CNS Daily Strategy: คาดตลาด “ย่อแล้วดีด” 1727/1730จุดรับ 1711/1706จุดTrump ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% วงเงิน 2 แสนล้านเหรียญมีผล 24 ก.ย.นี้และจะเพิ่มเป็น 25% ใน 1Q19 แต่ตลาดตอบรับล่วงหน้าไปแล้วผสานFund Flows ไหลเข้าเอเชียโดยเฉพาะไทยที่ซื้อสุทธิ3วันติดรวม 80 ล้านเหรียญจะช่วยคานแรงกดดันได้โดยไทยได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากThailand Future Fund หลังรองนายกฯสมคิดยันเริ่มเปิดขายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนต.ค. มูลค่า3หมื่นลบ. หนุนกลุ่มอิงการลงทุนเด่นต่อเนื่องวันนี้แนะนำTheme “Domestic Play” : CK, TOA, TMB

 

 

(+) Trade: Trump เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก10% วงเงิน 2 แสนล้านเหรียญมีผล 24 ก.ย.

 

(+) Asia: ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดเอเชีย 2 วันติดต่อกันมูลค่ารวม 678 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

(+) TH: ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3 วันติดต่อกันรวม 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

(+) TH: รองนายกฯสมคิดยันThailand Future Fund เริ่มเปิดขายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนต.ค.

 

(+) Fund Flow:ล่าสุดซื้อหุ้น+304ลบ., Long Future+2,365สัญญา, ซื้อBond+1,500ลบ.

 

(-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้WTI -0.12% สู่ $68.91 /bbl / BRT -0.05% สู่ $78.05 /bbl

 

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “ย่อแล้วดีด” ต้าน 1727/1730จุดรับ 1711/1706จุดประธานาธิบดีDonald Trump ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯในอัตรา 10% ซึ่งจะมีผลทันทีวันที่ 24 ก.ย.นี้ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 25% ในช่วง 1Q19 จึงต้องจับตาท่าทีตอบโต้ของจีนอย่างใกล้ชิดหลังมีรายงานว่าจีนอาจยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐส่งผลให้ความเสี่ยงสงครามการค้ายังเป็นประเด็นกดดันจิตวิทยาการลงทุนแต่อย่างไรก็ดีตลาดมีการตอบรับล่วงหน้าไปแล้วมากพอสมควรคาดผลกระทบต่อตลาดจำกัดบวกกับสัญญาณบวกจากFund Flows น่าจะหนุนตลาดเอเชียได้หลังต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดเอเชีย 2 วันติดต่อกันมูลค่ารวม 678 ล้านเหรียญสหรัฐฯรวมถึงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3 วันติดต่อกันรวม 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯตอบรับความชัดเจนทางการเมืองและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เติบโตดีคาดช่วยคานแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศได้โดยวานนี้ETF ของMSCI Thai +0.24% เป็นจิตวิทยาบวกต่อSET นอกจากนี้ความคืบหน้าภายในประเทศล่าสุดรองนายกฯสมคิดออกมายืนยันว่าThailand Future Fund มูลค่า 3 หมื่นล้านบาทจะเปิดขายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนต.ค. เพิ่มแรงเก็งในกลุ่มอิงการลงทุนเด่นต่อเนื่อง

 

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสมDomestic Play BBL, KBANK, CPALL, ROBINS CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD, ERW, BH, AOT, ERW และGlobal Play (PTT, IVL) วันนี้เน้น “Theme “Domestic Play”

 

Thailand Future Fund เตรียมขายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตคหนุนInvestment Related แนะนำAMATA, STEC, CK, TOA(ต้นทุนลดTiO2 -1%w-w ต่ำสุดของปี)

 

กลุ่มรฟฟกลับมาน่าสนใจรับการเติบโตGULF BGRIM PSTC BWG เด่น

 

Best Picks Theme Election play 2019 ได้แก่หุ้นนำดัชนีและเป็นเป้าของต่างชาติ(PTT, PTTEP, BBL, KBANK) หุ้นที่มีการถือครองน้อยหรือUnder-own(TMB) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในและจิตวิทยาบวกของกำลังซื้อฟื้นตัวจากระบบตัวแทน(CPALL, ROBINS) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากสื่อโฆษณาและการสื่อสารก่อนเลือกตั้ง(ADVANC, PLANB) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาการลงทุนและEEC มีปัจจัยบวกด้านการเติบโตและมักปรับตัวขึ้นไวก่อนเลือกตั้ง(STEC, AMATA, SC, GOLD)

 

Health Update ช่วงSeasonal จะหนุนกลุ่มรพOutperform ต่อเนื่องโดยล่าสุดกลุ่มรพที่อิงผู้ป่วยต่างชาติน่าสนใจหลังนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเดือนกค 2018 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการทั้งจำนวนและยอดใช้จ่ายคือ 113,783คนและ 9086ล้านบาทเพิ่ม 2.1%y-y และ 5%yy ตามลำดับบวกต่อBH(TP235) และBDMS(TP31.2)

 

ราคาน้ำมันทรงตัวสูง 78เหรียญฯหนุนPTT, PTTGC, PTTEP เด่น

 

