CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideway Up” 1703/1706จุด รับ 1680/1676จุด ตลาดยังคงต้องจับตาประเด็นการค้าสหรัฐฯ-จีนต่อเนื่อง ขณะที่ทางฝั่งยุโรป มีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU เรื่อง Brexit ได้ภายใน 6-8 สัปดาห์นี้ ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าในเชิงเปรียบเทียบ บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงได้ ส่วนไทยได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากความคืบหน้ามาตรการภาครัฐฯ หลังบอร์ดรฟม.เห็นชอบรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.43 แสนลบ. หนุนกลุ่มอิงการลงทุนเด่น วันนี้แนะนำ Theme “Investment Related Play” : STEC, AMATA, TOA 

 

 

(*) Trade: ตลาดยังคงต้องจับตาประเด็นการค้าสหรัฐฯ-จีนต่อเนื่อง

(+) EU: มีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU เกี่ยวกับประเด็น Brexit ได้ภายใน 6-8 สัปดาห์นี้

(+) TH: บอร์ดรฟม.เห็นชอบรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.43 แสนลบ. คาดเสนอครม.ปีนี้

(+) TH: สนข.เผยจะเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้า 12 เส้นทาง ภายในปี 2025 จากเดิมปี 2029

(*) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -0.31% สู่ $67.54/bbl / BRT +0.70% สู่ $77.37 /bbl

(*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น -187 ลบ., Short Future -6,215 สัญญา, ซื้อ Bond +2,029ลบ.

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway Up” ต้าน 1703/1706จุด รับ 1680/1676จุด หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณพร้อมเก็บภาษีนำเข้ากับจีนทุกเมื่อ และประกาศจะเก็บเพิ่มอีก 2.67แสนล้านเหรียญฯ ทำให้ล่าสุด ทางการจีนออกมาย้ำอีกครั้งว่าจะตอบโต้กับสหรัฐฯทันที หากสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับจีนรอบใหม่จริง จึงยังคงต้องจับตาความชัดเจนของประเด็นการค้าต่อไป ขณะที่ทางฝั่งยุโรป มีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับประเด็น Brexit ได้ภายใน 6-8 สัปดาห์นี้ ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ถ่วงค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าอยู่ในวงจรอ่อนค่ารอบใหม่ และเป็นปัจจัยที่ช่วยคานจิตวิทยาลบจากประเด็นการค้าได้ ขณะที่ไทยได้แรงหนุนจากความคืบหน้ามาตรการภาครัฐฯ โดยล่าสุด บอร์ดรฟม.เห็นชอบโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วง บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ วงเงินรวม 1.43 แสนล้านบาท โดยจะเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ และคาดจะเสนอครม.ได้ภายในปีนี้ ผสานสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เผยว่าจะเร่งพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล 12 เส้นทาง ภายในปี 2025 จากเดิมกำหนดแล้วเสร็จปี 2029 สะท้อนเม็ดเงินการลงทุนต่อปีจะเพิ่มขึ้น หนุนกลุ่มอิงการลงทุนเด่นอย่างต่อเนื่องในระยะกลาง-ยาว

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, CPALL, ROBINS CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD, ERW, BH, AOT, ERW และ Global Play (PTT, IVL) วันนี้เน้น “Theme “Investment Related Play”

 

Health Update ช่วง Seasonal จะหนุนกลุ่ม รพ Outperform ต่อเนื่อง โดยล่าสุดกลุ่ม รพ ที่อิงผู้ป่วยต่างชาติน่าสนใจ หลังเปิดเผยตัวเลข นักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง เดือน กค 2018 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการทั้งจำนวน และยอดใช้จ่าย คือ 113,783คน และ 9086ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1%y-y และ 5%yy ตามลำดับ โดยมีแนวโน้มที่เดือน สค 2018 จะเร่งขึ้นอีก บวกต่อ BH(TP235) และ BDMS(TP31.2)

Thailand Future Fund : รมว.คลัง มีนโยบายให้เปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุน TFF ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ต.ค. นี้ และมีแผน Roadshow ตปท. วันที่  16-20 ก.ย.นี้ เป็นพัฒนาการบวกต่อหุ้นกลุ่มอิงการลงทุน STEC, AMATA 

EEC SEC BIMSTEC Connect One Belt Road(AMATA, STEC, AOT, ERW) และ Hub ท่องเที่ยวและสุขภาพ(BH,MINT)

