- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 01 October 2018 18:15
- Hits: 10205
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 28/09/2018
Close 1,756.41 Volume Bt57174M
Change 3.46 P/E 17.33
%Change 0.20% P/BV 2.00
หุ้นแนะนำพิเศษ
JKN (ราคาปิด 11.4 ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.4)
บริษัทได้อัพเดทความคืบหน้าการขายคอนเทนต์ไปยังประเทศใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเมียนมาร์) โดยบริษัทสามารถปิดการขายได้ 150 ลบ. และได้ทยอยส่งมอบไปแล้วบางส่วนประมาณ 70 ลบ.ในไตรมาสที่ผ่านมา และจะทยอยส่งมอบลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่เหลือซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด และจะส่งผลดีต่อยอดขายจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดต่างประเทศ ตามเป้าหมายที่ 300 ลบ. (ที่มา : IQ)
ความเห็น : ผบห.ได้แสดงถึงความชัดเจนในการบุกตลาด CLMV และเน้นย้ำว่าในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมากกว่ารายได้ในประเทศ ถือว่าเป็นผลดีกับบริษัทอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นการใช้คอนเทนต์ชุดเดิมที่บริษัทได้ซื้อมาพอสมควรในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้นทุนคงเดิมแต่รับรายรับเพิ่มขึ้น โดยหากแผนการขายคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศประสบความสำเร็จด้วยดี จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ จากปัจจุบันใน 2Q61 อยู่ที่ราว 43% อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 61 อยู่ที่ 225 ลบ. เติบโต 20 %YoY
ส่องหุ้น
CHEWA แนวรับ 1.42-1.41 บาท แนวต้าน 1.45-1.46 , 1.52 บาท
STEC แนวรับ 24.70-24.50 บาท แนวต้าน 25.25-25.75 , 26.25 บาท
TFFIF (ราคาเสนอขายหน่วยละ 10 บาท เปิดให้จอง 12-19 ต.ค 61 เริ่มเทรด 31 ต.ค 61) คาดปี 62 ปันผล ราวร้อยละ 4.75-5.30 มีนโยบายปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
TFFIF กองทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมลงทุนใน 2 โครงการ คือ 1.เส้นทางพิเศษฉลองรัช ปี 60 เส้นทางพิเศษฉลองรัช (ระยะทาง 28.2 กม.) สร้างรายได้ 2,918 ลบ. มีปริมาณการจราจรเฉลี่ย 2.2 แสนคันต่อวัน มีความสามารถในการรองรับ 3.5 แสนคันต่อวัน และ 2.เส้นทางพิเศษบูรพาวิถี (ระยะทาง 55 กม.) ปี 60 สร้างรายได้ 2,081 ลบ. มีปริมาณการจราจรเฉลี่ย 1.5 แสนคันต่อวัน มีความสามารถในการรองรับ 3.6 แสนคันต่อวัน สำหรับเส้นทางพิเศษฉลองรัชและบูรพาวิถี มีอัตราการเติบโตของรายได้ และการจราจรเฉลี่ย 3.7% และ 4.7% ต่อปี ตามลำดับ ซึ่ง TFFIF มีสิทธิร้อยละ 45 ในส่วนแบ่งรายได้จากค่าผ่านทาง 2 แห่งนี้ เป็นระยะเวลา 30 ปี
เงินจากการระดมทุนครั้งแรกคาดว่าจะได้รับ อยู่ที่ราว 4.1 - 4.57 หมื่นลบ. โดยกระทรวงการคลังจะถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 10 จากจำนวนหุ้นทั้งหมด และแบ่งขายให้กับนักลงทุนรายย่อยราว 1,845 - 2,056 ล้านหน่วยโดยใช้วิธีจัดสรรแบบ Small lot first จัดสรรรอบแรกให้คนละ 1,000 หน่วย และรอบต่อๆไป จัดสรรให้ครั้งละ 100 หน่วย จองซื้อผ่านสถาบันการเงิน 5 แห่งได้แก่ ธ.กรุงไทย ธ.กรุงเทพ บลจ.เอมเอฟซี บล.ฟินันเซีย และบลจ.ภัทร ส่วนที่เหลือจะขายให้กับสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ
Market View : ยังไม่ผ่าน 1,766
หุ้นแนะนำพิเศษ : JKN
หุ้นมีข่าว : TEAMG PTT III ADVANC CPN
Technical Insight : PTG TKN
SET Index วันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังตลาดตอบรับกับข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ‘เฟด’ไปเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีปัจจัยใหม่มาขับเคลื่อนดัชนี อย่างไรก็ตาม เริ่มมีแรงกลับเข้ามาซื้อในกลุ่ม Big Cap. อาทิ PTT MTC KBANK และ AOT เป็นต้น ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,756.41 จุด (+3.46 จุด) Volume 5.7 หมื่นลบ. จาก Foreign Net +1,219.67 ลบ. TFEX Net +4,225.00 สัญญา ตราสารหนี้ +3,685 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมทั้งติดตามสถานการณ์การเมืองในอิตาลี
