บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 17-06-18

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Monday, 17 September 2018 18:40; Hits: 1747

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้

ให้น้ำหนักกับหุ้น Domestic Play

ระดับความเสี่ยงของตลาด

Neutral

Smart Pick

เก็งกำไร MBK

ราคาปิด 25.75 บาท

ราคาเหมาะสม 28.50 บาท

MBK ขึ้น XD วันที่ 19 ก.ย. หุ้นละ 0.37 บาท ให้ Yield 1.4% และมีปัจจัยบวกจากการถูกเพิ่มเข้าดัชนี FTSE Small Cap ปรับวันศุกร์นี้

อีกทั้ง Icon Siam คาดเปิดให้บริการในวันที่ 9 พ.ย. เป็น Catalyst ต่อราคาหุ้น ผลักดันกำไรปี 2562 เติบโต +35% YoY จาก (1) รับรู้รายได้ Icon Siam เต็มปี และ (2) เริ่มรับรู้รายได้คอนโด Magnolias Waterfront Residences มูลค่ารวม 2.1 หมื่นล้านบาท ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER2562 เพียง 12 เท่า

สะสม SCC

ราคาปิด 444.00 บาท

ราคาเหมาะสม 510.00 บาท

กลุ่มปูนซีเมนต์กลับมามีความน่าสนใจ หลังความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นถึง 9% YoY และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี จากงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ขณะที่ภาคเอกชนได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นในการเลือกตั้ง

ราคาหุ้นลดลง 8.3% YTD เทียบกับ SET INDEX -1.8% จึงมี Downside Risk จำกัด ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2561 เพียง 10 เท่า และให้ Dividend Yield 4% ต่อปี

เก็งกำไร PLANB

ราคาปิด 7.00 บาท

ราคาเหมาะสม 8.00 บาท

เรามีมุมมองบวกหลังประชุม Opportunity Day วันศุกร์ที่ผ่านมา คาดกำไร 2H61 เติบโตทั้ง HoH และ YoY จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก BNK และรายได้จากป้ายโฆษณาหน้าห้างเซ็นทรับเวิล์ดใน 3Q61 เป็นไตรมาสแรก

ขณะที่แนวโน้มปี 2562 คาดอุตสาหกรรมโฆษณานอกบ้านได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ หลังการเลือกตั้งเดินหน้าตาม Roadmap ผลักดันกำไรปี 2561 เติบโต +26.5% YoY เป็น 582 ล้านบาท และต่อเนื่อง +17.5% YoY เป็น 684 ล้านบาทในปี 2562

เก็งกำไร TOP

ราคาปิด 86.00 บาท

แนวต้านทางเทคนิค 90.00 บาท

ภาพทางเทคนิค ราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นทดสอบบริเวณเส้น 200 วันที่ 87.00 บาท หากผ่านได้จะขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 90.00 บาท แนวรับ 85.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 84.25 บาท

แนวโน้มกำไรปกติใน 3Q61 เราคาดเติบโต QoQ จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น +41.4% QTD เป็น US$5.71/barrel และ PX Spread เติบโต QoQ จากภาวะ Supply ตึงตัว

Pair Trade : N.A.

กลยุทธ์วันนี้

เราประเมิน SET INDEX วันนี้จะลดความร้อนแรงลง หลังปรับตัวขึ้นถึง 2.98% ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมาจากกรอบการเลือกตั้งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และล่าสุดคสช.ปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองบางส่วนแล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะกลางมีความโดดเด่นเหนือภูมิภาคเอเชีย เพียงแต่วันนี้อาจมี “Noise” จากกรณีประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน US$2.0 แสนล้าน อัตราภาษี 10% ก่อนเปิดการเจรจาระหว่างกันในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศ ทั้งกรอบเวลาการเลือกตั้ง / ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศ / ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเข้าสู่ไฮซีซั่นในหลายอุตฯ มากกว่าประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เรามองว่าท้ายที่สุดจะมีพัฒนาการที่เป็นกลางต่อ 2 ประเทศตามมา ทำให้เรามองว่า SET INDEX วันนี้จะแกว่งในกรอบ 1715-1730 จุด นำโดยกลุ่มธนาคาร และกลุ่มส่งออกอาหารที่ได้อานิสงค์จากค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าช่วงสั้น

