย่เหมือนที่ตลาดเคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ คาดกำไรดำเนินงาน 1.2 หมื่นล้านบาท (+35%YoY, + 12%QoQ) หนุนจาก Aromatic
Technical View
พิจารณาการหยุดลงบริเวณแนวรับ 1700-1710: ดัชนีปรับตัวลงจากแรงขายหุ้นกลุ่ม Big Cap. และหลุดแนวรับสำคัญที่ 1730 ขณะนี้มองว่าดัชนีจะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเพื่อทดสอบโซนแนวรับเส้น EMA200Day และเป็นแนวรับกรอบ Uptrend ที่บริเวณ 1700-1710 ซึ่งขณะนี้ Modified Stochastic เข้าเขต Oversold จึงมองว่าที่บริเวณแนวรับ 1700-1710 ดัชนีควรเริ่มหยุดลงและเริ่ม Rebound เพื่อรักษาแนวโน้มที่เป็นเทรนขาขึ้นในระยะกลางถึงยาว
กลยุทธ์การลงทุน 1) หากหลุด Low 1718 แนะนำ Stop Loss และพิจารณาแนวรับถัดไปที่ 1710 และ 1700 แต่หากระหว่างวัน Rebound แนะนำขายทำกำไรที่แนวต้าน 2) ไม่มีหุ้น : แนะนำชะลอการลงทุนจนกว่าจะเริ่มหยุดลงอย่างชัดเจน และพิจาณาแรง Rebound ที่แนวรับ 1710 และ 1700
แนวรับ : 1700, 1710 แนวต้าน : 1730, 1740
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เตรียมเจรจาการค้าญี่ปุ่น / Worldbank ประชุม IMF เรื่องเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
EA (B 46.00-47.00, Tp 49.50//51.00, Cut 45.00)
GULF (B 72.00, Tp 75.00, Cut 71.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO14757