Portfolio Top Picks SEP 2018 แนะนำAMATA, AOT, BH, CPALL, TMB, TOA, AMANAH

 

Road to Election 2019 : PTT, PTTEP, BBL, KBANK, TMB, CPALL, ROBINS, ADVANC, STEC, AMATA, SC, GOLD, PLANB

 

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

 

1. Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

 

2. Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

 

3. Property : GOLD, SC

 

4. Tourism & Transport : ERW, BTS

 

5. Global Play : IVL, PTL

 

6. ICT : ADVANC

 

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

 

CK (TP19F 38.5*): Support 26.0/25.5 Resistant 27.75/29.0

 

 

Earnings Outlook: คาดเป็นผู้มีโอกาสได้งานประมูลภาครัฐสูงโดยใน 2H18F และ 2019F คาดมีงานประมูลภาครัฐมูลค่า 2-3 แสนลบ. และ 4.8 แสนลบ. โดยปัจจุบันฐานBacklog ที่มีสูงกว่า 5.9 หมื่นลบ. ขณะที่กำไร 2H18F คาดทรงตัวh-h

 

Valuation: ราคาหุ้นซื้อขายที่PBV19F 1.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 1.93 เท่าในขณะที่การประมูลจะมีมากขึ้นช่วง 4Q18F หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจน

 

Catalyst: ภาพระยะกลางยาวได้ประโยชน์จากการลงทุนรอบใหญ่โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและEEC สอดรับกับภาพระยะสั้นที่คาดรัฐจะเร่งงานประมูลออกมาก่อนเลือกตั้ง (รถไฟHigh speed เชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟฟ้าสีส้ม, รถไฟทางคู่, มาบตาพุดเฟส 3 ฯลฯ) + 16-20 ก.ย.นี้กระทรวงการคลังเตรียมRoadshow ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ทั้งในและต่างประเทศและคาดเปิดขายในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนต.ค.18 นี้

 

TOA (TP19F 42*): Support 34.75/34.0 Resistant 37.0/38.0

 

 

Earnings Outlook: ภาพการเติบโต 2H18F ผลักดันจากการปรับราคาในประเทศราว 5% และต้นทุนวัตถุดิบใกล้ถึงจุดพีคและง่ายต่อการบริหารจัดการมากขึ้นและคาดต้นทุนจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 2019-20F จากNew supply จากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยฯบวกกับมีแผนเพิ่มCapacity ขึ้นอีก 16% หนุนภาพระยะกลางกำไร 3 ปีหน้ายังเป็นช่วงเติบโตคาดเพิ่มCAGR 16%

 

Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมอีกครั้งหลังConsensus ปรับลดประมาณการแล้วขณะที่แนวโน้มกำไรยังคาดหวังการเติบโตได้

 

Catalyst: ราคาต้นทุนสำคัญ (Titanium dioxide หรือTiO2) สัปดาห์ล่าสุดเป็นจุดต่ำสุดของปี -1% w-w อยุ่ที่ 2.5 พันเหรียญสหรัฐ/ตันและQTD -6% q-q, -4% y-y เริ่มสะท้อนภาพการกลับทิศเป็นขาลงของต้นทุนตามที่เรานำเสนอเนื่องจากปี 2019F จะมีNew supply ของTio2 ในตลาดโลกที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯรวมถึงราคาหุ้นผู้ผลิตTiO2 ต่างประเทศYTD underperform มาก + รอบลงทุนรอบใหญ่จะกระตุ้นกิจกรรมก่อสร้างกลับมา

 

TMB (TP19F 2.5*): Support 2.18/2.14 Resistant 2.30/2.42

 

 

Earnings Outlook: เราคาดกำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตy-y ได้ใน 3Q18F– 4Q18F และเติบโตต่อเนื่องใน 2019F ที่ +15% y-y สู่ระดับ 10,613 ลบ. นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีจึงพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตัลของกลุ่มธนาคาร

 

Valuation: ราคาหุ้นLaggard กลุ่มBank โดยYTD -26% VS กลุ่ม -3.8% ตอบรับการลดประมาณการของตลาดก่อนหน้านี้ไปแล้วและยังUnder-owned อยู่มากโดยราคาปัจจุบันเป็นโซนซื้อที่ได้เปรียบPER 10 เท่าและPBV เพียง 1เท่าโดยหลังปี 2010 เป็นต้นมาPBV Zone 1-1.1เท่าคือจุดซื้อในเชิงพื้นฐานที่ดีที่สุดของTMB เกิดขึ้น 4 ครั้งในช่วง 8 ปีหลังและมักให้ผลตอบแทนที่ดีจากการซื้อหุ้นที่Zone นี้

 

Catalyst: ยอดสินเชื่อแก่ลูกหนี้สุทธิเดือนส.ค.18 เติบโตในอัตราเร่งที่สุดในปีนี้ +1.5% m-m ฟื้นตัวโดดเด่นเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการใน 2H18 + สถิติกลุ่มBank มักOutperform ก่อนเลือกตั้ง 6-9 เดือน + ดอกเบี้ยช่วงถัดไปจะกลับทิศสู่ขาขึ้นบวกต่อBank