กลุ่มรพ + โรงแรม เริ่มได้ประโยชน์จาก Seasonal แนะนำ AOT, ERW, BH, BDMS

ราคาน้ำมันทรงตัวสูง 77เหรียญฯ หนุน PTT, PTTGC, PTTEP เด่น

Portfolio Top Picks SEP 2018 แนะนำ AMATA, AOT, BH, CPALL, TMB, TOA, AMANAH

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

1. Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2. Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3. Property : GOLD, SC

4. Tourism & Transport : ERW, BTS

5. Global Play : IVL, PTL

6. ICT : ADVANC

 

 

STEC (TP19F 32*):  Support 21.8/21.3 Resistant 22.6/23.0

 

Earnings Outlook: คาด 2H18F จะเด่นกว่า 1H18 มาก เติบโตสูงต่อเนื่องทั้ง y-y และ h-h ตามรายได้ก่อสร้างที่เร่งขึ้นจากงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลืองที่ส่งมอบพื้นที่และเริ่มเร่งก่อสร้าง นอกจากนี้มี Backlog secure รายได้ถึง 2020F

Valuation: หุ้นยัง under own โดยซื้อขายเพียง P/BV19F 2.65x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง upside เปิดกว้าง 43%

Catalyst: 16-20 ก.ย.นี้ กระทรวงการคลังเตรียม Roadshow ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกงและสิงคโปร์ และเปิดขายในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ต.ค.18 นี้ + บอร์ด รฟม. เห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) วงเงิน 1.43 แสนล้านบาทแล้ว + รฟม.เตรียมเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง วงเงิน 1.01 แสนล้านบาทให้บอร์ดพิจารณาในปลาย ก.ย.นี้

AMATA (TP19F 23*): Support 20.3/19.8 Resistant 21.0/21.5

 

Earnings Outlook: พรบ. EEC ที่มีผลแล้ว จะเริ่มขับเคลื่อนปริมาณขายที่ดิน พร้อมๆกับ Recurring income คาดผลประกอบการ 2H18F ฟื้นตัว h-h จากรายได้การขายที่ดินเพิ่มขึ้น และคาดกำไร 2019 +34% 

Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมา อยู่ในจุดที่มี Valuation ไม่สูง ซื้อขาย PER19F 12.2x และ PBV19F 1.25x มองเป็นจุดเริ่มทยอยสะสมรอบใหม่ได้ และคาดหุ้นจะกลับมาน่าสนใจเต็มที่อีกครั้งใน 2H19F

Catalyst: EEC จะเป็นนโยบายสำคัญ ผลักดันไทยไปสู่ valued-driven economy ซึ่งระยะสั้นคาดจะมีโครงการเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้ง โดยเฉพาะการประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน พ.ย. นี้  + หากสงครามการค้ายืดเยื้อจะเอื้อต่อโอกาสย้ายฐานผลิตจากจีนมาไทย (คล้ายๆที่เกิดกับ กรณี Tender หุ้น DELTA) + ประมาณการปี 18F-19F มี Upside จากยอด Presales ทุกๆ 100 ไร่ที่เพิ่มขึ้นจะหนุนกำไรปกติ เพิ่ม 3% และ 2% ตามลำดับ ส่งผลต่อTP19F เพิ่ม 2%

TOA (TP19F 42*): Support 35.25/34.75  Resistant 37.0/38.0

 

Earnings Outlook: ภาพการเติบโต 2H18F ผลักดันจากการปรับราคาในประเทศราว 5% และต้นทุนวัตถุดิบใกล้ถึงจุดพีค และง่ายต่อการบริหารจัดการมากขึ้น และคาดต้นทุนจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 2019-20F จาก New supply จากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยฯ บวกกับ มีแผนเพิ่ม Capacity ขึ้นอีก 16% หนุนภาพระยะกลาง กำไร 3 ปีหน้ายังเป็นช่วงเติบโต คาดเพิ่ม CAGR 16%

Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมอีกครั้ง หลัง Consensus ปรับลดประมาณการแล้ว  ขณะที่แนวโน้มกำไรยังคาดหวังการเติบโตได้

Catalyst: เห็นสัญญาณต้นทุน (Titanium dioxide หรือ Tio2) จะเริ่มปรับลง 2019F จาก New supply ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ + ราคาหุ้นผู้ผลิต TiO2 ต่างประเทศ  YTD underperform มาก +  รอบลงทุนรอบใหญ่จะกระตุ้นกิจกรรมก่อสร้างกลับมา

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)