- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 September 2018 20:41
- Hits: 1637
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
พักเงินไว้ในDefensive Stock
ระดับความเสี่ยงของตลาด
Neutral
Smart Pick
สะสมTTW
ราคาปิด 12.30 บาท
ราคาเหมาะสม 15.30 บาท
ราคาหุ้นCKP วานนี้ +6.9% คาดเขื่อนไซยะบุรีจะเริ่มทดสอบผลิตไฟฟ้าได้ใน 4Q61 ซึ่งมีกำลังผลิตสูงถึง 1285MW
เรามองว่าTTW ได้ประโยชน์เช่นกันเพราะถือหุ้นในCKP สัดส่วน 25.3% ดังนั้นการรับรู้รายได้จากเขื่อนไซยะบุรีของCKP ในปีหน้าจะส่งผลบวกต่อส่วนแบ่งกำไรที่ส่งมาผ่านมายังTTW เช่นกันรวมทั้งเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปีละ 6% ปิดความเสี่ยงจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ผันผวนจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า
สะสมSCC
ราคาปิด 442.00 บาท
ราคาเหมาะสม 510.00 บาท
ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้นถึง 8%YoY และคาดว่าความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ปีนี้จะเติบโตได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีราว 2% หนุนจากงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯเป็นสำคัญ
เราคาดหุ้นBig Cap ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอาจถูกกดดันจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯส่งผลให้เงินทุนมีโอกาสเข้าพักในSCC แทนเนื่องจากPER2561 เพียง 10 เท่า
สะสมKKP
ราคาปิด 75.00 บาท
ราคาเหมาะสม 80.00 บาท
KKP รายงานสินเชื่อเดือนส.ค. +1.6% MoM และYTD +13% เติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคารจากSynergy กับPHATRA ออกดอกผลส่งผลให้มีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อCorporate เติบโตต่อเนื่อง
เราคาดกำไร 2H61 เติบโดเด่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 4Q61 ที่จะรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมได้แก่ (1) IPO กองทุนTFF (2) หุ้นIPO ของโอสถสภาขณะที่เงินปันผล 2H61 คาดหุ้นละ 4.00 บาทให้Yield สูงถึง 5.3%
เก็งกำไรWHAUP
ราคาปิด 6.05 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 6.40 บาท
ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 6.00 บาทได้จึงมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6.40 บาทแนวรับ 5.95 บาทและStop loss หากต่ำกว่า 5.85 บาท
กลุ่มโรงไฟฟ้ามีปัจจัยบวกรออยู่คือความชัดเจนของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (PDP) คาดประกาศในปลายเดือนก.ย. จึงส่งผลให้ในช่วงสั้นตลาดกลับมาเก็งกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้าอีกครั้ง
Profit-Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเผชิญกับแรงกดดันต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงินUS$2 แสนล้านอัตราภาษี 10% เริ่มวันที่ 24 ก.ย.นี้และจะเพิ่มอัตราภาษีขึ้นเป็น 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 ทั้งนี้จับตาจีนในวันนี้ว่าจะตอบโต้สหรัฐฯอย่างไรแต่DJIA Futures เช้านี้ (8.00 น.) -84 จุด
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศขาดความโดดเด่นในระยะสั้นทำให้เราประเมินSET INDEX ยังอยู่ในช่วงของการพักฐานในกรอบ 1705/1710-1725 จุดอย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจคือวานนี้นักลงทุนทั่วไปมีสถานะLong สุทธิในSingle Stock Futures มากถึง 100,154 สัญญาและทำให้YTD มีสถานะShort สุทธิคงเหลือ 37,095 สัญญาเท่านั้นบวกกับOI ในBlock Trade เพิ่มขึ้นตลอด 2 วันทำการราว 1.74 แสนสัญญาทำให้เรามองว่าปัจจัยเหล่านี้จะช่วยจำกัดDownside risk และความผันผวนของหุ้นในSET100 Index ได้นอกเหนือจากปัจจัยแวดล้อมทั้งแรงเก็งกำไรต่อการประชุมกนง.ในวันพรุ่งนี้และการปรับน้ำหนักดัชนีFTSE วันศุกร์นี้
ดังนั้นราคาหุ้นเป้าหมายที่อ่อนตัวลงมากลายเป็นจังหวะของการทยอยสะสมโดยเรายังคงให้น้ำหนักกับกลุ่มDomestic Play เหนือกลุ่มGlobal Play ได้แก่ธนาคาร (BBL/ KBANK/ KKP), ค้าปลีก (BJC/ ROBINS), อสังหาฯ (LH/ MBK)/ นิคมฯ (AMATA)/ รับเหมาฯ (CK/ STEC/ UNIQ/ SEAFCO) รวมถึงหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างอย่างSCC ซึ่งมีSentiment บวกจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศเดือนก.ค. กลับมาเติบโตรายเดือนสูงสุดในรอบ 4 ปี
เช้านี้เราออกบทวิเคราะห์Initiate หุ้นSPRC เริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" เนื่องจาก (1) ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นอย่างเต็มที่เพราะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงกลั่น 100% และ (2) แม้ราคาเหมาะสมที่ 15.60 บาทมีUpside จำกัดจากราคาปัจจุบันแต่คาดการณ์ผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) โดดเด่นราว 6-8% ต่อปีสูงสุดในกลุ่มโรงกลั่น
HOT Topic
Hot Topic วันนี้
1. เป็นไปตามคาด…ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากจีนอีกUS$2 แสนล้าน
