- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 October 2018 17:54
- Hits: 6847
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> AMA, HMPRO, PTTGC
Stock S R Comment
AMA 5.90 6.50 เตรียมทำดีลซื้อกิจการโลจิสติกส์ คาดสรุปภายในปีนี้
HMPRO 14.50 15.60 HMPRO Fair หนุนยอดขาย พร้อม GP ดีขึ้นจาก House Brand
PTTGC 80.75 84.00 ไฟไหม้โรงงานปิโตรเคมีซาอุฯ หนุน Spread ระยะสั้น
UST yield surged to highest level since 2011
UST : Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวพุ่งสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ โดย Yield รุ่นอายุ 10 ปีทำจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 2011 ภายหลังจากที่สหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนและ ISM ภาคการบริการดีกว่าที่ตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญ มองปัจจัยดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงลบต่อสกุลเงินและตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ เนื่องจากจะทำให้ Valuation ในมิติของ Earning yield gap ดูไม่น่าสนใจมากขึ้นไปอีก เรายังคงมีมุมมองเดิมว่า Bond yield และเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และจะเป็นปัจจัยจำกัด Fund flow ต่อไปในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ จนกว่าจะมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างเช่นการ Shift ลงของ Fed Dot plot ประจำปี 2019 ซึ่งกว่าจะเกิดขึ้นก็คือช่วงกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
MPC : ธปท.เปิดเผยรายงานการประชุมกนง.รอบล่าสุดประจำวันที่ 19 กันยายนมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
1) กนง.ประเมินความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าใกล้เคียงเดิมและยังโน้มไปด้านต่ำ ตามความไม่แน่นอนจากนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯและมาตรการตอบโต้ --> Dovish
2) กนง.ประเมินความเสี่ยงต่อประมาณการเศรษฐกิจไทยยังโน้มไปด้านต่ำแต่น้อยกว่าประมาณการครั้งก่อน --> Less Dovish
3) กรรมการบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราว --> Dovish
4) กนง.ประเมินความเสี่ยงต่อประมาณการอัตราเงินเฟ้อโน้มไปด้านต่ำ ตามความเสี่ยงต่อประมาณการเศรษฐกิจและราคาอาหารสดที่อาจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ --> Dovish
5) กนง.เห็นควรให้ติดตามการสะสมความเปราะบางในระบบการเงิน โดยเฉพาะการแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ซึ่งส่งผลให้มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อลดลง --> Cautious
Implication : จากโทนของ Statement ที่ยังคงเอนเอียงไปในเชิง Dovish นี้ เป็นการสนับสนุนความคิดเห็นของเราที่ว่า กนง.จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ 1.5% ไปจนกระทั่งสิ้นปีนี้ เมื่อมาประกอบกับ Bond yield สหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูง จึงทำให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยและ Bond yield ของไทย (Rate differential) จึงน่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ทำให้เรายังไม่เห็นปัจจัยสนับสนุน Fund flow อย่างน้อยๆในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้
Property : นอกจากนั้น จากการที่ธปท.เริ่มแสดงความกังวลต่อมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในช่วงหลัง จึงทำให้กลุ่ม Residential ปรับตัว Underperform ตลาดอย่างชัดเจนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับธีมการลงทุนของเราในกลุ่ม Residential ประจำไตรมาส 4 ว่า คงต้องเน้น Selective ไปยัง Developer ที่มีฐานลูกค้าหลักอยู่ในระดับบนและมีโครงการแนวราบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักมียอดการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำ เช่น LH, QH, AP แถมมี Dividend yield อยู่ในระดับสูงเช่นกัน สำหรับ Developer รายอื่น มองว่าควรหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อนในช่วงนี้
กลยุทธ์การลงทุน : ประเมินภาพ SET Index เดือนตุลาคมจะแกว่งตัว Sideways โดยมองกรอบแนวรับที่ 1700 จุดและ 1680 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบแนวต้านสำคัญประเมินที่ 1780 จุด แนะนำนักลงทุน Wait & See จนกว่าดัชนีจะมีการปรับตัวไปยังกรอบแนวรับหรือแนวต้าน จึงค่อยใช้เป็นจังหวะในการเข้าลงทุนหรือขายทำกำไร สำหรับปัจจัยประคับประคองดัชนีที่สำคัญยังคงได้แก่ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป ภายหลังจาก Supply จากอิหร่านมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยจำกัด Upside ที่สำคัญได้แก่ ปัจจัยรบกวนประเด็นอิตาลีและ Brexit รวมถึง Fund flow ที่น่าจะยังไม่มีการไหลเข้าจากการที่ Bond yield และดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัวอยู่ในระดับสูง
แนวรับ 1,731 แนวต้าน 1,762
บทวิเคราะห์วันนี้
KBANK (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 234 บาท) คาดกำไร 3Q61 อ่อนตัว QoQ ตามรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย
Today's Event :
EIC ลูกหุ้นเข้า 22,205 หุ้น
OCEAN ลูกหุ้นเข้า 250,000,000 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO14642