- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 05 October 2018 17:46
- Hits: 5320
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
สัญญาณเตือนภัยยังดังไม่หยุด แนะนำรอการเข้าซื้อ
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : U.S. Bond Yield 10 ปี และ 30 ปี ยังสูงอยู่ที่ 3.20% และ 3.354% ตามลำดับ อีกทั้งดัชนีชี้วัดความกลัว (VIX) ปรับตัวขึ้น จาก 11.61 จุด เป็น 14.22 จุด เป็นสัญญาณเตือนภัย ที่บ่งบอกถึงการไหลออกจากตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ U.S. Dollar Index ตกลงมาเล็กน้อย จาก 96.12 เป็น 95.76 นอกจากนี้ ความวิตกกังวลต่อปัญหาการเมืองในอิตาลี และการขาดดุลงบประมาณสูง ทำให้ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปิดปรับตัวลดลงหนักไม่แพ้ Emerging Market ในเอเชีย เงินบาทอ่อนค่าต่อมาที่ 32.72 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ข่าวในประเทศกระทบกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อ ธปท.ปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่สำหรับบ้านราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท และบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป โดยต้องวางดาวน์อย่างน้อย 20% ของมูลค่าหลักประกัน (LTV limit 80%) คาดมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 62 เป็นต้นไป สนใจจะรอซื้อ TKN, WHA, EA (ช่วง 40-45 บาท) หุ้นธนาคารและหุ้นที่เตรียมมีการ Tender Offer คาดว่าเป็น Save Haven เลือกหุ้นตาม Theme 1)เทศกาลกินเจ ได้แก่ TKN, TVO และ 2)EEC มีความคืบหน้าอนุมัติโครงการใหญ่เพิ่มอีก 4 โครงการมูลค่ารวม 4.7 แสนล้านบาท หุ้นได้ประโยชน์ ได้แก่ WHA, AMATA, STEC, CK, WHAUP, BGRIM เป็นต้น และ 3)บาทอ่อน ได้แก่ KCE, HANA กรอบดัชนีวันนี้ 1,720-1,740 จุด หุ้นแนะนำ TKN, WHA, GLOW
Stock Comment
TKN Pick of the day
WHA (ปิด 4.40 บาท; ซื้อ; AWS TP 4.70 บาท) ได้ผลบวกการเดินหน้า EEC รวมถึงแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นในช่วง 2H61 โดยเฉพาะไตรมาส 4/61 คาดมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT
GLOW (ปิด 88.25 บาท; NR; NA) มองเป็น Safe Haven ในช่วงตลาดปรับตัวลง โดยอิงราคาที่เตรียมมีการทำ Tender Offering ที่ 94.892 บาทต่อหุ้น มี Upside ราว 7%
หุ้นเด่นวันนี้ : TKN (ปิด 16.60 บาท; ซื้อ; AWS TP 18.30 บาท)
เดือน ต.ค.-พ.ย.เต็มไปด้วยเทศกาล เรามองภาพรวมครึ่งปีหลังเป็นบวก จากราคาวัตถุดิบล็อตใหม่ที่นำมาผลิตมีราคาปรับตัวลงจากค่าเฉลี่ยของปีก่อนราว 10% จะส่งผลบวกต่อ Gross Profit Margin อย่างเต็มที่ในไตรมาส 3/61 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ช่วงวันหยุด Golden Week ของจีน ระหว่าง 1-7 ต.ค.นี้ คาดว่าการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนจะคึกคัก และเทศกาลกินเจช่วง 8-17 ต.ค.คาดเพิ่มยอดขาย Seaweed Snack ในประเทศไทยและจีน และลำดับถัดไปคือวันคนโสดแห่งชาติในประเทศจีน 11 พ.ย.เป็นอีกเทศกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าในประเทศจีนสูงมาก เราคาดหวังยอดขายของ TKN เติบโตดีขึ้นจากผลบวกของงานเทศกาลต่าง ๆ ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย
Price Pattern ของ TKN ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Sell Signal โดยปัจจุบัน Price Pattern ของ TKN มีความแข็งแกร่งเพียงระยะกลางจากการเกิด Weekly Buy Signal เท่านั้น ทั้งนี้ Price Pattern ของ TKN จะกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ก็ต่อเมื่อสามารถปิดตลาดเหนือ 17.60 บาท เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TKN มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 17.50 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 19.70 บาท ตามลำดับ (Resistance : 16.80, 17.00, 17.30; Support: 16.40, 16.10, 15.90)
ปัจจัยในประเทศ :
บอร์ด EEC ไฟเขียวลงทุน 4 โครงการใหญ่ มูลค่า 4.7 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานสนามบิน โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 โดยคาดว่าจะออก TOR ได้ในเดือนนี้ (บางกอกโพสต์/ข่าวหุ้น) ความเห็น: เราคาดปัจจัยดังกล่าวจะให้ Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นนิคมอุตสาหกรรม รับเหมาก่อสร้าง และสาธารณูปโภค เช่น WHA (ราคาปิด 4.40 บาท; ซื้อ; AWS TP 4.70 บาท), AMATA (ราคาปิด 24.70 บาท; ซื้อ; AWS TP 26 บาท), STEC (ราคาปิด 24.30 บาท; ซื้อ; AWS TP 27 บาท), CK (ราคาปิด 26.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 29.50 บาท), WHAUP (ราคาปิด 6.30 บาท; ซื้อ; AWS TP 9.50 บาท), BGRIM (ราคาปิด 28.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 33.00 บาท), etc.
