- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 September 2018 18:34
- Hits: 4262
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 24/09/2018
Close 1,749.42 Volume Bt44102M
Change -6.70 P/E 17.27
%Change -0.38% P/BV 1.99
หุ้นแนะนำพิเศษ
PTTEP (ราคาปิด 154.5 บาท Bloomberg Consensus148.32 )
การประชุมโอเปกและประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก รวมถึงรัสเซีย เห็นพ้องให้คงปริมาณการผลิตเอาไว้ที่ระดับปัจจุบัน แม้สหรัฐพยายามเรียกร้องให้โอเปกเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็ตาม
กระทรวงพลังงาน เดินหน้าประมูล “เอราวัณ-บงกช” วันนี้เปิดเอกชนยื่นข้อเสนอเทคนิค คาดสร้างผลประโยชน์ให้รัฐสูงถึง 8 แสนล้านบาท และเกิดการลงทุนหมุนเวียนในไทยอีก 1.2 ล้านล้านบาท ฟาก “ส.อ.ท.” หนุนเปิดประมูล ชี้หากล่าช้ากระทบเศรษฐกิจ-โครงการ EEC (ที่มาข่าวหุ้น)
ฝ่ายวิจัยคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3 จะปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 308 พันบาร์เรลต่อวันจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโครงการบงกชอีก 22% สู่ 66% ขณะที่คาดว่าราคาขายเฉลี่ยจะทรงตัวราคาน้ำมัน และคาดว่าค่าใช้จ่ายทางภาษีจะไม่สูงเท่าไตรมาส 2
OSP (ราคาเสนอขายเบื้องต้น 22-25 บาท/หุ้น) ตลาด SET/อาหารและเครื่องดื่ม
บมจ. โอสถสภา (OSP) มีกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่มได้แก่
1) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม แบ่งออกเป็น เครื่องดื่มบำรุงกำลัง อาทิ M150, ลิโพ, Shark เป็นต้น และเครื่องดื่มประเภท Functional Drink เช่น เปปทีน เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ราว 77%
2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล แบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก อาทิ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์“เบบี้มายด์” เป็นต้น และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง เช่น ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ทเวลฟ์ พลัส” เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ราว 9%
3)กลุ่มธุรกิจบริหารซัพพลายเชนโดยรับบริหารให้กับ กลุ่มเครื่องดื่ม Functional Drink อาทิ “คาลพิส แลคโตะ” และ “C-Vitt” เป็นต้น กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น “ยาทัมใจ” และ “แบนเนอร์” เป็นต้น รวมถึงมีการรับจ้างผลิตสินค้า(EOM) มีสัดส่วนรายได้ราว 13%
4) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาอม “โบตัน” และผลิตภัณฑ์ลูกอม “โอเล่” เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ราว 1%
ณ ช่วง 1H61 บริษัทมีรายได้รวม 12,543 ลบ. -5%YoY เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงในกระบวนการผลิต โดยลดการผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นน้อยลง และมีการปิดโรงงานผลิตขวดแก้วบางส่วนชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น โดยลดลงจาก 1H60 ที่ 36% เหลือ 34% ส่งผลถึงอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 1H60 ที่ 13% เหลือ 11.5% โดยกำไรสุทธิช่วง 1H61 อยู่ที่ 1,444 ลบ. -17%YoY
จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) จำนวน 603.75 ล้านหุ้น มูลค่าราว 13,283-15,094 ลบ. ใช้สำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและตปท. การพัฒนาปรับปรุงการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพสินค้า ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานของบริษัท
ราคา IPO อยู่ระหว่าง 22-25 บาทต่อหุ้นคิดเป็น Current PER ที่ 25.97 – 29.51 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 31.21 เท่า คาดจะเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลท.ก่อนวันที่ 17 ต.ค.