+น้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง หลังสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ เผยแท่นขุดเจาะน้ำมันลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง
+ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 100.1 ในเดือนก.ย. และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3%
+"เจอโรม พาวเวล"เชื่อศก.สหรัฐ 2 ปีข้างหน้าไม่มีสัญญาณถดถอย ชี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยเพื่อหนุนศก.เติบโตยั่งยืน นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ และจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า
-เงินเฟ้อยูโรโซนเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 2.1% เหนือเป้าหมายของ ECB
-ดัชนีภาคการผลิตจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ลดลงสู่ระดับ 50.0 ในเดือนก.ย.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.09 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.32 บาท/US
คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะยังไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,766 เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน อีกทั้งดัชนีภาคการผลิตของจีนที่เริ่มชะลอตัวเป็นปัจจัยกดดัน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,745-1,766 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- KBANK KKP KTB TMB สินเชื่อเติบโต QTD
- ดัชนีค่าระวางเรือ +13% ติดต่อกัน 8 วันทำการสู่ 1,540 จุด PSL TTA
- HMPRO, CPALL, ROBINS, BJC คืน VAT เป็นเงินสดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ
- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE CPF SVI
- หุ้น MAI ที่ผลประกอบการ 2H61 เติบโตต่อเนื่อง XO CHAYO TACC SSP
- กลยุทธ์การลงทุนเดือนก.ย. แนะนำกลุ่มธนาคาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ KKP CK SSP
หุ้นมีข่าว
+ TEAMG ได้งานเป็นที่ปรึกษาประจำ (In-house) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อสนับสนุนงานด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม เศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อมของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าโครงการ 39.5 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 180 วัน
+ PTT มาตามนัด บอร์ดไฟเขียวทุ่มเงิน 22,850 ล้านบาท จ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 80 สตางค์ แขวน XD วันที่ 11 ต.ค.นี้(ที่มาข่าวหุ้น)
+ III เติบโตทุกธุรกิจ ระบุไฮซีซันหนุนธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ขณะที่คลังสินค้าดอนเมืองสร้างรายได้ต่อเนื่อง เล็งขยายพื้นที่เพิ่มรองรับลูกค้ารายใหม่ ส่วนลูกค้าไปรษณีย์ไทยคาดเริ่มกลับมาใช้บริการทางอากาศ ภายในไตรมาส 4/2561 นี้ พร้อมรับรู้รายได้ทันที ย้ำผลงานปีนี้โตตามนัดที่ 15-20%(ที่มาทันหุ้น)
+ ADVANC ผนึก JMART เสริมศักยภาพธุรกิจ ขยายช่องจำหน่ายสินค้าและบริการดิจิทัล ผ่านร้านค้าในเครือเจมาร์ท รวม 443 แห่ง หนุนลูกค้าเพิ่มขึ้น ฟาก JMART ตั้งเป้าลูกค้าซื้อมือถือพ่วงแพ็กเกจรายเดือนพุ่ง 3 เท่า ภายในสิ้นปี 61(ที่มา : ข่าวหุ้น)
ความเห็น : การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการดิจิตอล จะช่วยทำให้ลูกค้าเข้าถึง AIS ได้ง่ายขึ้น และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาของศูนย์ AIS ด้วย