ธปท. ออกมาตรการ Macroprudential สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดให้มีเงินดาวน์ขั้นต่ำอย่างน้อย 20% สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป และการกู้หลังที่ 2 ขึ้นไป รวมถึงให้นับรวมสินเชื่อ Top-up ที่ใช้หลักประกันเดียวกันด้วย โดยมาตรการนี้จะไม่มีผลสำหรับการซื้อบ้านหลังแรกที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 (บางกอกโพสต์/ข่าวหุ้น) ความเห็น: ณ สิ้นไตรมาส 2/61 สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วน 18% ของสินเชื่อกลุ่มธนาคารทั้งหมด เราคาดมาตรการดังกล่าวอาจลดความร้อนแรงของการขยายตัวสินเชื่อที่อยู่อาศัยปี 2562 โดยเฉพาะธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อกลุ่มนี้สูง นำโดย SCB (ราคาปิด 144.50 บาท; ถือ; AWS TP 142 บาท) ซึ่งมีสัดส่วน 30% และ TMB (ราคาปิด 2.32 บาท; ซื้อ; AWS TP 2.74 บาท) ซึ่งมีสัดส่วน 23% อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการการเติบโตสินเชื่อปี 2562 ที่ 9% เนื่องจากเราคาดว่าการขยายตัวสินเชื่อปีหน้าจะยังนำโดยสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ ขณะที่สินเชื่อ SME มีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น นอกจากนี้เรามีมุมมองบวกต่อมาตรการนี้ในระยะยาว เนื่องจากจะส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์และมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อดีขึ้น สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เราคาดว่าจะส่งผลกระทบกับยอด Presales ของผู้ประกอบการแต่ละรายตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยในระหว่างนี้ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะถูกกดดันจากมาตรการใหม่นี้อยู่
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. ลดลงเป็น 82.3 จากเดือน ส.ค. ที่ 83.2 โดยปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น (อินโฟเควสท์)
ธนาคารโลกปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2561 ขึ้นเป็น 4.5% จากเดิม 4.1% แต่คาดตัวเลขจะชะลอตัวเป็น 3.9% ในปี 2562 และ 2563 เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นอาจลูกหักล้างโดยส่งออกที่อ่อนตัวลง (บางกอกโพสต์)
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดาวโจนส์ ร่วงลง 200.91 จุด หรือ -0.75% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 145.57 จุด หรือ -1.81% และดัชนี S&P500 ลดลง 23.90 จุด หรือ -0.82% โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังจากประธานธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.178% หลังจากแตะระดับ 3.232% ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.341% หลังจากแตะระดับ 3.375% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557 การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น ส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวหนักตั้งแต่ต้นสัปดาห์
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ร่วงลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 2.72% ปิดที่ 74.33 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยการผลิตน้ำมันที่ลดลงจากอิหร่าน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ ทางด้านกระทรวงพลังงานรัสเซียเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียในเดือนก.ย.ที่ผ่านมานั้น พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11.36 ล้านบาร์เรล/วัน
ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ (U.S. Dollar Index) อ่อนค่าลงมาที่ 95.749 จากวันก่อนที่สูงสุดของรอบนี้ที่ 96.121
VIX Index หรือดัชนีชี้วัดความกลัว ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 14.22 จุด จาก 11.61 จุด ในวันก่อน เป็นสัญญาณทางลบต่อตลาดหุ้น
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO14686