- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 September 2018 18:46
- Hits: 1083
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบคาดเป็นผลจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการประชุม FOMC โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายหุ้นใหญ่หลายตัวแกว่งตัว Sideway เช่น PTT, PTTEP, PTTGC, BEM ในขณะที่ AOT เผชิญกับแรงขายภายหลัง สทท.ปรับเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวลง อย่างไรก็ตามหุ้นขนาดกลางบางตัวมีแรงซื้อเด่นอย่าง CKP, STA, RS ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,749.9 จุด (+1.9 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 4.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ที่ 82 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 629 ล้านบาท) แต่กลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิ 11,257 สัญญา
Investment theme
FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด : เมื่อคืนที่ผ่านมาการประชุมธนาคารกลางของสหรัฐ ได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามตลาดคาดเป็น 2-2.25% ในขณะที่คณะกรรมการมากกว่า 12 จาก 16 คนเห็นด้วยกับการขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในเดือนธันวาคม (เพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนมีเพียง 8 คนที่เห็นด้วย) โดย Dotplot ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน ปี 2019 ยังคงอยู่ประมาณ 3 ครั้งที่ Median 3.125% และปี 2021 ที่ระดับ 3.375% ในที่ประชุมได้ปรับเป้าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้และปีหน้าขึ้นเป็น 3.1% และ 2.5% ตามลำดับ (จากเดิมที่ 2.8% และ 2.4%) อย่างไรก็ตามปรับเป้าเงินเฟ้อปีหน้าลงเล็กน้อยที่ 2.0% โดยภายหลังการประชุม FOMC ปธน. Trump ได้ให้สัมภาษณ์ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในครั้งนี้ โดยสรุปเรามองว่า FED ยังคงมุมมอง Hawkish ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สนับสนุนจากทั้งอัตราเงินเฟ้อ การจ้างงาน และการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งเรามองว่ามีโอกาสที่ในระยะกลางค่าเงินในภูมิภาค Emerging market จะอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นผลลบต่อประเทศที่มีสถานะ Twin deficit ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และโอกาสของการผิดชำระหนี้ในอนาคต
Investment Theme: คงคำแนะนำรอซื้อบริเวณแนวรับ 1,730 และ 1,745 จุด+/-เน้นหุ้นกลุ่ม Domestic นำโดย CPALL, STEC, BEM, SCB และหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ขึ้น (มี Upside) นำโดย GOLD, PRM, BLAND พร้อมแนะเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังฟื้นตัวลำบาก
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – AOT คาดออก TOR ประมูลพื้นที่ Duty free สุวรรณภูมิ ต.ค.นี้ / Trump ยกเลิกการเจรจาการค้าแคนาดาในสุดสัปดาห์นี้
Stock pick : -
Trading idea – ทยอยสะสม MACO เรา Rollover ราคาเหมาะสมปีหน้าเป็น 2.54 บาท ราคาปัจจุบัน Laggard กลุ่ม และ EPS19 เติบโต 24% / สะสม BEM กรอบแนวรับ 8.50+/- ประเมินกำไร 3Q ทำ All time high จากปริมาณคนใช้รถไฟฟ้าที่ทำระดับสูงสุด และประเด็นคดีความกับกทพ.อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการต่อสัญญาทางด่วนที่จะหมดปี 2563/ หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว โดยสทท.คาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ใน Q4 ลดลง 25%YoY สอดคล้องกับมุมมองของเรา
Technical View
เทรดในกรอบ 1745-1765 หลุด 1745 แนะนำ Lock Profit: ดัชนีแกว่งออกข้างเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยมีกรอบการแกว่งที่ 1745-1765 โดยตลอดทั้ง 6 วันดัชนีเกิดเป็นแท่งแดง (ปิดต่ำกว่าเปิด) แสดงถึงระหว่างวันไม่มีแรงซื้อที่ต่อเนื่อง หากดัชนีหลุดแนวรับ 1745 แนะนำ Lock Profit ในขาขึ้นรอบนี้ เนื่องจากดัชนีจะมีโอกาสอ่อนตัวลดสอบแนวรับ Neckline ของ Double Bottom ที่ 1730 แต่หาก Rebound ระหว่างวันแนะนำเทรดในกรอบ 1745-1765 และขายทำกำไรที่แนวต้าน กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หากหลุด 1745 แนะนำ Lock Profit ในขาขึ้นรอบนี้ แต่หาก Rebound แนะนำขายทำกำไรที่แนวต้าน1760 และ 1765 2) ไม่มีหุ้น : หากอ่อนตัวไม่หลุด 1745 แนะนำทยอยสะสม เพื่อ Trading ในกรอบ 1745-1765
แนวรับ : 1730, 1745 แนวต้าน : 1760, 1765
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เตรียมเจรจาการค้าญี่ปุ่น
ปัจจัยในประเทศ: 28 ก.ย. ไทยรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค.
หุ้นเทคนิค:
CPN (B 82.00-83.00, Tp 86.00//89.00, Cut 81.00)
GULF (B 74.00, Tp 73.00, Cut 78.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO14353