- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 October 2018 18:01
- Hits: 8970
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
ยังไม่พ้นช่วงพักฐาน
เมื่อวานดัชนีฯหุ้นไทย เด้งสั้นๆ แล้วลงต่อ ยังไม่พ้นช่วงปรับฐานย่อย โดยหุ้นที่ขึ้นแรงกว่าตลาดช่วงเช้า ส่วนใหญ่แผ่วปลายท้ายตลาด เช่น MTC SAWAD IVL PTTGC STA
วันนี้คาด หุ้นไทย Sideways ในกรอบ 1,730-1,750 จุด (+/-10 จุด) กลยุทธ์รายวัน แนะนำ เลือกเล่นหุ้น "Wild cards" หรือ หุ้นม้านอกสายตา โดยใช้เทคนิคคอลนำในการเลือกหุ้น Wild cards เช่น Oversold +เล่นต่ำกว่า EMA 200 วัน +MACD เริ่มตัดขึ้น +เรียงตัวสร้างรูปแบบ Uptrend หรือ Rounding bottom เป็นตัน (ดูรายงานเทคนิคคอลประกอบ)
ระยะสัปดาห์ แม้สัปดาห์นี้จะไม่ได้ขึ้นอย่างที่คาด แต่ยังคง แนะนำ ทยอยๆรับห้น โดยเน้นไปที่การซื้อดัก คาดการณ์ผลการดำเนินงาน บจ.ไตรมาส 3/18 ที่มีโอกาสจะสร้างความประหลาดใจเชิงบวก (Eanrings beat estimated) ให้กับตลาด โดยมองจุดซื้อหุ้นในรอบนี้ บริเวณแนวรับ ดัชนีฯ 1,730 (เผื่อ Error ไว้แถว 1,715 จุด อาจแบ่งไม้ไว้รอซื้ออีก 25% ของพอร์ต)
What to watch :
(+) วันนี้ งบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน EEC จะเสนอบอร์ด กพอ.(หรือ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีนายกฯเป็นประธานบอร์ด) มูลค่าลงทุนร่วม 4 แสนล้านบาท และ จะมีงบ ลงทุน ระบบอินเตอร์เน็ต เข้าด้วยมูลค่าราว 1.9 หมื่นล้านบาท หลังบอร์ด กพอ. เห็นชอบ คาดยื่น ครม.อนุมัติ 16 ต.ค.นี้
(-) MS ออกรายงาน คาดผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบ ที่อาจเพิ่มมากขึ้นจากนี้ไปอีก จะเริ่มกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ที่เศรษฐกิจอิงกับการบริโภคน้ำมัน ส่วนมาเลเซีย และอินโดนีเซีย จะไปประโยชน์จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยทุก US$10 ที่น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จะบวกต่อรายได้ราว 0.5% ของ GDP มาเลเซีย ส่วนไทย จะกระทบต่อ C/A คิดเป็น % ของ GDP ราว -0.4%
หุ้นแนะนำ
STEC ดุรายงานวันนี้
RML แนะนำ ทางเทคนิค
รายงานวันนี้
Prospects of the EEC : A new platform for development
ทีมเศรษฐศาสตร์ ธ.กรุงเทพ มองงว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับ EEC จะมีเม็ดเงินลงทุนกว่า 1.9 ล้านล้านบาท ในช่วง 2019-23 จากทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งโครงการรัฐ เช่น รถไฟความเร็วสูง ขยายอู่ตะเภา ขยายแหลมฉบัง และ มาบตาพุด ซึ่งน่าจะเห็นการออก TOR ได้ในปีนี้ สำหรับภาคเอกชน ยอดอนุมัติ BOI สะสมสูงถึง 4.8 แสนล้านบาท แล้ว (ในช่วง 1Q17-2Q18) ทีมฯคาดในช่วง 5 ปี ข้างหน้า EEC จะมีผลต่อ GDP ไทย เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนที่ภาคอุตสาหกรรมจะเริ่มการผลิต ในกรณี base case คาด GDP growth ปี 2019-21 จะอยู่ที่ 4.3% และหากโครงการ EEC ทำได้เร็วหรือช้ากว่าคาดจะมีผลต่อ GDP +/- ราว 0.2%
PTTGC : Moving further along the value chain
เราได้เข้าเยี่ยมชมโรงงาน Sanyo Chemical ที่ประเทศญี่ปุน ซึ่งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเพิ่มมูลค่าของ PTTGC ในระยะยาวจากสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรที่สูง (EBITDA margin +15% จาก commodity product และโอกาสในอนาคตที่จะใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีจากพาร์ทเนอร์ เราคาดโครงการดังกล่าวจะสร้างกำไรส่วนเพ่มราว 1.5 พันล้านบาท/ปี (3% จากประมาณการปัจจุบัน) และคิดเป็น 3 บาท/หุ้น จากราคาเป้าหมาย แม้ว่าโครงการจะใช้เวลาระยะหนึ่งที่จะก้าวขึ้นมามีนัยยะสำคัญ เราเชื่อว่า Valuation ของ PTTGC สุดท้ายจะถูก re-rate ขึ้นมาเท่ากับกลุ่มบริษัทที่เป็น innovative chemical (เทรดที่ 13-15 เท่า เทียบกับ PER ของ PTTGC ในปัจจุบันที่ 8.9 เท่า) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 120 บาท
STEC : Breaking new high
