- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 September 2018 19:08
- Hits: 844
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Mid-Term Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways พักฐานตามคาดด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ไม่ได้หนาแน่นนัก โดยนักลงทุนยังรอดูผลการประชุม FOMC เมื่อคืนที่ผ่านมา สถาบันในประเทศยังขายสุทธิต่ออีก 630 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางๆ (แต่ Short ใน Index Futures สูงถึง 1.1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่อง โดยผลการประชุม FOMC ล่าสุดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด (เป็น 2-2.25%) และส่งสัญญาณขึ้นอีกครั้งในเดือน ธ.ค. โดยเงินเฟ้อยังไม่ได้กดดันให้ต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงยังแสดงมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งโดยรวมเราเป็นประเด็นบวกระยะกลาง-ยาว ประกอบกับปัจจัยในประเทศที่ยังได้แรงหนุนจากการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงคาดว่ามีโอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อในระยะถัดไปหลังจากที่แกว่งพักฐานในปัจจุบัน
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic โดยเฉพาะที่ยัง Laggard //ระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเล็กน้อย US$0.3ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกฟิลิปปินส์ US$10ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$16ล้าน และไทย US$3ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลัง Fed มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อคืนนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CPN <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 93 บาท
อยู่ระหว่างทำเทนเดอร์ GLAND จากผู้ถือหุ้นอื่นในราคาหุ้นละ 3.10 บาท (25 ก.ย.-31 ต.ค.) หลังซื้อหุ้น 50.43% จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไปแล้ว เงินที่ใช้ 1-2 หมื่นลบ.มาจากการกู้ทั้งหมด ไม่เพิ่มทุน
การซื้อ GLAND ซึ่งมีที่ดิน อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีกให้เช่าในกรุงเทพที่เป็น new CBD ส่วนใหญ่เป็น free hold ทำให้พอร์ตของ CPN แข็งแรงขึ้นมาก
ราคาหุ้นยัง laggard SET50 ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ราว 2%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) จีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้า 1,585 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อตอบสนองต่อการยกระดับในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งลดต้นทุนของบริษัท และตอบสนองต่อความต้องการภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นการตอบโต้สงครามการค้ากับสหรัฐฯในอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นการปกป้องธุรกิจในประเทศไม่ให้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงเกินไป โดยจะเก็บที่ 7.5% ลดลงจาก 9.8% ในปีก่อน ถือเป็นบวกกับประเทศที่ส่งสินค้าไปจีนโดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งสินค้าที่เราส่งออกไปจีนมากสุดคือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ยางพารา มันสำปะหลัง ไม้ และผลไม้ รถยนต์และเครื่องยนต์ แนะนำเก็งกำไรใน KCE SVI และ PCSGH
(0) สทท. ปรับลดเป้านักท่องเที่ยวลง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปรับลดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ลงเป็น 37.19 ล้านคน จาก 39 ล้านคน หรือ 4.6% จากเป้าเดิม เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงหลังเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต อีกทั้ง คาดว่าบางส่วนจะถูกกระทบจากช่วงจัดบอลโลก นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจะกระทบกลุ่มสายการบินก่อน โดยเฉพาะ AAV ที่มีกลุ่มลูกค้าจีนมาก ส่วน AOT (ราคาเป้าหมาย IAA Concencus อยู่ที่ 73 บาท) กระทบจำกัด เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นยังโต และสายการบินส่วนใหญ่จะไม่ยกเลิกตารางบินเพราะกลับมาขอใหม่ยาก ส่วนกลุ่มโรงแรมยังแข็งแกร่งโดยเฉพาะ MINT ที่เป็น High Season ที่โปรตุเกส แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 44 บาท (ยังไม่รวม NH Hotel)
(+) TRUE ศาลปกครองกลางเพิกถอนคำชี้ขาดคณะอนุญาโตฯ ส่งผล TRUE ไม่ต้องจ่ายคืนเงินกว่า 1,200 ลบ.ให้ TOT ซึ่งเป็นกรณีของภาษีสรรพสามิต และเป็นคนละคดีความกับที่ TOT ฟ้องร้องเรื่องการใช้งานอินเตอร์เน็ต ADSL และเรียกค่าเสียหายเกือบ 1 แสนลบ. ซึ่งคาดใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ข้อยุติ ราคาเป้าหมาย ของเรายังอยู่ที่ 8 บาท แนะนำเพียงซื้อเก็งกำไร
(0) GPSC ซื้อ GLOW ยังต้องรอคำตัดสินของ กกพ. ว่าเข้าข่ายผูกขาดหรือไม่ หากกกพ.อนุมัติให้ซื้อได้ GPSC จะต้องมีการเพิ่มทุน แต่จะเพิ่มมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผลของการทำ Tender Offer ถ้าสามารถซื้อหุ้น GLOW ได้ 100% (แบ่งเป็นส่วนของ Engie 69.11% ที่เหลือจะทำ Tender ในกระดาน) จะต้องเพิ่มทุนราว 70,000 ลบ. โดยถ้าอิงกำหนดการณ์เดิม กกพ. จะต้องตัดสินวันนี้ แต่สามารถเลื่อนคำตัดสินไปได้อีก 15 วันเป็นกลางเดือน ต.ค. 18 ประเด็นนี้ยัง Overhang หุ้น GLOW จนกว่าจะมีความชัดเจน โดยราคาปัจจุบัน Discount จากราคา Tender ที่ 94.89 บาทอยู่ 7.3%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 ก.ย.- สหรัฐ: ดุลการค้า (ส.ค.), 2Q18 GDP ครั้งสุดท้าย
28 ก.ย.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (PCE) 2Q18
- จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)
29 ก.ย.- จีน: PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)
1 ต.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ก.ย.)
(-) ตลาดสหรัฐปรับตัวลง หลัง FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ในขณะที่ตลาดยังคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และอีก 3 ครั้งในปี 2019
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นเล็กน้อย หลังปธ.ฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมที่จะรับอังกฤษกลับเข้ามาอยู่ในสหภาพยุโรปหากอังกฤษเปลี่ยนใจ
(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน แม้สหรัฐและญี่ปุ่นจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้ แต่ต้องรอดูการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆในเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 0.71 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 71.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบของ EIA พุ่งขึ้น สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 6.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1199.10 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO14356