- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 01 October 2018 16:27
- Hits: 6598
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นมากในกลุ่มการเงินอย่าง MTC, SAWAD ภายหลังมีความชัดเจนจากธปท.ประเด็นค่าธรรมเนียม และกลุ่มนิคมอย่าง AMATA, WHA และกลุ่มโรงไฟฟ้ามีแรงเก็งกำไรเด่นอย่าง BGRIM, BCPG, GULF ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,756.4 จุด (+3.4 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.3 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งที่ 1,219 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันพลิกกลับมาซื้อสุทธิเช่นกันที่ 1,154 ล้านบาท) พร้อมเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 4,225 สัญญา
Investment theme
ไตรมาส 4 จับตาการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐเดือนพ.ย. : เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการลงทุนปีนี้ หากนับจากสถิติย้อนหลังพบว่าเม็ดเงิน LTF มากกว่า 66% จะเข้าซื้อหลักทรัพย์ (ต.ค. 8%, พ.ย. 12% และธ.ค. 46%) โดยเรามีมุมมองเป็นกลางต่อปัจจัยต่างประเทศดังต่อไปนี้ 1) เรื่องสงครามการค้า หากสหรัฐคงยังไม่ขึ้นภาษีรอบที่ 3 วงเงิน 2.67 แสนล้านเหรียญ เราประเมินว่าตลาดหุ้นได้ตอบรับปัจจัยดังกล่าวไปพอสมควร ในขณะที่เราเชื่อว่าจะเริ่มเห็นการย้ายฐานผลิต ส่งออก-นำเข้าเพื่อปรับตัวจากผลกระทบสงครามการค้า แนะจับตาประเทศไทยในอุตสาหกรรม ยาง, ปิโตร และรถยนต์ 2) อิงจาก Dotplot พบว่าตลาดทุนกำลังปรับตัวสะท้อนมุมมอง Hawkish ภายหลังการประชุม FED เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมองว่าในเดือนธ.ค. สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งเป็น 2.25-2.50% และ 3) การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 6 พ.ย. โดยเริ่มมีโพลระบุมีโอกาสที่ Democrat จะพลิกแซงที่นั่งในสภาล่าง (ต้องการ 23 ที่นั่งเพิ่มในสภา) ซึ่งเรามองว่าตลาดหุ้นจะผันผวนสูงในช่วงนั้น และสำหรับปัจจัยในประเทศมี 3 ปัจจัยที่สำคัญนั้นคือ 1) ผลกระทบกลุ่มท่องเที่ยวภายหลังเจอหลายปัญหาทำลายภาพลักษณ์ 2) โอกาสการที่รัฐจะออกมาตรการพิเศษกระตุ้นการบริโภคมีสูง 3) แนะลดสัดส่วนกลุ่มอสังหา ภายหลังธปท.เตรียมคุมการปล่อยสินเชื่อ LTV, ดอกเบี้ยขาขึ้น และภาษีอสังหา
Investment Theme: เดือนตุลาคมเราประเมินกรอบ SET บริเวณ 1,740 -1,780 โดยยังคงแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และทยอยสะสมกลุ่ม Domestic เช่นกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้าง (TEAMG, STEC)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – เปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ ตั้งคุณอุตตม เป็นหัวหน้าพรรค / KWM เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นวันนี้ / OSP จองหุ้น-จ่ายเงินสัปดาห์นี้ / BEM เปิดทางเชื่อมทางด่วน SOE-แจ้งวัฒนะแล้ว
Stock pick : -
Trading idea – หากวันนี้ CPN ปรับตัวลงจากข่าวไฟไหม้ที่ภูเก็ต เรามองเป็นจังหวะในการสะสม แนวรับ 80.00 บาท / ทยอยสะสม TPIPP ราคาเป้าหมาย 8.00 บาท ในเดือนนี้จะเปิดประมูลโรงไฟฟฟ้าขยะ 3 โรง รวม 50mw และคาดดผลประกอบการทำ New high ต่อเนื่อง / เก็งกำไร III แนวต้าน 7.50, 8.00 บาท คาดผลประกอบการฟื้นตัวเด่น 50% / ชะลอแรงเก็งกำไร CKP พร้อมแนะนำทยอยขายบริเวณแนวต้าน 5.30 และ 5.50 บาท , ทยอยขาย WORK คาดผลประกอบการ Q3 ไม่สวย
Technical View
ระยะสั้นแกว่งในกรอบ ส่วนระยะยาวยังเป็นขาขึ้น: แนวโน้มระยะยาวดัชนียังแกว่งตัวในกรอบขาขึ้นในกรอบ Uptrend ส่วนในระยะกลางมองว่าเป็นการ Break Neckline Double Bottom และกำลังแกว่งพักตัวในกรอบ 1745-1765 เพื่อรอลุ้นการปรับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มหลัก ภาพการปรับตัวในระยะยาวจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อดัชนีผ่านแนวต้านระยะสั้นที่ 1765 โดยมีแนวต้านระยะกลางถึงยาวบริเวณกรอบบน Uptrend และ Target ของ Double Bottom ที่บริเวณ 1790-1800 ยังมองว่าจังหวะอ่อนตัวยังน่าทยอยสะสมตามแนวรับ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading ในกรอบ 1745-1765 และพิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1760 และ 1765 เพื่อขายทำกำไรเล่นรอบ 2) ไม่มีหุ้น : หากอ่อนตัวไม่หลุด 1745 แนะนำทยอยสะสม เพื่อ Trading ในกรอบ 1745-1765
แนวรับ : 1745, 1750 แนวต้าน : 1760, 1765
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เตรียมเจรจาการค้าญี่ปุ่น / Worldbank ประชุม IMF เรื่องเศรษฐกิจโลก
ปัจจัยในประเทศ: เงินเฟ้อเดือนก.ย.
หุ้นเทคนิค:
PTG (B 12.80-13.20, Tp 14.00//15.50, Cut 12.50)
AMATA (B 23.50, Tp 25.00, Cut 23.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ/ จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO14466