2. SET INDEX วานนี้ปรับตัวOutperform ตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอะไรเป็นเหตุผลสำคัญ?
3. ถึงเวลาของSCC ที่Laggard มานานแล้วหรือยัง?
4. CKP วานนี้ขึ้นเด่น +7% หุ้นตัวใดที่ได้ประโยชน์เช่นกัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้SET INDEX ปรับตัวลดลงวันแรกในรอบ 4 วันทำการลดลง 3.82 จุดปิดที่ 1718.39 จุดมูลค่าการซื้อขายราว 5 หมื่นล้านบาท
กระแสเงินทุน: นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีกเล็กน้อยราว 305 ล้านบาทรวม 3 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 2.6 พันล้านบาทสวนทางกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิวันแรกในรอบ 5 วันทำการราว 1.1 พันล้านบาทด้านตลาดSET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะLong สุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 2.4 พันสัญญารวม 4 วันทำการมีสถานะLong สุทธิสะสมราว 3.3 หมื่นสัญญาส่งผลให้QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะLong สุทธิสะสมราว 7.1 หมื่นสัญญาโดยS50U18 กลับมามีDiscount จากSET50 ราว 2.5 จุดจากวันก่อนหน้ามีPremium ราว 1 จุดสวนทางกับกลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชีบล. ที่มีสถานะShort สุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 4 พันสัญญารวม 4 วันทำการมีสถานะShort สุทธิสะสมราว 2.3 หมื่นสัญญาส่งผลให้QTD มีสถานะShort สุทธิสะสมราว 1.9 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้: นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีกราว 1.5 พันล้านบาทรวม 7 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 2 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่าUS$2 แสนล้านในอัตรา 10% มีผลบังคับใช้วันที่ 24 ก.ย. 2561 และเพิ่มเป็น 25% ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 พร้อมขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มหากจีนออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ
ทางการจีนเตือนสหรัฐฯว่าจะไม่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับในสงครามการค้ากับสหรัฐฯที่กำลังยกระดับขึ้น
IMF เตือนหากอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (No-deal BREXIT)จะกดดันให้เศรษฐกิจของอังกฤษหดตัวลงอย่างมีนัย
กสทช.เตรียมพิจารณายื่นขออุทธรณ์ต่อศาลปกครองกลางในการประชุมบอร์ดกสทชวันที่ 19 ก.ย. 2561 หลังศาลปกครองตัดสินให้DTAC เข้าสู่มาตรการเยียวยา 3 เดือน
กระทรวงพลังงานยืนยันว่ายังคงเดินหน้าเปิดให้ยื่นประมูลแหล่งปิโตรเลียม 2 แห่งคือเอราวัณและบงกชตามกำหนดการคือวันที่ 25 ก.ย.นี้
สหภาพยุโรป (EU) รายงานเงินเฟ้อเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2%YoY ตามคาดการณ์ของตลาด
ติดตามการประชุมกนง. และการประชุมธนาคารญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 19 ก.ย.
ติดตามการรายงานนำเข้า/ส่งออกไทยเดือนส.ค. 2561 ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 4.0% YoY และการรายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือนส.ค. วันที่ 21 ก.ย.
การปรับน้ำหนักดัชนีFTSE ณราคาปิดวันที่ 21 ก.ย.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran
Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat
Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol
Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk
Strategist 662-009-8059
OO13932