- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 01 October 2018 16:46
- Hits: 6210
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เริ่มทยอยสะสมหุ้นต่อประเด็นกำไรใน 3Q61 ชะลอการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว
Smart Pick
เก็งกำไร CPN
ราคาปิด 83.00 บาท
ราคาเหมาะสม 86.50 บาท
หากวันนี้ราคาหุ้น CPN ปรับตัวลงจากความกังวลต่อเหตุเพลิงไหม้บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต เรามองเป็นโอกาสของการเข้าเก็งกำไร เพราะเราประเมินว่าผลกระทบจำกัด บริเวณที่เกิดเหตุอยู่นอกอาคารศูนย์การค้า และเป็นส่วนที่กำลังก่อสร้าง ยังไม่ได้เปิดให้บริการ อีกทั้งบริษัทฯ สามารถเคลมประกันภัยได้เกือบทั้งหมด ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q61-4Q61 คาดเติบโต QoQ จากห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่ 3Q61 พร้อมกับการขึ้นค่าเช่าอีก 10%
สะสม SCC
ราคาปิด 446.00 บาท
ราคาเหมาะสม 510.00 บาท
หนึ่งในหุ้น Top Pick กลยุทธ์ไตรมาสที่ 4 ของเรา โดยกลุ่มวัสดุก่อสร้างเป็นหนึ่งกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากกรอบเวลาการเลือกตั้งที่ชัดเจน รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ก่อนการเลือกตั้งใน 1H62
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 7.7% ใน 3Q61 เทียบกับ SET INDEX ที่เพิ่มขึ้น 10% และราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER61 เพียง 10.1x และ Dividend Yield 4.3%
สะสม BJC
ราคาปิด 59.50 บาท
ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
หนึ่งในหุ้น Top Pick กลยุทธ์ไตรมาสที่ 4 ของเรา จากผลการดำเนินงานใน 2H61 เด่น หนุนจาก SSSG กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง และการเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย (High Season) หลังจากงวด 2Q61 ติดลบราว 0.5% YoY ส่งผลให้คาดการณ์กำไรปกติปี 2561 เติบโตเด่นถึง 28% YoY สูงสุดในกลุ่มค้าปลีกใน Yuanta Universe
เก็งกำไร KBANK
ราคาปิด 216.00 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 221.00 บาท
KBANK แกว่งตัวเหนือแนวรับ 213-214 บาท แนวโน้มกราฟ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้าน 221 บาท กำหนดจุด Stop loss ถ้า KBANK ลงไปต่ำกว่า 212 บาท
เราคาดกลุ่มธนาคาร จะมีแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 3Q61 เข้ามาในช่วงนี้ เพราะจะเป็นกลุ่มแรกที่รายงานงบออกมา เราประเมินกำไร 3Q61 ของ KBANK เท่ากับ 9.47 พันล้านบาท เติบโต 7.4% YoY
Profit-Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
เริ่มเข้าสู่เทศกาลประกาศงบการเงิน 3Q61 แล้ว โดยกลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มแรกที่จะเริ่มประกาศในช่วงกลางเดือนต.ค.และต่อด้วยกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารทยอยประกาศไปจนถึงกลางเดือนพ.ย.นี้ เรามองว่ากลุ่มธนาคาร/ กลุ่มค้าปลีก / กลุ่มอสังหาฯ / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มส่งออกอาหาร เข้าสู่ไฮซีซั่นของผลการดำเนินงาน และเป็นประเด็นการสะสม/ เก็งกำไรระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า ภายใต้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีปัจจัยสนับสนุนการทรงตัวในระดับสูงต่อกรณีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านของสหรัฐฯ ทำให้โอกาสที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะตึงตัว อีกทั้งบรรยากาศการเมืองชัดเจนมากขึ้น ย่อมเอื้อให้ SET INDEX รอบนี้จะทดสอบด่าน 1,800 จุดได้ไม่ยาก
สำหรับปัจจัยต่างประเทศในช่วงสั้นนี้ เรามองว่ามีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยจำกัด ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อและไม่น่าเห็นข้อตกลงร่วมกันได้ในเร็วๆ นี้ ความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐฯ กับการเลือกตั้งกลางเทอม และการเมืองในอิตาลีที่เริ่มมีผลต่ออียูโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินหน้าใช้งบประมาณขาดดุลที่มากกว่าหลักเกณฑ์ของอียู แต่นั่นก็เป็นเพียงปัญหาเฉพาะประเทศเท่านั้น
