ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ได้เกือบตลาดวันก่อนที่ชั่วโมงสุดท้ายจะมีแรงขายออกมาหนาแน่นและทำให้ดัชนีปิดลบแรงถึง 19 จุด ณ สิ้นวัน โดยปัจจัยกดดันยังมาจากความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าเป็นหลัก แรงขายหลักๆมาจากนักลงทุนต่างชาติและเร่งตัวขึ้นเป็น 3.4 พันลบ.และ Short ใน Index Futures สูงถึงกว่า 1.5 หมื่นสัญญา

แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะเริ่มแกว่งทรงตัวได้โดยกลุ่มพลังงานคาดว่าจะพยุงตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแรง 2.5% วานนี้ อย่างไรก็ตามประเด็นสงครามการค้าโดยเฉพาะสหรัฐฯ-จีนที่ดูมีท่าทีรุนแรงมากขึ้นคาดว่ายังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดัชนีหลังล่าสุดจีนเตรียมขออนุมัติจาก WTO ในการคว่ำบาตรสหรัฐฯ ซึ่งจากปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่มีในปัจจุบันทำให้มีโอกาสที่ดัชนีจะอ่อนตัวลงอีก เราจึงยังคงเน้นลงทุนหรือพักเงินในหุ้น Domestic Defensive และ Dividend Play น่าจะปลอดภัยและเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาด 

กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Defensive และ Dividend Play //ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงลบ

 

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$159 เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$138ล้าน โดยไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$104ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$94ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความวิตกต่อสงครามการค้าและวิกฤตค่าเงินของตลาด EM หลายประเทศ

 

คาดกำไร 3Q18 โตทั้ง Q-Q, Y-Y และทำจุดสูงสุดใหม่ จาก High Season ที่มีวันหยุดไม่มาก และการเริ่มให้บริการลูกค้าใหม่อย่าง Mega Bangna ด้วยรถ Shuttle Bus 6 คัน และ SPRC ด้วยรถตู้ 10 คัน บวกกับอัตรากำไรขั้นต้นที่จะเร่งขึ้นจาก Economy of Scale

คาดกำไรสุทธิปี 2018 +54% Y-Y เป็น 40 ลบ. และ +16% Y-Y เป็น 47 ลบ. ในปี 2019

PE2018 อยู่ที่ 24 เท่า และจะลดลงเหลือ 21 เท่าในปี 2019 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 32 เท่า

  (0) กลุ่มสื่อสาร วันนี้ที่บอร์ดกสทช.จะพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ DTAC เข้าสู่มาตรการเยียวยาหรือไม่หลังจากหมดสัมปทานวันที่ 15 ก.ย. นี้ เราคาดว่ามีโอกาสสูงที่กสทช.จะไม่ให้เยียวยา และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลปกครองในการพิจารณา กรณีแย่ที่สุดหาก DTAC ไม่ได้เยียวยา จะมีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบราว 1 ล้านรายและกระทบรายได้ราว 2-3 พันลบ. หรือ 3-4% ของรายได้รวม เราจึงยังมอง ADVANC (ราคาเหมาะสม 220 บาท) และ INTUCH (ราคาเหมาะสม 67.50 บาท) เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดและมีปันผลในระดับที่ดี 4-5% รองรับ  

  (0) TISCO สินเชื่อเดือนส.ค. ทรงตัว M-M มีสัญญาณที่ดีขึ้นในกลุ่ม SME ที่ประกอบธุรกิจ Floor plan และสินเชื่อ retail ที่ไม่หดตัวแล้ว (HP flat แต่ Auto cash โตได้ดีขึ้น) เงินให้สินเชื่อ 8M18 -5.35%YTD จากการ repayment ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจใน 1H18 ด้านเงินฝากปรับขึ้น 3%M-M (5.5 พันลบ.) จากเงินฝากประจำซึ่งได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 0.1-0.2% ในเดือนพ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ Lending rate ขยับขึ้นเช่นกัน เราคาดผลการดำเนินงานใน 2H18 ดีกว่า 1H18 ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษมาก คงประมาณการกำไรปี 2018 ที่ 7.1 พันลบ. (+16.7% Y-Y) คงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 98 บาท

