CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideway Up” 1758/1762จุด รับ 1742/1736จุด ตลาดยังคงจับตาผลการประชุม FED คืนนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 81.87 เหรียญ/บาร์เรล รับอินเดียยกเลิกนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่ายพ.ย.นี้ หนุนกลุ่มพลังงานเด่นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทิศทาง Fund Flows ในตลาดเอเชียยังคงแสดงสัญญาณบวก หลังต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องในเอเชีย 7 ใน 8 วันทำการ รวม 3,183 ล้านเหรียญ เพิ่ม Sentiment บวกต่อเอเชียและไทย วันนี้แนะนำ Theme “Selective Play” : CPALL, TOA, BWG

 

 

(*) Ex Factor: ตลาดจับตาการประชุม FOMC คืนนี้ คาด FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้

(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +0.28% สู่ $72.28 /bbl / BRT +0.83% สู่ $81.87 /bbl

(+) OIL: อินเดียประกาศยกเลิกนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านนับตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป

(+) Asia: ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องในเอเชีย 7 ใน 8 วันทำการ รวม 3,183 ล้านเหรียญ

(+) TH: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เติบโต +0.7% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16

(*) Fund Flow:ล่าสุดซื้อหุ้น+990ลบ., Long Future+795สัญญา, ขายBond -1,279ลบ.

Nomura Daily Top Picks: CPALL, TOA, BWG

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway Up” ต้าน 1758/1762จุด รับ 1742/1736จุด ตลาดยังคงจับตาผลการประชุม FED ในคืนนี้ รวมถึงมุมมองของประธาน FED ต่อทิศทางดอกเบี้ยในช่วงถัดไป ซึ่งภายหลัง Trump ส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวต่อประเด็นการค้าสหรัฐฯ-ชาติอื่นๆ วานนี้ น่าจะทำให้ FED มีโอกาสที่จะ Dovish หรือ Moderate มากขึ้น หลังกังวลความเสี่ยงสงครามการค้า และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มชะลอตัวลง จะทำให้ EM-ASIA เริ่มฟื้นตัวก่อนผล FOMC ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ยังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 81.87 เหรียญ/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการที่อินเดียประกาศยกเลิกนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านนับตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป บ่งชี้ Supply น้ำมันดิบในตลาดจำกัด คาดหนุนกลุ่มพลังงานนำตลาดต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มนำตลาดยุโรปแกว่งบวกวานนี้ นอกจากนี้ ทิศทาง Fund Flows ในตลาดเอเชียยังคงแสดงสัญญาณบวก หลังต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องในเอเชีย 7 ใน 8 วันทำการ รวม 3,183 ล้านเหรียญ เพิ่ม Sentiment บวกต่อเอเชียและไทย โดยไทยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนส.ค.ที่สดใส นำโดย 1)ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เติบโต +0.7% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 2)ดัชนีรายได้เกษตร เพิ่มขึ้น +4.84%  และคาดเดือนก.ย.จะเติบโตต่อที่ +2.28% บ่งชี้กำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว กระตุ้นการบริโภคภายใน ส่วนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ล่าสุด ครม.เห็นชอบการลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการเขตเศรษฐกิจภาคใต้(SEC) รวมถึง 28ก.ย.นี้ จะมีสรุปข้อมูล IPO กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตแห่งประเทศไทย(TFFIF) หนุนกลุ่มอิงการลงทุนฟื้นตัว

 

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, TMB, CPALL, ROBINS, ADVANC, CK, STEC, PYLON, AMATA, GOLD, SC, ERW, BH, และ Global Play (PTT, PTTEP) วันนี้เน้น “Theme “Selective Play”

 

CPALL(TP92) การแปลง Bond บางส่วนถือเป็นปัจจัยบวก ผสาน Banking Agent และกำลังซื้อภาคเกษตรฟื้นตัวเด่น

28ก.ย.นี้ จะมีสรุปข้อมูล IPO กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หนุนอิงการลงทุนฟื้นรอบใหม่ STEC, AMATA, CK, TOA, PYLON

ราคาน้ำมันดิบเหนือ 80เหรียญฯ หนุน PTT, PTTEP, PTTGC เด่น

รัฐเร่งแผนประมูล TOR 4 โครงการเร่งด่วน (มาบตาพุดเฟส 3, แหลมฉบังเฟส 3, สนามบินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา) ให้ทัน ต.ค. นี้ มูลค่า 3.75 แสนลบ. เพิ่มเติมจากโครงการเชื่อม 3 สนามบิน (ยื่นซอง 12 พ.ย.) แนะนำ  AMATA, STEC

ราคาน้ำมันขึ้นเหนือ 80เหรียญฯ หนุนการปรับประมาณการ PTT, PTTEP, PTTGC

กลุ่ม รฟฟ เด่นการเติบโต เน้น GULF(เก็งเข้า MSCI พย นี้) BGRIM PSTC BWG

Health Update ช่วง Seasonal จะหนุนกลุ่ม รพ BH(TP235) และ BDMS(TP31.2)

