CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideway Up” 1762/1770จุด รับ 1742/1736จุด การตัดลดงบประมาณอิตาลีใกล้ได้บทสรุป ตามตลาดคาด คือ ขาดดุลงบประมาณราว 2-2.5% ของ GDP จะเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดในช่วงถัดไป ผสานรัฐบาลเดินหน้า TOR 4 โครงการเร่งด่วน (มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา) ซึ่งมีกำหนดนำเข้าบอร์ด EEC 4 ต.ค.นี้ จะหนุนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย ดังนั้นหลังพ้นการ Rollover ของ TFEX ไปแล้ววานนี้ ตลาดน่าจะเริ่มปรับตัวขึ้นรอบใหม่ วันนี้แนะนำ Theme “Small Cap Play” : GUNKUL, AMANAH , BWG

 

 

(*/ +) Ex Factor :ผู้นำอิตาลี สรุปแผนตัดลดงบประมาณขาดดุลลง 2.4% ของ GDP

(+) TH: ผสานรัฐบาลเดินหน้า TOR โครงการ มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา

(+) TH: คาดตลาดเริ่มปรับตัวขึ้นรอบใหม่หลังพ้นการ Rollover ของ TFEX ไปแล้ววานนี้

(+) OIL: สัญญาน้ำมันดิบ Brent +0.47% สู่ 81.72 $/bbl

(*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น 1737 ลบ, Short Future -8792 สัญญา, ขาย Bond -1487

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway Up” ต้าน 1762/1770จุด รับ 1742/1736จุด ผู้นำอิตาลี สรุปแผนตัดลดงบประมาณขาดดุลลง 2.4% ของ GDP อยู่ในกรอบที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่คุณ Tria รัฐมนตรีคลังของอิตาลี อยากเห็นการตัดลงลงต่ำกว่า 1.6% ของ GDP ทำให้ความไม่แน่นอนของการลดงบประมาณ กดดันค่าเงินยูโรอ่อนค่า และหนุน Dollar Index แกว่งขึ้นระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามท้ายที่สุด Nomura คาดว่าอิตาลีน่าจะตัดลดงบประมาณได้ตามเป้า เป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงถัดไป ส่วนปัจจัยในประเทศได้รับแรงหนุนจากการเดินหน้า TOR 4 โครงการเร่งด่วน (มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา) ซึ่งมีกำหนดนำเข้าบอร์ด EEC 4 ต.ค.นี้ และออก TOR ให้ทัน ต.ค. นี้ มูลค่า 3.75 แสนลบ. เพิ่มเติมจากโครงการเชื่อม 3 สนามบิน เป็นปัจจัยบวกต่อ SET ดังนั้นหลังพ้นการ Rollover ของ TFEX ไปแล้ววานนี้ ตลาดน่าจะเริ่มปรับตัวขึ้นรอบใหม่

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, TMB, CPALL, ROBINS, ADVANC, CK, STEC, PYLON, AMATA, GOLD, SC, ERW, BH, และ Global Play (PTT, PTTEP) วันนี้เน้น “Theme “Thailand Future Fund Play”

 

28ก.ย.นี้ จะมีสรุปข้อมูล IPO กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หนุนอิงการลงทุนฟื้นรอบใหม่ STEC, AMATA, CK, TOA, PYLON

CPALL(TP92) การแปลง Bond บางส่วนถือเป็นปัจจัยบวก ผสาน Banking Agent และกำลังซื้อภาคเกษตรฟื้นตัวเด่น/AOT เดินหน้าแบบก่อสร้างเฟส2 และดิวตี้ฟรี

ราคาน้ำมันดิบเหนือ 81เหรียญฯ หนุน PTT, PTTEP, PTTGC เด่น

รัฐเร่งแผนประมูล TOR 4 โครงการเร่งด่วน (มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา) ให้ทัน ต.ค. นี้ มูลค่า 3.75 แสนลบ. เพิ่มเติมจากโครงการเชื่อม 3 สนามบิน (ยื่นซอง 12 พ.ย.) แนะนำ  AMATA, STEC

กลุ่ม รฟฟ เด่นการเติบโต เน้น GULF(เก็งเข้า MSCI พย นี้) BGRIM PSTC BWG

Health Update ช่วง Seasonal จะหนุนกลุ่ม รพ BH(TP235) และ BDMS(TP31.2)

Portfolio Top Picks SEP 2018 แนะนำ AMATA, AOT, BH, CPALL, TMB, TOA, AMANAH

Road to Election 2019 : PTT, PTTEP,  BBL, KBANK, TMB,  CPALL, ROBINS, ADVANC,  STEC, AMATA, SC, GOLD, PLANB

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

1.  Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2.  Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3.  Property : GOLD, SC

4.  Tourism & Transport : ERW, BTS

5.  Global Play : IVL, PTL

6.  ICT : ADVANC

 