Market View : เล่นในกรอบ
หุ้นแนะนำพิเศษ : PTTEP
หุ้นมีข่าว : TVD SC OSP
Technical Insight : CCET DTC
SET Index ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศแถบเอเชีย จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าสหรัฐ-จีน หลังสหรัฐบังคับมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน $2 แสนล้าน แต่ยังมีแรงหนุนจากความคืบหน้าของการเลือกตั้งภายในประเทศ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,749.42 จุด (-6.70 จุด) Volume 4.4 หมื่นลบ. จาก Foreign Net -716.69 ลบ. TFEX Net +1,228.00 สัญญา ตราสารหนี้ +1,179 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+น้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นหลังโอเปก และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ได้ตัดสินใจคงกำลังการผลิตน้ำมัน โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐที่ต้องการให้เพิ่มปริมาณน้ำมันในตลาด
+เฟดสาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ทรงตัวที่ระดับ +0.18 ในเดือนส.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัว
+ผู้ว่า ธปท.เชื่อหากเฟดขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ไม่กระทบเงินทุนเคลื่อนย้ายรุนแรง
-ดาวโจนส์ร่วงลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่เมื่อวานนี้
-สหรัฐบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนวงเงิน $2 แสนล้าน ขณะที่จีนจีนบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าตอบโต้สหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลล์
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.09 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.41 บาท/US
*วันนี้ตลาดหุ้นเกาหลีและฮ่องปิดทำการ
*ธนาคารกลางญี่ปุ่น เปิดเผยรายงานการประชุมที่ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ย
* 25-26 ก.ย. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 2.25%
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยกดดันจากนักลงทุนกลับมากังวลสงครามการค้าและชะลอการลงทุนรอฟังผลการประชุมเฟดในรอบนี้ รวมทั้ง Fund Flow พลิกขายสุทธิติดต่อกันสองวัน โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นและภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวดี คาดดัชนี SETเคลื่อนไหวในกรอบ 1,740-1,762 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
KBANK, SCB, PTTEP, PTT, CPALL, PTTGC, SCC และ CPN ติดรายชื่อหุ้นที่ติดทั้งสองกลุ่มดัชนี DJSI World และ DJSI Emerging Markets
- HMPRO, CPALL, ROBINS, BJC ที่ประชุมครม.มีมติคืน VAT เป็นเงินสดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE CPF SVI
- หุ้น MAI ที่ผลประกอบการ 2H61 เติบโตต่อเนื่อง XO CHAYO TACC SSP
- กลยุทธ์การลงทุนเดือนก.ย. แนะนำกลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ KKP CK AOT ERW CENTEL SSP
หุ้นมีข่าว
SC site visiting (ราคาปิด 3.70 บาท Bloomberg Consensus 4.47)
นักวิเคราะห์ได้เข้าเยี่ยมชมโครงการ BEATNIQ คอนโดหรูใกล้ซอยสุขุมวิท 32 ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ 95% มูลค่าราว 4 พันลบ.จำนวน 197 ยูนิต มียอดจองแล้ว 60% ของจำนวนทั้งหมด มียอดโอนแล้ว 200 ลบ. เตรียมเปิดขายใหม่อีกรอบในเดือนต.ค.
ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มผลประกอบการในช่วง 3 Q61 จะแผ่วลงจากไตรมาสที่ผ่านมาแต่คาดจะ peak ใน Q4 เนื่องจาก Q3 มีรายได้จากการโอนโครงการแนวราบเป็นหลัก ส่วนคอนโดทั้งสองโครงการที่จะโอนในปีนี้ส่วนใหญ่ใน Q4 อีกโครงการที่จะโอนคือ ศาลาแดงวัน มูลค่า 4.7 พันลบ.
คาดผลประกอบการทั้งปีพลิกเติบโตสูงจากที่หดตัว 36% ในปีก่อนหน้า Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 1,974 ลบ.พลิกเติบโต 57% และ IAA Consensus คาด yield เฉลี่ย 5.1% ราคาปิดล่าสุดลดลง 5%YTD ซื้อขายที่ PER 9.5 เท่าต่ำกว่า PER กลุ่มที่ราว 19 เท่า จึงน่าสนใจลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล
+ BANPU (ราคาปิด 19.50 บาท Bloomberg Consensus 26.56) ครึ่งหลังปีเข้าไฮซีซัน จีนออเดอร์ล่วงหน้าทะลัก เตรียมพร้อมรับมือฤดูหนาว แถมราคาขายยังทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง (ที่มาทันหุ้น)
ประเด็นบวกรับเหมา รฟท. ลั่นได้ฤกษ์เปิดประมูลรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 12 พ.ย.นี้ คาดรู้ผลภายในเดือน ม.ค. 2562 ส่วนรถไฟทางคู่เฟส 2 ลุ้นส่งเข้า ครม.พิจารณาทันปีนี้ (ที่มาข่าวหุ้น)
TVD บอร์ดอนุมัติเข้าลงทุนถือหุ้น 90.1% ในสปริงนิวส์สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล ช่อง 19 ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น(NEWS) มูลค่าเงินลงทุน 1.08 พันล้านบาทมาจากกระแสเงินสด 400 ล้านบาท และวงเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์อีก 700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยจ่ายเดือนละ 7.65 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.นี้ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จากการขายสินค้าผ่านช่อง 19 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของเป้าหมายยอดขายรวม 3,990 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับช่องทีวีดิจิทัลเพิ่มเติมอีก 2-3 รายในการเข้าไปร่วมผลิตรายการ หรือทำรายการขายสินค้าของ TVD ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน (ที่มา IQ)
+ ILINK เป็นผู้ชนะงานประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานปรับปรุงสถานีไฟฟ้าระบบ 22 เควี จาก Outdoor Type เป็น Indoor Type ที่สถานีไฟฟ้าน่าน 1 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมูลค่างานราว 65 ลบ. ระยะเวลาก่อสร้าง 450 วัน
(ที่มา : SET)
+ FORTH ส่งซิกงบไตรมาส 3/61 สวย! หลังไม่มีบันทึกด้อยค่าตู้เติมเงินในฟิลิปปินส์ โชว์แบ็กล็อก 1,400-1,500 ล้านบาท คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 8,000 ล้านบาท หนุนกำไรนิวไฮ เล็งประมูลงานใหม่ 7,000-8,000 ล้านบาท คาดได้งาน 30% (ที่มา ข่าวหุ้น)
DNA บอร์ดไฟเขียวทุ่มงบลงทุนรวม 43.50 ล้านบาท เข้าถือหุ้นใน Paynow ธุรกิจรับชำระเงินค่าบริการต่างๆ ด้วยระบบแอปพลิเคชัน และระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมเข้าถือหุ้นใน “ไทย คอล เซ็นเตอร์เซอร์วิส” ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ (ที่มา ข่าวหุ้น)
นักวิเคราะห์ 02-6725999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 ทศพล วิไลประภากร
OO14241