- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 September 2014 17:02
- Hits: 1904
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะผันผวนแต่ลุ้นทรงตัวและรีบาวด์ขึ้นได้ จึงยังรอขายบวกต่อ…
กลยุทธ์ : ถึงแม้ว่าเรายังคาดหมายว่า SET จะสามารถพลิกกลับไปแกว่งบวกต่อเนื่องอีกครั้ง เพื่อลุ้นขยับขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายเดิมแถว 1600 จุด(+/-) ได้ แต่หลังจากนั้นต้องระวังการจบรอบขาขึ้นและกลับไปแกว่งตัวลงในระดับ 100-200 จุดในช่วงถัดไป ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ชะลอการซื้อเทรดดิ้ง และเน้นทยอยขายลดพอร์ตในช่วงตลาดบวก เพื่อถือเงินสดไว้ก่อนดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : THRE, BTS, TPIPL(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐมีจังหวะดีดตัวบวกขึ้นแรงพอควร หลังผลประชุมเฟดออกมาแล้วยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เห็น รวมทั้งนักลงทุนยังมีมุมมองเชิงบวกว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปด้วย อย่างไรก็ตามยังมีแรงขายออกมาในช่วงท้ายตลาดกดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ย้อนลงปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากถ้อยแถลงเกี่ยวกับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ แสดงให้เห็นว่ามาตรการ QE กำลังใกล้ที่จะสิ้นสุดโครงการ และการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐน่าจะเกิดขึ้นในปี 2015 ค่อนข้างแน่นอน ทำให้แม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะสามารถเปิดบวกได้ แต่กรอบการขึ้นก็ค่อนข้างจำกัดและยังมีจังหวะผันผวนอยู่พอควร ทำให้ FSS ยังแนะนำให้เน้นขายทำกำไรเพื่อลดพอร์ตลงในจังหวะที่ SET ขยับบวกดีกว่า เพราะคาดว่ากรอบการขยับขึ้นของตลาดจะถูกจำกัดอยู่เพียงบริเวณใกล้เคียงระดับดัชนีเป้าหมายที่เราคาดไว้แถว 1600 จุด(+/-) และหลังจากนั้นต้องระวังแรงขายกดดันให้ SET เข้าสู่รอบปรับพักฐานรอบใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่จะเข้ามาหนุนตลาดเริ่มมีน้อยลง
แนวรับ 1568-1565 , 1562-1560 จุด แนวต้าน 1575-1578 , 1580-1585 จุด
Fund Flow Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันในปริมาณที่เบาบางรอผลประชุมเฟด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$79.3 ล้าน อินโดนีเชีย US$46.3 ล้าน เวียดนาม US$14.8 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$12 ล้าน แต่ซื้อไทย US$69.4 ล้าน และเกาหลีใต้ US$4.8 ล้านบาท ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าตามยูโร แม้ผลประชุมเฟดที่ยังคงดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยกลางปี 2015 Flow น่าจะยังไหลออกแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ตามคาด พร้อมระบุว่านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยังจำเป็นต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจระยะเริ่มแรก โดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงิน นอกจากนี้ความเชื่อมั่น การใช้จ่าย อุปสงค์ในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้นหมดแล้ว เพียงแต่ยังเป็นห่วงเรื่องการส่งออกทียังต่ำกว่าคาด เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านการผลิตและปัญหาราคาสินค้าเกษตร รวมถึงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าคาดเล็กน้อยจากเศรษฐกิจยูโรปและญี่ปุ่นยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตามระบบการเงินและอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในเกณฑ์ที่มีเสถียรภาพ ประกอบกับการเดินหน้าการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวในลักษณะวีเชฟ ทั้งนี้ ธปท. จะทบทวนเป้าจีดีพีของปีนี้และปีหน้า รวมถึงเป้าการส่งออกใหม่อีกครั้ง 29 ก.ย นี้ แนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื่นตัวจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ หุ้นขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มแบงก์ (BBL ซื้อ เป้า 243, KTB ซื้อ เป้า 26) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (CK ซื้อ เป้า 30, SCC ซื้อ เป้า 495) และท่องเที่ยว (MINT ซื้อ เป้า 42)
(0) Fed ลดวงเงินซื้อพันธบัตร 1 หมื่นล้านดอลลาร์เหลือ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำใกล้ศูนย์ตามตลาดคาด แม้ว่าจะมีการปรับลดจีดีพีปี 2015 จาก 3.1% เป็น 2.8% แต่ปรับคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปี 2015 ขึ้นจาก 1.31% เป็น 1.38% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเฟดคาดว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงกลางปี 2015 ระยะสั้นคาดว่าจะมีผลบวกต่อตลาดหุ้นเล็กน้อย ส่วนระยะยาวหากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามคาดน่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวม ยกเว้นหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจขยายตัวรวดเร็วขึ้นอาจส่งผลต่อกระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคได้
