ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนยังเป็นบวกจากการอ่อนค่าลงของเงินเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญจาก 1) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ออกมาต่ำกว่าคาด 2) การส่งสัญญาณเจรจาการค้ารอบใหม่กับจีน 3) ธนาคารกลางตุรกีตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับ 24% (จากเดิม 17.75%) เพื่อหวังสกัดการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและการอ่อนตัวอย่างหนักของค่าเงินรีลา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลดีต่อเสถียรภาพค่าเงิน รวมถึงเงินทุนไหลเข้าของประเทศตลาดเกิดใหม่ (EMs) และ 4) ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น หลังธนาคารกลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงสิ้นปีนี้

สำหรับตลาดหุ้นไทย ตลาดตอบรับความชัดเจนการเดินหน้าเลือกตั้งโดยปรับขึ้นแรงกว่า 40 จุด พร้อมสัญญาณการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติที่พลิกกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบเดือน ขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันเข้าซื้อสุทธิกว่า 1 หมื่นลบ. เป็นปัจจัยบวกต่อโมเมนตัมการฟื้นตัวของ SET Index ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม domestic plays อาทิ ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ รวมถึงกลุ่มหุ้นใหญ่ที่รองรับเม็ดเงินต่างชาติอย่างพลังงาน 

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1721 และ 1735 จุด ดัชนีมีโอกาสผันผวนทั้งจากแรงทำกำไรรายตัว รวมถึงจากน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงกว่า 2% หลังปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกโอเปกที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ดังนั้นเน้นการเก็งกำไรในหุ้นที่ยัง Laggard ขณะที่ทยอยเข้าลงทุนเพิ่มในกลุ่มหุ้นหลักข้างต้น

Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, SCB, STEC, CPALL, PTT, PTTEP/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG / กลุ่มการแพทย์ BDMS, BH, CHG, BCH / 

ภาพรวมกลยุทธ์: ขึ้น...ซื้อน้อยหน่อย ลง...ซื้อมากหน่อย โมเมนตัมของตลาดพลิกกลับมาบวก หลังปรับตัวขึ้นเหนือ 1703 จุด และขึ้นทดสอบ 1721 และ 1736 จุด  // หุ้นแนะนำวันนี้ CPALL, GUNKUL* / เก็งกำไร CKP* (เป้า 4.50 ตัดขาดทุน 4.20), TASCO* (เป้า 17.00 ตัดขาดทุน 14.70)

แนวรับ 1703 / แนวต้าน : 1721-1735 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

  เลือกตั้ง – กกต.เตรียมนัดหารือพรรคการเมือง 28 ก.ย.เพื่อเตรียมชี้แจงเรื่องการผ่อนคลายการทำกิจกรรมทางการเมือง เป็นสัญญาณยืนยันการเดินหน้าเลือกตั้ง

  หอการค้าขยับเพิ่มเป้าจีดีพีปีนี้โตถึง 4.6% - ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจฯได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 4.4% เป็น 4.6% หรืออยู่ในกรอบ 4.4-4.8% โดยคาดว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง จะชะลอตัวลงเติบโตน้อยกว่าครึ่งปีแรกที่ขยายตัว 4.8%

  บุกร้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ลิสซิ่งคิดดบ.เกินกม.กำหนด - มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับการติดต่อจากกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ว่ามีผู้เสียหายที่ทำสัญญากู้ยืมเงินกับ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด และบริษัท เมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 100 ราย โดยบริษัททั้งสองให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด

  สนช.รับก.ม.ประชารัฐทำเสร็จ30วัน - "สภานิติบัญญัติแห่งชาติ" รับหลักการร่างก.ม.ประชารัฐ เร่งรัดทำงานให้เสร็จ 30 วัน ตั้งกก.ประชารัฐ- กองทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบาก ทุกประเภท หวังลดเหลื่อมล้ำ

  9 หุ้นไทยเข้า DJSI – บริษัทไทย 9 แห่ง ถูกจัดอันดับเข้าดัชนีความยั่งยืนในกลุ่มดัชนีโลก และ 20 บนิษัทเข้าคำนวณในดัชนีตลาดเกิดใหม่

 

ประเด็นติดตาม: 17 ก.ย. – ตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซน, 18 ก.ย. – OPEC meeting, 19 ก.ย. – ประชุม กนง. / BOJ meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

 

17 ก.ย. –   ตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซน เดือน ส.ค. 

18 ก.ย. –   OPEC meeting   

19 ก.ย. –   ประชุมนโยบายการเงินไทย (กนง.)

                 ประชุมนโยบายการเงินญี่ปุ่น (BOJ meeting)

 

 

CPALL (84) : หุ้น top pick ในกลุ่มค้าปลีก ราคาที่ปรับลดลงสะท้อนการชะลอตัวของผลการดำเนินงานไปแล้ว ขณะที่ลงมาถึงโซนซื้อ 63-67 ทำให้มีโอกาสเข้าสู่จุดฟื้นตัว/ซื้อกลับโดยนักลงทุน อีกทั้งได้ประโยชน์จากสัญญาณการบริโภคที่ฟื้นตัว

GUNKUL* (4.50) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไตรมาส 1/61 และคาดเติบโตต่อเนื่องจากการ COD โครงการพลังงานลม ทำให้หุ้นอยู่ในช่วงที่ผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโต จะทำให้กำไรปกติ ฟื้นจากระดับไตรมาสละ 150 ล้านบาท ไปสู่ 350-400 ล้านบาท ในช่วงไม่กี่ไตรมาสหน้า

CKP* (4.50) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 4.20 บาท

TASCO* (17) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 14.70 บาท

หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / IMPACT*, GGC*, AEONTS*, SAWAD, MTC, SYNEX, SCN, CPN, , SGP*, BDMS, MBK*, TK, GUNKUL*, PSTC*(ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)