CPN กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต เวลาประมาณ 10.30 น.ของวันที่ 29 ก.ย.2561 บริเวณลานด้านนอกซึ่งเป็นสวนสนุกที่กำลังก่อสร้างและยังไม่ได้เปิดบริการ เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 10 นาทีและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยอาคารหลักภายในศูนย์การค้าไม่ได้รับผลกระทบใดๆและเปิดให้บริการตามปกติ และอยู่ในระหว่างสืบสวนสาเหตุ ทั้งนี้ CPN แจ้งว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเคลมประกัน
ความเห็น เหตุไฟไหม้เกิดขึ้นในส่วนที่ยังไม่เปิดให้บริการและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ คาดไม่ส่งกระทบต่อการดำเนินงานปัจจุบันและอนาคต ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 12,038 ลบ. เติบโต 22% จากกำไรปกติ 9,893 ลบ.ในปี 60 และยังมีอัพไซต์ได้อีกจากการควบรวมงบการเงินกับ GLAND ราว 4Q61
ประเด็นลบกลุ่มธนาคาร "แบงก์พาณิชย์" ยอมรับ "เอ็นพีแอล" สินเชื่อบ้านยังไหลไม่หยุด"ไทยพาณิชย์" ชี้หนี้เสียส่วนใหญ่ไหลจากกลุ่มปรับโครงสร้างหนี้ที่ตกชั้นซ้ำซ้อน ด้าน "กสิกร" เผยกลุ่มอาชีพอิสระกู้ซื้อบ้านทำออฟฟิศหนี้เสียสูง ขณะ "กรุงศรี" ห่วงดีมานด์เทียมจากโฆษณาชวนเชื่อลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยปล่อยเช่าได้ผลตอบแทนสูง หนุนธปท. ออกมาตรการคุม ที่มากรุงเทพธุรกิจ
+ SPALI เปิดขายโครงการ Veranda รามคำแหง มูลค่า 6 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดโอนในปี 2565 ระหว่าง 28 – 30 ก.ย. ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี ล่าสุดขายได้แล้ว 62% หรือคิดเป็น 3.7 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าของบริษัทที่ระดับ 40% ทั้งนี้ผู้บริหารยังคงเป้ายอดขาย presale ทั้งปีที่ 3.3 หมื่นลบ.
ความเห็น เป็น sentiment ที่ดีต่อยอดขาย presale ทั้งปีที่จะทำได้ตามเป้า โดยยอดขาย presale ในช่วงครึ่งปีแรกทำได้ 1.78 หมื่นล้านบาท +33%YoY คิดเป็น 54% ของเป้า 3.3 หมื่นลบ. ขณะที่ในระยะยาวผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจาก backlog ที่แข็งแกร่ง
หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : KWM(ราคา IPO 1.30 บาท) ตลาด mai /สินค้าอุตสาหกรรม
บมจ. เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค(KWM) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทแบ่งเป็น 4 ประเภทได้แก่ 1)ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย ใช้ต่อพวงกับรถแทรกเตอร์ใช้สำหรับขั้นตอนการเตรียมดินเพาะปลูก มีสัดส่วนรายได้ 61% 2)โครงผาล ใช้สำหรับยึดกับใบผาล มีสัดส่วนรายได้ 16% 3)ใบเกลียวลำเลียง ใช้ในการลำเลียงสิ่งของ เช่น ข้าวเปลือก เม็ดพลาสติก ผงแป้ง เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ 9%
4)ใบดันดิน ใช้ยึดกับรถแทรกเตอร์ เพื่อดันเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ มีสัดส่วนรายได้ 12%
บริษัทมีรายได้รวมงวด 1H61 ที่ 189 ลบ. เติบโตสูงถึง 34%YoY เนื่องจากปริมาณน้ำในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นซึ่งดีต่ออุตสาหกรรมการเกษตร ส่งผลให้ยอดขายใบผาลเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นราว 50% โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 22.7% ในช่วง 1H60 เหลือ 21% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิยังคงเติบโตอย่างโดดเด่นสู่ 16.7 ลบ. +21%YoY
จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 156 ลบ. ใช้ชำระหนี้แก้เจ้าหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 22.95 เท่า น้อยกว่าหมวดสินค้าอุตสาหกรรมในตลาด MAI ที่มีค่า PER เฉลี่ยเท่ากับ 28.76 เท่า
นักวิเคราะห์ 02-6725999
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ทศพล วิไลประภากร
สลักบุญ วงศ์อัครเดช
OO14477