CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideway Up” 1766/1771จุด รับ 1748/1742จุด การเปิดตัวสมาชิกพรรคการเมืองหลายแห่งช่วงสุดสัปดาห์ หนุนการเลือกตั้งชัดเจนขึ้น กอรปกับราคาน้ำมันขาขึ้น ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบแตะ 80.32เหรียญฯ หนุนราคาเฉลี่ย 2018YTD อยู่ที่ 71.8 เหรียญ สูงกว่าสมมติฐานของ Consensus ที่ 68-70 เหรียญ และกรณีน้ำมันเหนือ 80เหรียญฯไปถึงสิ้นปี ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะสูง 74-75เหรียญฯ ถือเป็น Upside risk ของกลุ่มพลังงานนำตลาด   วันนี้แนะนำ Theme “Election Play” : SC, STEC, GUNKUL

 

Nomura : Key Factors

 

(*/ +) Ex Factor :ผู้นำอิตาลี ตัดลดงบประมาณขาดดุลลง 2.4% ของ GDP  กดดันค่าเงินยูโรอ่อนค่า

(+) TH :การระดมทุน Thailand future fund คาดเริ่มซื้อขายปลายต.ค

(+) TH: ผสานรัฐบาลเดินหน้า TOR โครงการ มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา

(+) TH: ภาพรวม Earning preview 3Q18F กลุ่มธนาคาร 9แห่ง +19.1% y-y

(+) OIL: ราคาน้ำมัน Brent ทำ New high ที่ 82.72 เหรียญ

(*) Fund Flow:ล่าสุดซื้อหุ้น 1220 ลบ., Long Future 4225 สัญญา, ซื้อ Bond  3685 ลบ.

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway Up” ต้าน 1766/1771 จุด รับ 1748/1742 จุด หลายปัจจัยยังเป็นภาพผ่อนคลายและเอื้อต่อตลาดรวม โดยมีเพียงการเมืองอิตาลีที่แผนตัดลดงบประมาณขาดดุลลง 2.4% ของ GDP มากกว่าที่รัฐมนตรีคลังของอิตาลีอยากเห็นไม่เกิน 1.6% ของ GDP กดดันค่าเงินยูโรอ่อนค่า และหนุน Dollar Index แกว่งขึ้นระยะสั้น อย่างไรก็ตามท้ายที่สุด Nomura คาดว่าอิตาลีน่าจะตัดลดงบประมาณได้ตามเป้า เป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงถัดไป โดยจะมีการเจรจาระหว่างอิตาลีและ EC ภายใน 15 ต.ค.นี้ ส่วนปัจจัยหนุน ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ดังนี้  1) การเมืองที่หลายพรรคเริ่มเปิดเผยผู้สมัครแกนนำ เป็นสัญญาณบวกต่อความคืบหน้าของการเลือกตั้ง 2) การระดมทุน Thailand future fund คาดเริ่มซื้อขายปลายต.ค. และการเดินหน้า TOR 4 โครงการเร่งด่วน 3.75 แสนลบ. (มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา) ซึ่งมีกำหนดนำเข้าบอร์ด EEC 4 ต.ค.นี้ และออก TOR ให้ทัน ต.ค.-พ.ย.นี้ บวกต่อกลุ่มอิงการลงทุน 3) ราคาน้ำมัน Brent ทำ New high ที่ 82.72 เหรียญ สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ทยานสู่ 80.32เหรียญฯ หนุนราคาเฉลี่ย 2018YTD อยู่ที่ 71.8 เหรียญ มากกว่าสมมติฐานของ Consensus กำหนด 68-70 เหรียญ และกรณีน้ำมันยืนเหนือ 80เหรียญฯไปถึงสิ้นปี ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะสูง 74-75เหรียญฯ ถือเป็น Upside risk ของกลุ่มพลังงานและตลาด 4) ภาพรวม Earning preview 3Q18F กลุ่มธนาคาร 9แห่ง 4.62หมื่นล้านบาท +19.1%y-y อยู่ในทิศทางที่ดี สินเชื่อขยายตัว ผสานการตั้งสำรองลดลง เป็นปัจจัยบวกต่อ SET เดินหน้าสู่เป้าหมาย Election rally  ที่ 1904จุด

 

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, TMB, CPALL, ROBINS, ADVANC, CK, STEC, PYLON, AMATA, GOLD, SC, ERW, BH, และ Global Play (PTT, PTTEP) วันนี้เน้น “Theme “Election Play”

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบปัจจุบันพุ่งสู่ 80.32เหรียญฯ Avg 2018YTD 71.8เหรียญฯ มากกว่า Consensus ที่ว่าไว้ 68-70เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่กรณีน้ำมันยืน 80-3เหรียญฯไปถึงสิ้นปี ราคาน้มันดิบเฉลี่ยทั้งปีจะพุ่งไป 74-75เหรียญฯ มี Upside จากการปรับสมมติฐานราว 4-7เหรียญฯ  จะหนุนคาดการณ์ผลประกอบหุ้น PTTEP เพิ่มขึ้นราว 10-15% ดังนั้น เรายังคงแนะนำสะสม PTT, PTTEP

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน คาดเข้าซื้อขายปลายต.ค. ผสาน TOR 4 โครงการเร่งด่วน (มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา) ซึ่งมีกำหนดนำเข้าบอร์ด EEC 4 ต.ค.นี้ หนุนอิงการลงทุนฟื้นรอบใหม่ STEC, AMATA, CK, TOA, PYLON

