เมื่อวานที่ผ่านมาSET เผชิญกับแรงขายทำกำไรโดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายยังคงมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องนำโดยBCPG, EA , GULF, CKP และกลุ่มICT อย่างDTAC อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารเผชิญกับแรงขายทำกำไรนำโดยSCB, KBANK, KTB ณ.สิ้นวันSET ปิดที่ 1,718.3 จุด (-3.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.9 หมื่นล้านบาทลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 5.8 หมื่นล้านบาท

 

นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่สามที่ 304 ล้านบาท (สถาบันขายสุทธิ 1,155 ล้านบาท) พร้อมคงสถานะLong SET50 index future กว่า 2,365 สัญญา

 

 

  ประเมินผลสงครามการค้าสหรัฐ-จีนออกได้หลายรูปแบบ   : เมื่อคืนที่ผ่านมาปธน. Trump ได้แถลงขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นที่เรียบร้อยมีผลทันทีวันที่ 24 กันยายนนี้โดยจะขึ้นเป็นอัตราภาษี 10% ก่อนปรับขึ้นเป็น 25% ใน 1Q19 พร้อมขู่หากจีนใช้มาตรการตอบโต้ใดๆสหรัฐจะพร้อมนำการปรับขึ้น 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์และพร้อมใช้ทันทีโดยเราประเมินว่าการกระทำของTrump ในครั้งนี้มีเพื่อสร้างแต้มต่อของการเจรจาการค้าระหว่างMnuchin และLiu He ใน 1-2 สัปดาห์นี้อย่างไรก็ตามหากตัวแทนจากประเทศจีนยกเลิกการพบปะพร้อมขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐจะทำให้ความรุนแรงระหว่าง 2ประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเราประประเมินสถานการณ์ดังกล่าวมีโอกาสอยู่ในระหว่างBase case- Worst Case กล่าวคือ 1) Base case (ทั้ง 2 เจรจาถอยคนละก้าวเพิ่มวงเงินในระดับ 1.0 แสนล้าน+/-) 2) ประเมินSET ได้price in ไปแล้วบางส่วนคาดSET แกว่งในกรอบ 1,690-1,720 จุดและ 3) Worst case (เจรเจาการค้าไม่สำเร็จสหรัฐขึ้นภาษี 2.0 แสนล้านเหรียญ) คาดSET ปรับตัวทดสอบแนวรับสำคัฐบริเวณ 1,650 จุด+/-

 

Investment Theme: คงคำแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และลงทุนหุ้นกลุ่มDomestic นำโดยCPALL, STEC, BEM, SCB และหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ขึ้น (มีUpside) นำโดยGOLD, PRM อย่างไรก็ตามไม่ว่าสถานการณ์ประเด็นสงครามการค้าจะออกในรูปแบบBase หรือWorst case เราคงคำแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มCommodity

 

 

  เมื่อคืนที่ผ่านมา – SAWAD เพิ่มทุน (PP) ราคาต่ำกว่ากระดานที่ 45.0บาทจำนวน 57 ล้านหุ้นให้Cathay Financial Holding / ปธน.เกาหลีใต้เตรียมพบKim วันนี้

 

 

  Trading idea – ทยอยสะสมGOLD คาดผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีและPresale เด่น / เก็งกำไรCPALL กรอบ 65.0 – 69.0 / เก็งกำไรBEM ราคาเป้าหมาย 9.0 บาทจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทำสถิติสูงสุดในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา / เก็งกำไรCKP กรอบ 4.30-4.60 / เลี่ยงการลงทุนDTAC และกลุ่มท่องเที่ยว / เก็งกำไรTEAMG ปันผลดีDownside จำกัด

 

 

  แกว่งในกรอบ 1706-1730 ไม่หลุด 1706 ยังน่าเก็งกำไร : ดัชนีแกว่งSideway Down และยังคงไม่ผ่านแนวต้านNeckline ที่ 1730 แต่เนื่องจากขณะนี้เพิ่งเริ่มเกิดสัญญาณบวกในMACD ระยะสั้นจึงมองกรอบการแกว่ง 1706-1730 หากอ่อนตัวไม่หลุด 1706 (EMA200Day) จะยังคาดว่ามีโอกาสผ่านแนวต้านที่ 1730 ยังมองว่าหากดัชนีอ่อนตัวระหว่างวันยังเป็นโอกาสสะสมบริเวณแนวรับ 1710 และ 1706 แต่หากหลุด 1706 แนะนำLock Profit และงดเก็งกำไร

 

  กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : พิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1725 และ 1730 เพื่อทำกำไรบางส่วนหรือเล่นรอบและหากดัชนีอ่อนตัวไม่หลุด 1706 มองว่ายังน่าสะสมตามแนวรับในจังหวะอ่อนตัว   2) ไม่มีหุ้น : จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันมองว่ายังน่าสะสมตามแนวรับ 1710, 1706

 

  แนวรับ : 1706, 1710 แนวต้าน : 1725, 1730

 

 

  ปัจจัยต่างประเทศ: -

 

  ปัจจัยในประเทศ: 19 ก.ย. ประชุมกนง.

 

 

  PTTEP (B 149.00-151.00, Tp 155.00//160.00, Cut 147.00)

 

  GULF (B 70.50, Tp 76.00, Cut 70.00)