- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 September 2018 15:24
- Hits: 4569
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยบวกเรื่องกำหนดการเลือกตั้งมา หาจังหวะซื้อ
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : เรามองตลาดไทยวันนี้มีปัจจัยบวกเรื่องกำหนดการเลือกตั้ง วันใดวันหนึ่งในปี 2562 ได้แก่ 24 ก.พ., 31 มี.ค., 28 เม.ย. และ 5 พ.ค. คาดว่าไม่สามารถเลื่อนออกไปจากกำหนดการเหล่านี้ได้ สถานการณ์ความวิตกกังวลเรื่องสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว โดยเรามองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่เหลือของปี มีโอกาสเติบโตลดลง จากการที่ประชาชนในจีนมีความวิตกกังวลต่อเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐฯ พุ่งเป้าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยต้องรอดูการตัดสินใจของ ปธน.ทรัมป์ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตลดลง ประกอบกับเป็นช่วง Low Season ของการท่องเที่ยวไทย รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นประมาณ 4% YTD เมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน เราคาดว่าเรื่องนี้อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น เช่น ตะวันออกกลาง และยุโรป เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยทดแทน ขณะที่เราปรับลดคำแนะนำ DTAC จากถือเป็นขาย ปรับราคาเป้าหมายใหม่ จาก 47.00 บาท เป็น 39.00 บาท หลังจาก กสทช.ประกาศไม่ให้มาตรการเยียวยาคลื่น 850MHz ต่อ DTAC แม้ต้องติดตามผลของการตัดสินของศาลปกครองที่ทาง DTAC ฟ้องร้องต่อ กสทช. แต่เราคาดว่าจะมีโอกาสน้อย มองเป็นปัจจัยบวกต่อ ADVANC และ TRUE แนะนำซื้อเพียง ADVANC (ปิด 200 บาท; ซื้อ; AWS TP 229 บาท) วันนี้ TOP และ STA ขึ้นเครื่องหมาย XD กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ จับจังหวะซื้อหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2H61ดี แต่ราคาอ่อนตัวลงมากรอบดัชนีวันนี้ 1,670-1,700 จุด หุ้นแนะนำ TKN, BANPU, EPG, PTT
Stock Comment
TKN Pick of the day วันนี้มีบทวิเคราะห์Initial Coverage
BANPU (ปิด 18.80 บาท; ซื้อ; AWS TP 27.00 บาท) ราคาหุ้นอ่อนตัวหนัก หลัง XD โดยอาจถูกมองว่าเป็น บจ.ที่มีสินทรัพย์ในอินโดนีเซีย แต่เราคาดว่า BANPU ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากราคาถ่านหินยังดี และการซื้อขายถ่านหินของเหมืองที่อินโดนีเซีย คิดเป็นค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะได้ผลดีจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ เรามองว่า EPS ของ BANPU จะเติบโตดีในปี 2562 จากธุรกิจใหม่ที่เริ่ม Generate รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น คือถ่านหินที่มองโกเลีย และก๊าซธรรมชาติที่สหรัฐฯ
EPG (ปิด 9.10 บาท; ซื้อ; AWS TP 10.20 บาท) กิจการของ EPG เริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามธุรกิจยานยนต์ทั้งในประเทศและการส่งออกที่ดีขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าบริษัทจะเริ่มได้รับอานิสสงค์จากราคาเม็ดพลาสติกที่เริ่มอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง
PTT (ปิด 49.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 62.00 บาท) ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง สวนทางกับราคา PTT ที่ตกต่ำในขณะนี้ เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ PTT
หุ้นเด่นวันนี้ : TKN (ปิด 15.70 บาท; ซื้อ; AWS TP 18.30 บาท)
เราคาดว่าผลประกอบการของ TKN ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 จะ Turnaround หลังจากที่ผลประกอบการถูกกดดันจากราคาสาหร่ายสูงตั้งแต่ไตรมาส 2/60 ถึงไตรมาส 2/61 โดยเราคาดการณ์ยอดขายในประเทศกระเตื้องขึ้น จากกำลังซื้อที่ดีขึ้น และราคาวัตถุดิบสำคัญคือสาหร่าย คิดเป็นประมาณ 44% ของต้นทุนทั้งหมดมีราคาปรับตัวลดลงเริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นมา ในขณะที่การใช้กำลังการผลิตที่โรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา มีประสิทธิภาพเต็มที่มากขึ้น TKN ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Tempura Salted Egg Seaweed คาดว่าจะเป็นที่นิยมในบรรดานักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย มีภาวะการขาดตลาดของสินค้าตัวนี้อยู่ เนื่องจากกำลังการผลิตยังทำได้ไม่เต็มที่ แม้ในช่วงครึ่งปีหลังจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยอาจจะไม่คึกคักมากนัก แต่ TKN ปรับแผนการตลาดด้วยการเปิดตัว Distributors สองแห่งในจีน คือที่เซี่ยงไฮ้ และกวางเจา รวมถึงเปิดขายสินค้าผ่านออนไลน์ในจีนซึ่งประสบความสำเร็จด้านยอดขายเป็นอย่างดี ปัจจุบันสัดส่วนการขายแบ่งเป็นไทย: จีน: ประเทศอื่น ๆ เท่ากับ 41%: 39%: 20% เราคาดการณ์ EPS ในปี 2561 และ 2562 เท่ากับ 0.53 บาท และ 0.67 บาท เติบโต 5% และ 27% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท อิงค่า PER ในปี 2562 ที่ 27 เท่า และค่า PEG ที่ 1 เท่า