  (+) EKH แนวโน้มกำไร 3Q18 คาดว่ายังโตทั้ง Q-Q และ Y-Y และเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีจากอานิสงส์ของ High Season และมีโรคระบาดมาก ขณะที่ศูนย์ผู้มีบุตรยากเริ่มมีผู้ใช้บริการเร่งตัวขึ้นในช่วง 2 เดือนล่าสุด ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบจากการเปิดอาคารศูนย์กุมารเวชใน 2Q19 เราปรับกำไรปกตีปี 2018-2019 ขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% เป็น +20.2% Y-Y อยู่ที่ 101 ลบ. และ +4.3% Y-Y อยู่ที่ 105 ลบ. ตามลำดับ ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 7.40 บาท แนะนำซื้อ เป็น Top Pick สำหรับรพ.ขนาดเล็ก 

  (0) GFPT วานนี้เราได้เยี่ยมชมโรงงานของ GFN (บ.ร่วมของ GFPT) ซึ่งมีทั้งสายการผลิตโรงเชือด (กำลังผลิต 1.5-1.6 แสนตัวต่อวัน) และโรงแปรรูป (กำลังผลิต 3,200 ตันต่อเดือน) ปัจจุบันใช้เต็มแล้ว อยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิต ภายใน 3 ปีจะเพิ่มเป็น 1.8 แสนตัวต่อวัน แต่ต้องรอ  GFPT ขยายฟาร์มเลี้ยงในปี 2020 ก่อน ระยะสั้นแนวโน้มกำไร 3Q18 จะดีต่อเนื่อง เพราะเป็น High season และบาทอ่อน รวมถึงราคาชิ้นส่วนไก่ในประเทศเริ่มปรับขึ้น ส่วนราคาไก่ล่าสุดปรับลง 1 บาทจากสัปดาห์ก่อน เป็น 36 บาทต่อกก. แนวโน้มอาจอ่อนได้อีก เพราะจะเข้าช่วงกินเจต้นเดือน ตค. เราคาดกำไรปีนี้ -44% Y-Y และกลับมาโตปีหน้า +44% Y-Y คงราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 14.5 บาท รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q18

  (+) SYNEX คืนนี้ Apple จะเปิดตัวสมาร์ทโฟน 3 รุ่นใหม่ ปกติจะกระทบหุ้นที่ขายของ Apple ทั้ง COM7 และ SPVI ไม่มาก แต่มักหนุนให้ราคาหุ้นขึ้นแรงช่วงที่ขายในไทยเดือน พ.ย. หลังจากนี้จะมีหุ้นที่เกี่ยวกับ Apple เพิ่มอีก 1 ตัวคือ SYNEX ที่เป็น distributor รายใหญ่ ทำให้ผู้ค้าปลีกร้าน istudio เกือบทั้งหมดยกเว้น COM7 จะค่อยๆเปลี่ยนมาซื้อกับ SYNEX แทน เราคาดว่ากำไร 2H18 จะโตแรงสุดในกลุ่มสินค้าไอที แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท

  (0) SONIC เป็นผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งทางทะล ทางบก และอากาศ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าเป็นของตัวเอง มีพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 195 รายกระจายอยู่ทุกทวีป รายได้หลักปัจจุบันอยู่ที่บริการขนส่งทางทะเล และกำลังขยายธุรกิจไปยังบริการขนส่งทางอากาศที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เราคาดกำไรสุทธิปี 2018 +46% Y-Y อยู่ที่ 67 ลบ. และปี 2019-2020 โตเฉลี่ย 20% ต่อปี ประเมินราคาเป้าหมายปี 2019 อิง PE 20 เท่า ซึ่ง Implied จาก PEG 1 เท่า ได้เท่ากับ 3.00 บาท (Finansia อาจเข้าร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ SONIC)

 

13 ก.ย.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)

 

             - ยูโรโซน: ประชุม ECB

 

              - อังกฤษ: ประชุม MPC

 

19 ก.ย.- ไทย: ประชุม กนง.

 

25 ก.ย.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%

 

 

 

(+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI และหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดตัว Iphone รุ่นใหม่ของ Apple ในวันพุธนี้

(-) ภาพรวมตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลง จากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า และต้นทุนน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น

(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าแนวโน้มการเจรจาเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีจะดูดีขึ้น แต่ก็ถูกหักล้างจากความกังวลต่อเศรษฐกิจของจีนจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ

(+) ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.78 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. พุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.25 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 1.ความกังวลเรื่องพายุฟอเรนซ์ที่กำลังพัดเข้าสู่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐ 2. สหรัฐปรับประมาณการการผลิตน้ำมันดิบในปีหน้าลง และ 3.การประท้วงในอิรัก ที่อาจกระทบต่อกำลังการผลิตที่ขึ้นมาทดแทนของอิหร่านในช่วงที่ผ่านมา

(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 2.40 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1195.40 ดอลลาร์/ออนซ์