KGI คาดSET Index วันอังคารไซด์เวย์/ลงกรอบจำกัด... รับปัจจัยลบต่างประเทศหลังเมื่อเช้ามืดวันนี้สหรัฐฯประกาศเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญมีผลวันที่ 24 ก.ย. (เมื่อรวมกับการเก็บภาษีนำเข้าในช่วงก่อนหน้านี้สหรัฐฯจะเก็บภาษีสินค้าจีนรวม 2.5 แสนล้านเหรียญฯ) ขณะที่ทางการจีนได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่าพร้อมตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีอีก 6 หมื่นล้านเหรียญฯ (รวมกับรอบก่อนหน้าจีนจะเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ 1.1 แสนล้านเหรียญฯ) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยKGI สำนักงานใหญ่และKGI จีนประเมินผลกระทบรวมทั้งหมดต่อGDP สหรัฐฯและGDP จีนปี 2562 อยู่ที่ 0.55% และ 0.85% ต่อปีตามลำดับซึ่งฝ่ายวิจัยฯได้คำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวแล้วในประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 ซึ่งเราคาดว่าการส่งออกของไทยจะเติบโตชะลอสู่ 7% (เทียบกับ 10% ในปีนี้) ทั้งนี้มาตรการของสหรัฐฯที่ประกาศเมื่อเช้าเป็นไปตามที่consensus คาดการณ์และไม่ได้สร้างความผันผวนต่อตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดหุ้นในเอเชียมากนักเมื่อผนวกกับปัจจัยบวกของไทยเช่นแนวโน้มการเลือกตั้งทั่วไปของไทยในไตรมาส 1/2562 และความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในการรับมือความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเราเชื่อว่าSET Index จะยังโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียต่อไป

 

 

  WHAUP* (เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 5.9 บาท / แนวต้านแรก 6.2 บาท (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) หากผ่านไปได้ประเมินมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6.45 บาท (Stop loss 5.7 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้นLaggard กลุ่มโรงไฟฟ้าและสาธารณูปโภค (คาดเป็นผลจากนักลงทุนหาหุ้นDefensive ในช่วงภาวะตลาดผันผวน) 3) Valuation WHAUP* น่าสนใจที่สุดในกลุ่มฯโดยมีUpside จากราคาเหมาะสม +40% (สูงสุดในกลุ่มฯ) ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯประเมินมูลค่าโรงไฟฟ้าด้วยวิธี (DCF) + สมมติฐาน (WACC) บนฐานเดียวกันทุกตัวและคาดปันผลปี 2561 - 62 เท่ากับ 3.6% และ 4.0% ตามลำดับ

 

  KTB* (เป้าพื้นฐาน 21.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 19.6 บาท / แนวต้าน 20.8 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 19.4 บาท) 2) ประเมินValuation ไม่แพงPBV 0.96 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี = 1.1 เท่า) ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น (ฝ่ายวิจัยฯประเมินมีโอกาสที่ประชุมกนงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งภายในปลายปีนี้) + แนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวและNPL ที่น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้วตามวัฏจักรเศรษฐกิจทำให้คาดว่าPBV มีโอกาสที่จะกลับสู่ระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยได้ 3) คาดปันผลปี 2561 - 62 เท่ากับ 4.0% และ 4.5% ตามลำดับ

 

 

  หุ้นเด่นQuantamental เดือนก.ย.61: MBK (Stop loss 24.0 บาท) / KTB* (Stop loss 18.5 บาท) / SF (Stop loss 8.6 บาท) / COL (Stop loss 28 บาท) / D (Stop loss 10.4 บาท) ... นักลงทุนสามารถเลือกพิจารณาหุ้นTop picks ตัวอื่นๆนอกเหนือจากที่เราเลือกมา 5 ตัวนี้ได้ในบทวิเคราะห์Quantamental

 

 

  (+) SCN ซื้อหุ้นGEP Thailand เป็น 49% (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) สแกนอินเตอร์ปิดดีลซื้อหุ้นGEP Thailand เพื่อร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูประเทศเมียนมากำลังการผลิตรวม 220 MW จากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) 21,695,286 หุ้นในราคาจองซื้อ 4.50 บาทให้Noble Planet และชำระเป็นเงินสดให้แก่Planet Energy Holdings ดันสัดส่วนSCN ถือหุ้นในGEP Thailand เพิ่มเป็น 49% เริ่มCOD ในเฟสแรก 50 MW ภายในม.ค.62

 