แม้ว่าภาพงานการประมูลใหม่ๆจะดูล่าช้าออกไป โดยอาจจะมีเพียงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินออกมาประมูล อย่างไรก็ตามเรามองว่าแม้จะไม่มีงานใหม่ แต่ Backlog ของบริษัทจะหนุนให้กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 1-2 ปีข้างหน้า และคาดรายได้จะทำ New high รายไตรมาส อย่างต่อเนื่อง และยังมองว่ากำไรจะทำ New high ได้ใน 1Q19 เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2018 ขึ้น 6% จากโครงการก่อสร้างที่เร็วกว่าคาด แต่ปรับประมาณการกำไรปี 2019 ลง 3% บนสมมติฐานการไม่มีงานใหม่จนถึง 2H19 (เพราะฉนั้นหากมีการเซ็นสัญญางานใหม่ใดๆเข้ามาจะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการ) ราคาหุ้นเทรดอยู่ที่ PBV เพียง 3.5 เท่า ยังคงถูกกว่าระดับสูงสุดที่เคยเทรดที่ 5.9 เท่า (แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีกว่า) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท
Quick Take
BGRIM : ได้รับเลือกให้พัฒนาโรงไฟฟ้าขนาด 80 MW
BGRIM ได้รับเลือกให้ก่อสร้างโรงไฟฟาในระยะที่ 1 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาจากกองทัพเรือ ทั้งนี้ BGRIM เคยเสนอแผนดำเนินโครงการ 2 ระยะ โดย ระยะที่ 1 คือ SPP 80 MW และโซล่าฟาร์ม 15 MW พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน 50 MWh จ่ายไฟปี 2564 และ ระยะที่ 2 คือ SPP 80 MW และโซล่าฟาร์ม 55 MW จ่ายไฟปี 2566 โดยเบื้องต้นเราประมาณการว่าโครงการระยะที่ 1 คิดเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2564 อยู่ที่ 102 ล้านบาท และต่อราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2561 ของ BGRIM ประมาณ 1 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์หากบริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการโครงการระยะที่ 2
Residential Property : ธปท. เตรียมออกเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้าน
จากข่าว (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ) ธปท. เตรียมออกเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้าน มาตรการน่าจะเป็น 1) คุม LTV บ้านหลังที่ 2-3 2) คุมสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ให้เข้มงวดขึ้น และ 3) การคุมวงเงินรีไฟแนนซ์ เรามองว่าสุดท้ายแล้วธนาคารจะหาทางออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับลูกค้าได้ หากมาตรการออกมาช่วยให้หมด overhang ต่อราคาหุ้น ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลงมารออยู่ข้างล่างจากประเด็นดังกล่าวแล้ว แนะเลือกซื้อตัวที่ลงมาลึก
หุ้นมีข่าว
(+) ITEL ชนะการประมูลเช่าใช้วงจรสื่อสัญญาณความเร็วสูงและบริการอินเตอร์เน็ต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โปรเจกต์ของสำนักงานปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มูลค่างาน 19,992,000 บาท (ที่มา ASPEN)
(+) BGRIM ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินโครงการงานระบบ ไฟฟ้า และ น้ำเย็น ของสนามบินอู่ตะเภา 1) งานโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80MW และ โซลาร์ 15MW รวมถึง Energy storage 50MWh เป้า COD 2021 และ 2) โรงไฟฟ้า เฟส 2 ยังต้องรอ ทร.อนุมัติ 80 MW บวก 55MW Floating Solar คาด COD 2023 / คาดกำไรจากการขายไฟ เฟสแรก จะเพิ่มกำไรประมาณ 102 ลบ. คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมเพิ่ม 1 บาท/หุ้น เราคงคำแนะนำ ซื้อ ดู รายละเอียดในรายงาน Quick take (ที่มา ตลท. BLS Research)
(+) เริ่มจอง TFFIF ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ให้เวลา 8 วัน หลังจาก 12 ต.ค.เป็นต้นไป (รอ กลต.ยืนยันครั้งสุดท้าย 12 ต.ค.) ที่มา มติชน
(-) KSL BRR อินเดีย อนุมัติมาตรการ แทรกแซงราคาน้ำตาล โดยอุดหนุนเงินประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท อุ้มส่งออกน้ำตาล 5 ล้านตัน ด้าน ไทย บราซิล ฯลฯ ร่วมเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว (ที่มา เดลินิวส์)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO14644