ปัจจัยสำคัญวันนี้คือ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าทะลุ 95 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. ค่าเงินบาท/USD ย่อมอ่อนค่าในช่วงสั้น เป็นบวกต่อกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มส่งออกอาหารอย่าง TU / CPF / TFG เป็นต้น ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่แม้ได้อานิสงค์เชิงบวกจากประเด็นนี้ แต่ด้วย Price Performance และ Valuation ที่ตึงตัว เชิงกลยุทธ์เราแนะนำว่านักลงทุนควรหาจังหวะขายทำกำไรกลุ่มชิ้นส่วนฯ และหมุนเข้าเก็งกำไรกลุ่มส่งออกอาหารจะเหมาะสมกว่า
กลุ่มท่องเที่ยวและ AOT วันนี้คาดมีแรงกดดันจากกรณีนักท่องเที่ยวจีน ทำให้เกิด Sentiment เชิงลบต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า เชิงกลยุทธ์เราแนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในกลุ่มนี้ไปก่อน จนกว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ
HOT Topic
1. Update ปัจจัยการเมืองภายในประเทศ
2. เหตุการณ์เพลิงไหม้บริเวณศูนย์การเซ็นทรัล ภูเก็ต เราประเมินผลกระทบต่อ CPN อย่างไร?
3. PTT ประกาศจ่ายปันผลงวด 1H61 เท่ากับ 0.80 บาท/หุ้น แต่ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน
4. บทวิเคราะห์ Preview งบ 3Q61 ของ DTAC และภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค.โดย ธปท.
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX แกว่งตัวอยู่ในกรอบ Sideway บริเวณ 1750-1760 จุด ปิดที่ 1756.41 จุด เพิ่มขึ้น 3.46 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.7 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นในกลุ่มเงินทุนปรับตัวขึ้นเด่น นำโดย MTC +6.63%, SAWAD +6.04% และ ECL +3.88%
กระแสเงินทุน: นักลงทุนต่างชาติ, สถาบันในประเทศ และบัญชี บล. ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นทั้ง 3 กลุ่ม ราว 1.22 พันล้านบาท, 1.15 พันล้านบาท และ 476 ล้านบาท ตามลำดับ มีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิสูงถึง 2.85 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 4.23 พันสัญญา สวนทางกับกลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Short สุทธิ 1.87 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิสะสม 3.70 หมื่นสัญญา ขณะที่กลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิสะสม 2.06 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้: นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิราว 3.68 พันล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิราว 1.5 พันล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
เกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิในอินโดนิเซีย ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 832 ราย และบาดเจ็บ 540 ราย
จีนรายงานเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี 2560 ลดลง 19.3%YoY เป็นครั้งแรกในประวัติการ
จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย. ที่ 50.8 จุด ลดลงจากระดับ 51.3 จุด ในเดือน ส.ค.
เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณนอกตัวอาคารของห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต
กบง. มีมติอนุมัติให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ลิตรละไม่เกิน 1 บาท วงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาท เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร จนถึงสิ้นปี 2561
สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือน ส.ค. ขยายตัว 2%YoY เท่ากับประมาณการของตลาด
อังกฤษรายงาน GDP 2Q61 เพิ่มขึ้น 1.2%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 1.3%YoY
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.0% YoY , การรายงาน GDP 2Q61 ของอังกฤษ และการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธปท. วันนี้
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อไทยเดือนก.ย. ตลาดคาดขยายตัว 1.25% YoY วันที่ 1 ต.ค.
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันที่ 5 ต.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO14467