Portfolio Top Picks SEP 2018 แนะนำ AMATA, AOT, BH, CPALL, TMB, TOA, AMANAH

Road to Election 2019 : PTT, PTTEP,  BBL, KBANK, TMB,  CPALL, ROBINS, ADVANC,  STEC, AMATA, SC, GOLD, PLANB

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

1.  Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2.  Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3.  Property : GOLD, SC

4. Tourism & Transport : ERW, BTS

5. Global Play : IVL, PTL

6. ICT : ADVANC

 

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

 

CPALL (TP19F 92*):  Support 69.0/68.0 Resistant 71.5/72.5

 

Earnings Outlook: คาดแนวโน้มกำไรช่วง 2H18F จะดีกว่า 1H18F โดยเฉพาะ 3Q18F จะเป็นพีคของกำไร ตามปัจจัยด้านฤดูกาลธุรกิจค้าปลีก และภาพระยะกลางยาวยังน่าสนใจจากการเปิดสาขาต่อเนื่อง และแนวทางเพิ่ม Margin ผ่านกลุ่มอาหารที่เป็นจุดแข็งของบริษัทในกลุ่ม โดยรวมประเมินกำไรช่วง 2 ปีนี้ยังเป็นภาพการเติบโตดี และฐานกำไรยังมากพอที่จะรับผลขาดทุนช่วงแรกจากาการลงทุนในต่างประเทศของ MAKRO ได้

Valuation: มองเป็นโซนซื้อที่ได้เปรียบ หลังราคาหุ้นปรับลงมากว่า 20% ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาตามกลุ่ม Big cap และเม็ดเงินต่างชาติที่ขายหนัก ขณะที่เชิงพื้นฐานยังเติบโตดี 20%y-y เรามองเป็นจุดเข้าลงทุนที่ดี ซื้อขาย PER19F 25x เท่า ยังต่ำกว่าช่วงพีคที่เคยสูง 35x และเป็น Big cap ที่ยังเติบโตดี 

Catalyst: ปรับรูปแบบแสตมป์เป็นสไตล์ไทย Line friends แทนชุดแสตมป์แห่งสยาม (ออเจ้า) เริ่ม 29 ก.ย. นี้  + ธ.ออมสินแต่งตั้งเซเว่นเป็น Bank agent ส่งเสริมการออมเงินเยาวชน รับฝากเงินโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม + การเลือกตั้งเข้าใกล้ความจริงซึ่งสถิติย้อนหลังกลุ่มค้าปลีกมักจะ Outperform 6-9 เดือนก่อนหน้า

TOA (TP19F 42*):  Support 37.0/36.0 Resistant 38.75/40

 

Earnings Outlook: ภาพการเติบโต 2H18F ผลักดันจากการปรับราคาในประเทศราว 5% และต้นทุนวัตถุดิบใกล้ถึงจุดพีค และง่ายต่อการบริหารจัดการมากขึ้น และคาดต้นทุนจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 2019-20F จาก New supply จากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยฯ บวกกับ มีแผนเพิ่ม Capacity ขึ้นอีก 16% หนุนภาพระยะกลาง กำไร 3 ปีหน้ายังเติบโต เพิ่ม CAGR 16%

Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมอีกครั้ง หลัง Consensus ปรับลดประมาณการแล้ว ขณะที่แนวโน้มกำไรยังคาดหวังการเติบโตได้

Catalyst:  ราคาต้นทุนสำคัญ (Titanium dioxide หรือ TiO2)  สัปดาห์ล่าสุดรายงานวันนี้ (26 ก.ย.) ยังทำจุดต่ำสุดของปีต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4  -0.3% w-w อยุ่ที่ 2.5 พันเหรียญสหรัฐ/ตันและราคาเฉลี่ย QTD  -6% q-q, -5% y-y เริ่มสะท้อนภาพการกลับทิศเป็นขาลงของต้นทุน ตามที่เรานำเสนอเนื่องจากปี 2019F จะมี New supply ของ TiO2 ในตลาดโลกที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ  รวมถึง ราคาหุ้นผู้ผลิต TiO2 ต่างประเทศ  YTD underperform มาก +  รอบลงทุนรอบใหญ่จะกระตุ้นกิจกรรมก่อสร้างกลับมา

BWG (TP19F 1.99*): Support 1.1/1.07 Resistant 1.2/1.24

 

Earning Outlook: คาดกำไรสุทธิ 3Q18F เติบโตเด่น y-y เริ่มเห็นผลรายได้กำจัดขยะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น จากการขยายฐานลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หนุนรายได้รวม 3Q18F คาดทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน ในขณะที่ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม สัญญาขายไฟ 8 MW มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า (Efficiency rate) ระดับ 95%

Valuation: โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จ่ายไฟได้เต็มกำลัง 8 MW คำนวณเป็นกำไรสุทธิต่อเดือน เท่ากับ 5-6 ลบ.

Catalyst: คาดฐานกำไรใน 2H18 เติบโตเทียบ y-y จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายฐานลูกค้าเริ่มบันทึกรายได้ ประกอบกับ เห็นสัญญาณเชิงบวกจากอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว + โรงไฟฟ้าสร้างกำไรได้เดือนละ 5-6 ลบ.

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)