CPALL(TP92) เคาเตอร์เซอร์วิสได้รับสิทธิเป็นผู้บริหารให้บริการคืน VAT นักท่องเที่ยว + การแปลง Bond บางส่วนถือเป็นปัจจัยบวก ผสาน Banking Agent และกำลังซื้อภาคเกษตรฟื้นตัวเด่น/AOT เดินหน้าแบบก่อสร้างเฟส2 และดิวตี้ฟรี

กลุ่ม รฟฟ เด่นการเติบโต เน้น GULF(เก็งเข้า MSCI พย นี้) BGRIM PSTC BWG]

Health Update ช่วง Seasonal จะหนุนกลุ่ม รพ BH(TP235) และ BDMS(TP31.2)

Road to Election 2019 : PTT, PTTEP,  BBL, KBANK, TMB,  CPALL, ROBINS, ADVANC,  STEC, AMATA, SC, GOLD, PLANB

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

 

1.  Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2.  Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3.  Property : GOLD, SC

4.  Tourism & Transport : ERW, BTS

5.  Global Play : IVL, PTL

6.   ICT : ADVANC

 

 

SC (TP19F 4.70*): Support 3.6/3.58  Resistant 3.7/3.78

 

Earnings outlook: คาดกำไร 2H18 เติบโตโดดทั้ง y-y, h-h จาก Presale และ รายได้ที่คาดว่าน่าจะทำ Record high ทั้งสองส่วนพร้อมกัน และยังคงประมาณการกำไร 19F ระดับ 2.08 พันลบ. +2% y-y จากฐานสูงในปี18F (+62% y-y)

Valuation: ปัจจุบันซื้อขายที่ PER19F ที่ 7.3x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 8.7x ในขณะที่คาดกำไรปี18F โต 62% y-y สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 8%

Catalyst: SC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ให้ผลตอบแทน 6 เดือนก่อนการเลือกตั้ง (Election rally) สูงที่สุดในกลุ่มอสังหาฯ โดยผลตอบแทนเฉลี่ยการเลือกตั้ง 4 ครั้ง พบว่า ให้ผลตอบแทบเฉลี่ยสูงถึง 47% ในขณะที่กลุ่มให้ผลตอบแทนเพียง 2% ประกอบกับ คาดกำไร 2H18 จะทำรายได้และยอด Pre-sale ที่จุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

 

STEC (TP19F 32.0*):  Support 24.6/24   Resistant25.25/26

 

Earnings Outlook: คาด 2H18F จะเด่นกว่า 1H18 มาก เติบโตสูงต่อเนื่องทั้ง y-y และ h-h ตามรายได้ก่อสร้างที่เร่งขึ้นจากงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลืองที่ส่งมอบพื้นที่และเริ่มเร่งก่อสร้าง นอกจากนี้มี Backlog secure รายได้ถึง 2020F

Valuation: มองราคาหุ้นพักฐานระยะสั้นเสร็จแล้ว และลุ้นกลับมานำตลาดกลุ่มอิงการลงทุนต่อ + ยัง under own โดยซื้อขายเพียง P/BV19F 2.95x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง upside เปิดกว้าง 29%

Catalyst: ภาพระยะกลางยาว ได้ประโยชน์จากการลงทุนรอบใหญ่โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและEEC สอดรับกับภาพระยะสั้นที่คาดรัฐจะเร่งงานประมูลออกมาก่อนเลือกตั้ง (รถไฟ High speed เชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟฟ้าสีส้ม, รถไฟทางคู่, มาบตาพุดเฟส 3 ฯลฯ) + คาดไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์เปิดขายทันเดือน ต.ค.18 นี้ หนุน Sentiment กลุ่มอิงการลงทุน

GUNKUL (TP19F 4.46*) : Support3.1/3   Resistant 3.2/3.26

 

Earning outlook: ประเมินผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 1H18 และคาดฐานกำไร 3Q18F จะทำ New record high รายไตรมาสที่ 453 ลบ. (+223% y-y, +275% q-q) จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมถึง 170 MW (WED 60 MW, KWE 50 MW และ GNP 60 MW) จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาส และมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องถึง 1Q19F จากจะมีโครงการ Solar ทยอย COD อีก 70 MW (SENDAI 32 MW เริ่ม 4Q18F + KIMITSU 38 MW เริ่ม 1Q19F)

Valuation: เป็นจุดลงทุนที่ดีมาก อยู่ในโซน Deep valuation มี PER19F 14x เทียบ GULF/EA/BGRIM ที่สูง 20-38x และราคายัง Laggard กลุ่มมาก โดย YTD ยัง -26% + ราคามี Downside จำกัด ทั้งจากการซื้อหุ้นคืน (เหลือโควต้าซื้อได้อีกราว 200 ล้านหุ้น) และราคานี้ยังต่ำกว่าราคา Big lot ตอน มิ.ย. 17 @ 4.1 บาท

Catalyst: แนวโน้มธุรกิจเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ความเสี่ยงธุรกิจและความผันผวนลดลง จากฐานกำไร Recurring income เพิ่มขึ้นเป็น 70% + คาดแนวโน้ม Earning momentum จะเป็นฐานกำไรที่สูงไปถึง 1Q19F

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)