เลือกเก็งกำไร / สะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไร 3Q61 เด่น

 

  ราคาปิด 82.00 บาท

  ราคาเหมาะสม 111.00 บาท

          ราคาหุ้นมีปัจจัยบวก จากเหตุไฟไหม้โรงงานปิโตรเคมี NATPET ของซาอุฯ กำลังการผลิต Polypropylene ปีละ 4 แสนตัน คิดเป็นราว 0.4-0.5% ของกำลังผลิตทั่วโลก ประเด็นนี้ทำให้ PP Spared ขยับขึ้นในระยะสั้น จากภาวะ Supply ตึงตัว และ PTTGC ได้ประโยชน์ทางตรง จากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทำระดับสูงสุดรอบ 4 ปี หนุนให้ PTTGC น่าสนใจ เนื่องจากมีสายการผลิตแบบ Gas Based ส่งผลให้ Gross Margin เร่งตัวขึ้นมากในช่วงน้ำมันขาขึ้น

 

  ราคาปิด 6.05 บาท

  ราคาเหมาะสม 8.50 บาท

          เรามองว่า TRUE มีโอกาสฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า วันที่ 8 ต.ค.เป็นวันสุดท้ายเพื่อรับซองประมูลคลื่น 900MHz เราเชื่อว่า TRUE จะไม่รับซองประมูล จากคลื่นในมือที่มากเพียงพอใน 2-3 ปีข้างหน้า

          ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q61 มีโอกาสลุ้นรายงานกำไรปกติเล็กน้อย จากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงราว 700-800 ล้านบาทต่อไตรมาส ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดคาดทิ้งห่าง DTAC ต่อเนื่อง หลังสัมปทานคลื่น 850MHz ของ DTAC หมดลง

 

  ราคาปิด 6.60 บาท

  ราคาเหมาะสม 7.00 บาท

          เรามองว่าหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น โรงไฟฟ้า จะทนแรงเสียดทานของตลาดที่ผันผวนได้ในช่วงนี้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน

          เราประเมินกำไรปกติใน 3Q61 คาดทำระดับสูงสุดรายไตรมาสได้อีกครั้ง จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า TG6 เต็มไตรมาส และ TG7 ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2562 เพียง 10.5 เท่า และผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยต่อปี 6%

 

  ราคาปิด 62.00 บาท

  แนวต้านทางเทคนิค 65.00 บาท 

          ราคาหุ้นวานนี้ผ่านจุดสูงสุดก่อนหน้าที่ 61.00 บาทได้ เป็นสัญญาณบวกทางเทคนิค มีโอกาสขึ้นทดสอบ 65.00 บาทเป็นแนวต้านถัดไป แนวรับ 61.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 61.00 บาท

          เราประเมินกำไรปกติ 3Q61 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ ทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส จากแรงหนุนของกำลังการผลิตใหม่ในโปรตุเกส, บราซิล, อิสราเอล และอียิปต์

          ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ทะลุ 96 จุดวานนี้ เป็นระดับแข็งค่าสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. กดดันค่าเงินในประเทศเกิดใหม่ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่อง จากแรงกดดันของสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณเตือนมายังซาอุฯ รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่านที่จะเริ่มขึ้นในต้นเดือนพ.ย. กลายเป็นอีกปัจจัยลบในตลาดเกิดใหม่กับอัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งขึ้น ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติกลับมาลดน้ำหนักตลาดหุ้นเกิดใหม่ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรายังคงยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในไทย จากระดับการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้มีโอกาสแตะ 10% ของ GDP เศรษฐกิจปีนี้คาดเติบโต 4.6% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.2% เท่านั้น ทำให้เราเชื่อว่าสถาบันภายในประเทศที่ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 4.3 พันล้านบาทในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมาจะกลับมาซื้อหุ้นคืนในวันนี้ แน่นอนว่ากลุ่ม Global Play อย่างกลุ่มน้ำมัน / ปิโตรเคมีน่าจะยังมีโมเมนตัมเชิงบวกได้ต่อ รวมถึงกลุ่ม Domestic Play ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแต่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q61 คาดขยายตัวเด่น เป็นเป้าหมายของการถูก Covered short ในรอบนี้ รวมถึงกลุ่มส่งออกอาหาร 

          อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงกลุ่มท่องเที่ยว / AOT จากความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน / กลุ่มอสังหาฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำคอนโดมิเนียม รวมถึงธนาคารพาณิชย์ที่มีการปล่อยสินเชื่อกลุ่มนี้สูง พร้อมติดตามการชี้แจงแนวทางการควบคุมสินเชื่อประเภทนี้ของธปท.ที่จะมีขึ้นในวันนี้ / กลุ่มสถานีน้ำมัน จากแรงกดดันของมาตรการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลของกบง. นำโดย PTG 

          ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ หากเป็นนักลงทุนระยะสั้น เราแนะนำ "เก็งกำไร" กลุ่มน้ำมัน / ปิโตรเคมี ที่มีโมเมนตัมเชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาว "ทยอยสะสม" หุ้นที่คาดว่างบใน 3Q61 เด่น

 

HOT Topic

          1. ราคาน้ำมันดิบ NYMEX, BRENT ไต่ระดับขึ้นต่อ หุ้นตัวใดในกลุ่มพลังงานน่าสนใจ

          2. วันนี้ช่วงบ่ายติดตามการแถลงของธปท.ประเด็นมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อ   ภาคอสังหาฯเราคงคำแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มอสังหาฯ

          3. Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯทำระดับสูงสุดรอบ 7 ปี ที่ 3.18%

          4. บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว ได้แก่ PTG, EKH

 

          วานนี้ SET INDEX ขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 1757.43 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ก่อนมีแรงขายทำกำไรในช่วงบ่ายกดดันตลาดให้ลงมาปิดที่ 1741.96 จุด ลดลง 6.13 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.8 หมื่นล้านบาท 

          กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 1 พันล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิราว 3.3 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 1.6 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิสะสมราว 4.4 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 2.5 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short คงเหลือราว 6.3 พันสัญญา โดย S50Z18 มี Discount จาก SET50 Index เล็กน้อยราว 0.05 จุด กลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชีบล.มีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 1.5 พันสัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสมทั้งสิ้นราว 1.5 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 1.4 หมื่นสัญญา

          ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 1.7 พันล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิสะสมทั้งสิ้น 1.3 หมื่นล้านบาท

 

 

ประธานเฟด กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯในตอนนี้ยังอยู่ห่างจากอัตราดอกเบี้ยในระดับปกติ

สหรัฐฯ ประกาศยกเลิกสนธิสัญญามิตรภาพระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน หลังจากศาลโลกตัดสินว่าการที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเป็นการละเมิดเงื่อนไขในสนธิสัญญาดังกล่าว

ADP รายงานอัตราการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 2.3 แสนตำแหน่งสูงสุดในรอบ 7 เดือน มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.84 แสนตำแหน่ง

รัฐบาลอิตาลีรายงานแผนการลดการขาดดุลงบประมาณต่อ GDP ณ สิ้นปี 2563 สู่ระดับ 2.2% และ 2564 ที่ 2.0% เทียบกับปี 2562 ที่ระดับ 2.4%

EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต๊อคน้ำมันเบนซิน ลดลง 4.59 แสนบาร์เรล สวนทางกับมุมมองของตลาด ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล

เกิดเหตุโรงงาน NATPET ของซาอุดิอาระเบียไฟไหม้ โดยมีกำลังการผลิต Polypropylene ราว 4 แสนตัน/ปี

รมว.พลังงานเผย กบง. อยู่ระหว่างพิจารณาการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มเติม จากเดิมที่ กบง. อนุมัติไว้ไม่เกิน 1 บาท/ลิตร หรือวงเงินรวม 6 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอุดหนุนอยู่ที่ระดับ 0.6 บาท/ลิตร

ติดตามการแถลงแนวทางมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย บ่ายวันนี้

ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันที่ 5 ต.ค.