- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 September 2018 20:38
- Hits: 3440
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยลบรุมเร้า
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกทั้งยังมีกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเกินคาด รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของแรงงานที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ อ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความวิตกกังวลค่าเงินของ Emerging Countries ที่ยังต้องจับตามองเป็นพิเศษคืออินโดนีเซีย อาจทำให้ตลาดหุ้นยังขาดแรงซื้อแม้ดัชนีปรับตัวลงมาอยู่ในโซนต่ำแล้ว สัปดาห์นี้เราจึงคาดว่าหากเรื่องสงครามการค้าทวีความรุนแรง คาดว่าจะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,665-1,715 จุด หุ้นแนะนำ BDMS JKN กรอบดัชนีวันนี้ 1,675-1,700 จุด หุ้นแนะนำ BDMS, KCE, JKN
Stock Comment
BDMS Pick of the day
KCE (ปิด 43.75 บาท; ซื้อ; AWS TP 49.00 บาท) คาดได้ประโยชน์จากราคาทองแดงอ่อนตัวต่อ และค่าเงินบาทอ่อนค่า
JKN (ปิด 10.40 บาท; ซื้อ; AWS TP 14.00 บาท) เราเริ่ม Initial Coverage หุ้นด้วยคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 14.00 บาท มองว่าทิศทางของธุรกิจ Content ของ JKN กำลังเติบโตได้ดีในระยะ 1-2 ปีนี้ ภาพยนตร์ซีรีส์อินเดียได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัล เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ดีกว่าการผลิตรายการละครเอง
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS (ปิด 26.25 บาท; ซื้อ; AWS TP: 29.00 บาท)
เราคาดกาไรสุทธิไตรมาส 3/61 ของ BDMS จะขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY หนุนโดยช่วงไฮซีซั่นและต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวลงเป็นผลจากการแปลงสภาพหุ้นกู้ นอกจากนี้ เราคาด EBITDA margin ในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 จะปรับตัวขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 21% หนุนโดยการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ 2 แห่งในไตรมาส 4/61 (โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงราย และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือ Chiva Transitional Care Hospital) และ Margin ที่สูงขึ้นจากการอัพเกรดโรงพยาบาลแม่ข่ายทั้ง 10 แห่งให้เป็น Centers of Excellence และจานวนโรงพยาบาลที่ matured มากขึ้น เราประมาณการ Normalized EPS จะเติบโต 21.8% ในปี 2561 และ 15.9% ในปี 2562
Price Pattern ของ BMDS ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BDMS บ่งบอกถึงการทา New High โดยมีเป้าหมายสาคัญของการทา New High อยู่ที่ 28.50 บาท ทั้งนี้ BDMS มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 25.50 บาท (Resistance: 26.50, 26.75, 27.00; Support: 26.00, 25.75, 25.50)
ปัจจัยในประเทศ :
เร่งผุดรถไฟฟ้าเชียงใหม่ 3 สาย สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เร่งโครงการรถไฟฟ้าเชียงใหม่ มูลค่า 1 แสนล้านบาท ลุยตอกเสาเข็มปี 2562-ต้นปี 2563 หวังเปิดให้บริการได้ในปี 2567 เตรียมชงคจร.อนุมัติรถไฟฟ้ารางเบาภูมิภาค 2 สายภายใน ก.ย.นี้ (ไทยโพสต์)
เร่งสรุปแผน PDP 2018 เน้นส่งเสริมโรงไฟฟ้าขยะชุมชน นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะสรุปกรอบร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2018) พ.ศ.2561-80 ให้เสร็จภายใน ก.ย.นี้ จากนั้นจะนำเสนอขอความเห็นชอบกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป โดยยอมรับว่าโรงไฟฟ้าขยะชุมชนมีความจำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อจุดประสงค์ของการกำจัดขยะเป็นหลัก (ไทยรัฐ) ความเห็น: คาดกระทรวงพลังงานยังคงนโยบายดูแลการรับซื้อมาเพิ่มไม่กระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าให้สูงขึ้น ทำให้เรามีมุมมองเป็นกลางกับผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เช่น BCPG, EA, BGRIM ที่หันไปลงทุนในต่างประเทศแทน แต่นโยบายดังกล่าวจะเป็นบวกต่อผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะชุมชน เช่น TPIPP, SUPER
ธนาคารออมสินเตรียมปรับเป้าสินเชื่อขึ้น: ธนาคารออมสินคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อและกำไรสุทธิของบริษัทจะเกินเป้าหมายในปีนี้ เนื่องจากมีการกู้ยืมเงินที่สูงขึ้นหลังจากที่ธนาคารประกาศว่าจะรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ได้แม้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งจะมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นแล้วก็ตาม (Bangkok Post) ความเห็น: การประกาศให้ธนาคารออมสินทำการรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยไว้จะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้จำนองมากขึ้น
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ลดลง 79.33 จุด หรือ -0.31% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 6.37 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ลดลง 20.18 จุด หรือ -0.25% นักลงทุนเกิดความวิตกหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของแรงงานที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ จะทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าทวิภาคีกับญี่ปุ่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวลดลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวลดลง 0.49% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลดลง 0.54% หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลง 0.81% และหุ้นอเมซอนปรับตัวลดลง 0.32%
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 67.75 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่น้ำมันดิบเบรนท์ กลับเพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 76.83 ดอลลาร์/บาร์เรล การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ซึ่งจะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยการส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทของอิหร่านมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าระดับ 70 ล้านบาร์เรลในเดือน ส.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีที่แล้ว ก่อนถึงวันที่ 4 พ.ย.ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน
ราคาทองแดง : อ่อนตัวล่าสุดอยู่ที่ 5,905 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการทองแดงซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังสร้างแรงกดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงทองแดง
U.S. Dollar Index (DXYO) ล่าสุดอยู่ที่ 95.398 จุด แข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดของรอบ เมื่อ 30 ส.ค.61 ที่ 94.469 จุด
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO13572