  (0) 'บรรยง’ มองต่าง'กรณ์’ GPSC* แจงซื้อGLOW* วันนี้ (ข่าวหุ้น) “บรรยงพงษ์พานิช” โต้ “กรณ์จาติกวณิช” มองต่าง “ปตท.” ซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ้าควบรวมแล้วเกิดประโยชน์-ช่วยลดต้นทุน-สร้างมูลค่าเพิ่มควรเดินหน้าได้โดยภาครัฐควบคุมตามพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า-ไม่ให้ผูกขาดฟากGPSC เตรียมแถลงข่าวชี้แจงกรณีเข้าซื้อหุ้นGLOW ในวันนี้

 

  (+) CPN* ส่งทีมเข้าGLAND BBL* เป๋าตุงรับปล่อยกู้ (ข่าวหุ้น) CPN* ได้ฤกษ์ส่งทีมกรรมการเข้าGLAND ทันทีนำโดย “สุทธิธรรมจิราธิวัฒน์”, “ปัณฑิตมงคลกุล” และ “ปรีชาเอกคุณากูล” ด้านBBL* ปล่อยกู้ให้ 2 หมื่นล้านบาทคาดดอกเบี้ยMLR (6.25%) -1 ถึง -2% หรืออย่างต่ำสุดเป็นMoney Market Rate : MMR ประมาณ 2-3% แต่ก็ยังรับกินดอกเบี้ยพุงกางแถมยังเตรียมปล่อยกู้ให้CPN เพื่อขึ้นโครงการขนาดใหญ่ต่อไป

 

  (-) วินด์ฟาร์มGUNKUL* ส่อวุ่นชาวบ้านโร่ฟ้องศาลสั่งปิด (ข่าวหุ้น) GUNKUL* งานเข้า! ตัวแทนชาวบ้านอ.ด่านขุนทด-อ.เทพารักษ์ 98 รายลุยฟ้องศาลชี้กกพ.ออกใบอนุญาตโรงไฟฟ้าสราญรมย์วินด์ฟาร์ม 60 MW ให้บริษัทย่อยของGUNKUL* ผิดกฎหมายขอศาลเปิดไต่สวนฉุกเฉินสั่งปิดโรงไฟฟ้าเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา

 

  (+) SPI จับมือพันธมิตร'PTTGC' พัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากขยะฯ (ข่าวหุ้น) “SPI” เซ็นMOU เป็นพันธมิตรกับPTTGC เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากขยะพลาสติกวางเป้ายกระดับผลิตภัณฑ์สิ่งทอของไทยให้ทัดเทียมต่างประเทศ

 

 

  SGP* (เป้าพื้นฐาน 14.9 บาท) ประเมินแนวรับ 12.2 บาท / แนวต้าน 13.0 บาทได้และลุ้นปิดแก๊บราคาที่ 13.6 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 12.0 บาท)

 

  AMATA* (เป้าพื้นฐาน 30 บาท) ประเมินแนวรับ 21.4 บาทและ 21.0 บาท / แนวต้าน 22.4 บาทและถัดไปที่ 23.7 บาท (Stop loss 20.5 บาท)

 

  PSL (เป้าConsensus 15.08 บาท) ประเมินแนวรับ 11.8 บาท / แนวต้าน 12.7 บาท (Stop loss 11.8 บาท)

 

  SEAFCO (เป้าพื้นฐาน 10.3 บาท) ประเมินแนวรับ 8.6 บาท / แนวต้านแรก 8.9 - 9.2 บาท (Stop loss 8.6 บาท)

 

  SCCC (เป้าพื้นฐาน 310 บาท) ประเมินแนวรับ 246 บาท / แนวต้าน 264 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 241 บาท)

 

  TISCO* (เป้าพื้นฐาน 118 บาท) แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop ล๊อกกำไร 80 บาท)

 

  CPALL* (เป้าพื้นฐาน 87 บาท) ประเมินแนวรับ 67.5 บาท / แนวต้าน 69 - 71.25 บาท (Stop loss 65 บาท)

 

  BGRIM* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) ประเมินแนวรับ 27 บาท / แนวต้าน 28.5 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 26.5 บาท)

 

  COM7* (เป้าConsensus 21.5 บาท) ประเมินแนวรับ 19.2 บาท / แนวต้าน 20.3 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 19.0 บาท)

 

 

  กลุ่มนิคมฯน้ำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาดฯ" ฝ่ายวิจัยฯประเมินความคืบหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯเช่นรถไฟความเร็วสูงและรวมถึงความคืบหน้าการเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในกลุ่มฯช่วงปลายปี 2561 นี้เลือกAMATA* เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ

 

 

  จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- กรอบราคา 1717 – 1723 จุด

 

   วันนี้หากดัชนีSET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1723 จุดนั้นอาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1723-1753 จุดแต่หากวันนี้ดัชนีSET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1717 จุดนั้นอาจทรงราคาลงในกรอบ 1717-1704 จุด

 

  แนวรับวันนี้:         1717/1706               แนวต้านวันนี้:         1723/1738

 

หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลางคือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