Price Pattern ของ TKN ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal แต่ Price Pattern ของ TKN ได้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal มาระยะหนึ่งแล้ว โดยหากปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 15.70 บาทเป็นอย่างน้อย ก็จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งในระยะกลางเพิ่มมากขึ้นจากการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal TKN มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 17.50 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 19.70 บาท ตามลำดับ มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 15.40 บาท (Resistance: 15.90, 16.10, 16.30; Support: 15.50, 15.30, 15.10)
ปัจจัยในประเทศ :
ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ การได้มาซึ่ง ส.ว. ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ.2561 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2561 แล้ว (Infoquest) ความเห็น: การประกาศ พ.ร.บ.ดังกล่าวช่วยให้กำหนดการเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้น โดย พ.ร.บ.จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน หากนับรวมเวลาในการจัดการเลือกตั้งไม่เกิน 150 วัน คาดว่าจัดการเลือกตั้งได้ในกำหนดการปี 2562 ดังนี้ 24 ก.พ. หรือ 31 มี.ค. หรือ 28 เม.ย. หรือ 5 พ.ค. หากเกินกว่ากำหนดนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ถือว่าเป็นปัจจัยบวกหนุนตลาดทุน
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รื้อ TOR ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง คาดการประมูลเลื่อนไปเป็นปี 2562 แทน หลัง กทพ.จะเปิดให้ต่างชาติเข้าร่วมประมูลได้ เนื่องจากบางจุดงานก่อสร้างมีความซับซ้อน ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ (ไทยโพสต์) ความเห็น: คาดงานประมูลทางด่วนนั้นไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากช่วงที่เหลือของปี ยังมีโครงการจ่อเปิดประมูลหลายโครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ มูลค่ารวม 3.7 แสนล้านบาท และยังมีโครงการรถไฟรางคู่อีก 1 เส้น (เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ) มูลค่า 7.7 หมื่นล้านบาท ที่คาดว่าจะเปิดประมูลได้ก่อนสิ้นปี 2561 นี้
CPN (ปิด 81.25 บาท; BUY; AWS TP 85.00 บาท)CPN ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ GLAND ในราคา 3.10 บาทต่อหุ้นผ่านบริษัทย่อย CPN Pattaya ซึ่ง CPN ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 100% โดยภายหลังการทำคำเสนอซื้อ CPN ได้แจ้งว่ายังอยู่ในระหว่างการศึกษาซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปในการเพิกถอน GLAND ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Bangkok Post) ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยจากการเข้าซื้อครั้งนี้ โดยบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการมีที่ดินเพิ่มขึ้นมากเพื่อพัฒนาโครงการ Mixed-use ในระยะยาว แต่ Bottom Line จะถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นในช่วงระยะแรก
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 27.86 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.03 จุด หรือ +0.04% และดัชนี Nasdaq ลดลง 18.25 จุด หรือ -0.23% ดัชนีอยู่บนที่สูงแล้วไม่แกว่งตัวไปไหน ระวังการปรับตัวลง สหรัฐฯ เตรียมเจรจาการค้าครั้งใหม่กับจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่จีน เพื่อเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ภาคธุรกิจสหรัฐได้รวมตัวกันใช้ชื่อว่า Americans for Free Trade เพื่อต่อต้านนโยบายการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกลุ่มดังกล่าวได้ทำการรณรงค์โดยใช้ชื่อว่า Tariffs Hurt the Heartland โดยมีการซื้อโฆษณา และจัดการประชุมในรัฐต่าง ๆ พร้อมกับเชิญชวนให้สมาชิกสภาคองเกรสเข้าร่วมงานรณรงค์ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าที่รัฐเพนซิลเวเนีย อิลลินอยส์ และเทนเนสซี หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมจึงดีดตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.2% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ผลิตภัณฑ์ iPhone ใหม่ 3 รุ่นที่แอปเปิลประกาศเปิดตัวเมื่อวานนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก โดย iPhone ทั้ง 3 รุ่นได้แก่ iPhone Xs Max, iPhone Xs และ iPhone XR หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.961% เมื่อคืนนี้
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ตลาดน้ำมันดิบ : WTI พุ่งขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 70.37 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 79.74 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "ฟลอเรนซ์" ซึ่งจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐในวันศุกร์นี้
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO13746