(-) ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค 2014 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 88.7 ลดลงจาก 89.7 ในเดือน ก.ค 2014 เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลต่อการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะในสินค้าคงทนประเภทรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์และเครื่องจักรกลการเกษตร สอดคล้องกับยอดผลิตและจำหน่ายรถยนต์เดือนส.ค ลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y
(-) ยอดผลิตรถยนต์เดือน ส.ค. ยังทรุด 7% M-M และ 27% Y-Y ยอดผลิตรถยนต์กลับมาติดลบ Y-Y มากขึ้นจากเดือน ก.ค.ที่ลดลง 25% Y-Y โดยเป็นผลจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง 31% Y-Y อยู่ที่ 6.9 หมื่นคัน ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ส่วนยอดส่งออกรถยนต์กลับมาน่าผิดหวังลดลง 14% Y-Y เรายังให้น้ำหนัก Neutral กลุ่มยานยนต์แม้ผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q14 แต่การฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ระยะสั้นไม่มีปัจจัยกระตุ้น หุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มเราแนะนำในลักษณะทยอยซื้อแบบไม่รีบร้อน โดยหุ้นที่ยังมี upside สูงในกลุ่ม ได้แก่ SAT (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 21 บาท) และ TKT (เป้าหมายปี 2015 ที่ 3 บาท)
(+) TMB - สินเชื่อ 8M14 +6.2%YTD ซึ่งเกินเป้าหมายทั้งปีแล้ว สังเกตุว่า TMB มีการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Sub-debt Tier 2) ในเดือนนี้ 1.5 หมื่นลบ. ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งผลต้นทุนการเงินใน 3Q14 เพียงเล็กน้อย และ NIM น่าจะชดเชยได้จากการขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า ในเบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิ 3Q14 ที่ราว 2 พันลบ. -20%Q-Q (กำไรพิเศษลดลง แต่เฉพาะ PPOP คาด +6%Q-Q) และ +8.8%Y-Y) ราคาหุ้นแพงกว่าพื้นฐานปี 2015 ที่ 2.90 บาท ในแง่พื้นฐานจึงแนะนำขาย แต่หากนักลงทุนจะเก็งกำไรเรื่อง M&A ราคาไม่ควรเกิน 3.08-3.38 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้หลัง FED กล่าวว่าระยะเวลาของ QE ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว แต่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวล
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกก่อนทราบผลการประชุม FED โดยได้รับแรงหนุนจากมุมมองที่ว่าธนาคารทั่วโลกจะยังเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯหลังจาก FED ระบุว่าจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อ ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.25-32.40 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.46 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 94.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งสวนทางกับตลาดคาดว่าจะลดลง ทำให้เกิดความกังวลด้านอุปสงค์ของน้ำมัน
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลงเล็กน้อย 0.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,235.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดปิดทำการก่อนทราบผลการประชุม FED แต่อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตแม้จะยังไม่ใช่เร็วๆนี้ยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15-22 ก.ย. - ไทย:ธนาคารรายงานสินเชื่อ (ส.ค.)
16-17 ก.ย. - สหรัฐ: FOMCประชุม
17 ก.ย. - ไทย: กนง.ประชุม, ยอดขายรถ (ส.ค.),ร่างงบประมาณปี 2015วาระ 2-3 เข้าพิจารณาในที่ประชุมสนช.
18 ก.ย. - ไทย: RWI เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.60 บาท)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ส.ค.)
22 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ส.ค.)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
23 ก.ย. - จีน:HSBC China Manufacturing PMI (ก.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย:ดุลการค้า (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
25 ก.ย. - สหรัฐ: Durable goods order (ส.ค.)
26 ก.ย. - สหรัฐ: 2Q14 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
29 ก.ย. - สหรัฐ: Pending home sales (ส.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852