 

GUNKUL (TP19F 4.46*) : Support 3.06/3.02  Resistant 3.2/3.28

 

Earning outlook: ประเมินผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 1H18 และคาดฐานกำไร 3Q18F จะทำ New record high รายไตรมาสที่ 453 ลบ. (+223% y-y, +275% q-q) จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมถึง 170 MW (WED 60 MW, KWE 50 MW และ GNP 60 MW) จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาส และมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องถึง 1Q19F จากจะมีโครงการ Solar ทยอย COD อีก 70 MW (SENDAI 32 MW เริ่ม 4Q18F + KIMITSU 38 MW เริ่ม 1Q19F)

Valuation: เป็นจุดลงทุนที่ดีมาก อยู่ในโซน Deep valuation มี PER 19F 13x เทียบ GULF/EA/BGRIM ที่สูง 20-38x และราคายัง Laggard กลุ่มมาก โดย YTD ยัง -21%  +  ราคามี Downside จำกัด ทั้งจากการซื้อหุ้นคืน (เหลือโควต้าซื้อได้อีกราว 200 ล้านหุ้น) และราคานี้ยังต่ำกว่าราคา Big lot ตอน มิ.ย. 17 @ 4.1 บาท

Catalyst: เราปรับกำไรและ TP ขึ้นเป็น 4.46  รับแนวโน้มธุรกิจเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ภายใต้ความเสี่ยงธุรกิจและความผันผวนที่จะลดลง จากฐานกำไร Recurring income เพิ่มขึ้นเป็น 70% + คาดแนวโน้ม Earning momentum จะเป็นฐานกำไรที่สูงไปถึง 1Q19F

AMANAH (TP18F 3.26*): Support 1.96/1.93  Resistant 2.04/2.08

 

Earnings Outlook: คาดกำไรปกติ 3Q18F เติบโตทั้ง y-y (3Q17 กำไรปกติ 12 ลบ.) และ q-q จากปัจจัยบวก i) ยอดสินเชื่อใหม่ใน 3Q18F คาดเติบโตในอัตราเร่งสูงถึง +380 ลบ. หรือเพิ่มขึ้นกว่า +41% q-q (2Q18: ยอดสินเชื่อใหม่ 270 ลบ.) ii) Loan yield ที่ระดับ 20% iii) คาดตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง q-q iv) NPL Ratio คาดลดลงจากฐานสินเชื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้น และคาดกำไรปีนี้ Turnaround เต็มตัว +244% y-y (CAGR 18-20F จะโตเด่นถึง +99%)

Valuation: ราคาหุ้นซื้อขาย Valuation ที่ยังมี Discount โดย P/E 18F เพียง 11.7 เท่า ยังต่ำกว่า SAWAD และ MTC ที่สูง 21-28x เท่า   และยัง Laggard กลุ่มฯ

Catalyst: แบงก์ชาติคุมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถกำหนดอัตราไม่เกิน 28% ปลดล็อกความกังวลก่อนหน้าที่จะถูกกำหนดอัตราต่ำกว่านี้ + คาดว่าใน 3Q18F จะมีการขยายวงเงินกู้ขึ้นสู่ระดับ 2.3-3.0 พันลบ. (เดิม 2 พันลบ.) ที่อัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงเดิมเฉลี่ย 4.0% ปลดล็อคความกังวลทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ต้นทุนการเงินคงเดิม (อัตราดอกเบี้ยกู้จากธนาคารพาณิชย์อื่นเฉลี่ย 6-7% สำหรับบริษัทขนาดเล็ก)

BWG (TP18F 1.99*):  Support 1.16/1.13  Resistant 1.23/1.27

 

Earning Outlook: คาดกำไรสุทธิ 3Q18F โตเด่น y-y โดยเริ่มเห็นรายได้กำจัดขยะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น จากการขยายฐานลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หนุนรายได้รวม 3Q18F ทำจุดสูงสุดใหม่ 6 ไตรมาสติด + โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม สัญญาขายไฟ 8 MW มี Efficiency rate สูงระดับ 95% หนุนกำไรเพิ่ม 5-6 ลบ./เดือน

Valuation: ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER18F ต่ำเพียง 15x สวนทางแนวโน้มกำไรที่กำลังเติบโตรอบใหญ่ แนะนำซื้อ ด้วย TP18F 1.99 บาท/หุ้น

Catalyst: คากำไร 2H18 เติบโต y-y จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายฐานลูกค้าเริ่มบันทึกรายได้ ประกอบกับเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3 ไตรมาสติดต่อกัน และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเริ่มจ่ายไฟได้เต็มกำลัง 8 MW คำนวณเป็นกำไรสุทธิต่อเดือนเพิ่มขึ้น 5-6 ลบ

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)