นอกจากนี้มูลค่าการซื้อที่กลับมาอยู่ในระดับ 5-7 หมื่นล้านบาทต่อวัน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อทิศทางการลงทุนอีกครั้ง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา เด่นที่สุดในกลุ่ม TIP Market และหากกนง.สัปดาห์นี้ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ ย่อมเป็นบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ หลังขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไปกว่า 2 แสนล้านบาทในปีนี้แล้ว

กลยุทธ์การลงทุนหลัก เรายังคงเน้นย้ำแนวทางเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก ด้วยปัจจัยบวกจากในประเทศ หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจเข้าลงทุน ได้แก่ ธนาคาร (BBL/ KBANK/ KKP), ค้าปลีก (BJC/ ROBINS), อสังหาฯ (LH/ MBK)/ นิคมฯ (AMATA)/ รับเหมาฯ (CK/ STEC/ UNIQ/ SEAFCO)/ วัสดุก่อสร้าง (SCC)

HOT Topic

Hot Topic วันนี้

1. คสช.คลายล็อกบางกิจกรรมทางการเมือง สะท้อนให้เห็นว่า Roadmap เลือกตั้งเดินหน้าต่อเนื่อง

2. เราเน้นให้ลงทุนในกลุ่ม Domestic Play เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่ากลุ่ม Global Play หลังสหรัฐฯอาจเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน US$2 แสนล้านในสัปดาห์นี้

3. ติดตามการประชุม กนง.ในวันพุธนี้

4. บทวิเคราะห์หุ้น PLANB…เป็นอีก 1 บริษัทที่ได้แรงหนุนจากการเลือกตั้ง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้

วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 อีก 4.25 จุด หนุนให้ดัชนีขึ้นไปปิดที่ 1722.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.9 หมื่นล้านบาท

กระแสเงินทุน: สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 4 อีก 3.5 พันล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 1.7 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง 299 ล้านบาท รวม 2 วันซื้อสุทธิสะสมราว 2.3 พันล้านบาท ทางด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 1.3 พันสัญญา รวม 3 วันมีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 3 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 6.8 หมื่นสัญญา สวนทางกับกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 357 สัญญา รวม 3 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 1.9 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 1.5 หมื่นสัญญา ขณะที่ S50U18 พลิกมามี Premium จาก SET50 Index ราว 1 จุด จากวันก่อนหน้ามี Discount ราว 4 จุด

ตลาดตราสารหนี้: นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีกราว 1.5 พันล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 1.8 หมื่นล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้

แหล่งข่าวเผยประธานาธิบดีสหรัฐฯเตรียมประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน US$2 แสนล้าน ที่อัตราภาษี 10% ต่ำกว่าที่ประกาศครั้งล่าสุดที่ระดับ 25%

คสช. ออกคำสั่ง ม.44 คลายล็อกบางกิจกรรมทางการเมือง

รัฐบาลจีนเผยอาจไม่เข้าร่วมการเจรจาข้อตกลงทางการค้าสหรัฐฯ หากสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน

สมาชิก G20 เรียกร้องในที่ประชุมให้มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์ขององค์กรการค้าโลก (WTO) อย่างเร่งด่วน

Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ ที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้น 7 แท่น สู่ระดับ 867 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว

ศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครอง DTAC กรณีสัมปทานคลื่น 850 MHz หมดอายุ โดยให้คุ้มครองผู้ใช้บริการ DTAC ชั่วคราวถึง 15 ธ.ค.61

ติดตามการรายงานเงินเฟ้อยุโรป วันนี้

ติดตามการประชุมกนง. และการประชุมธนาคารญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 19 ก.ย.

ติดตามการรายงานนำเข้า/ส่งออกไทยเดือน ส.ค. 2561 ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 4.0% YoY และการรายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือนส.ค. วันที่ 21 ก.ย.

การปรับน้ำหนักดัชนี FTSE ณ ราคาปิดวันที่ 21 ก.ย.