- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 September 2018 20:37
- Hits: 1857
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Domestic and Defensive Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ตามคาดเนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่และมีหลายประเด็นที่ต้องติดตาม โดยดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดลบ 4.45 ตจุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 300 ลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่ออีก 773 ลบ. (และพลิกมา Long ใน Index Futures 2.9 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะยังแกว่ง Sideways สร้างฐานจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังไม่สดใส โดยทรัมป์กล่าวว่าการเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ และพร้อมที่จะเดินหน้าเก็บส่วนที่เหลืออีก 2.67 แสนล้านเหรียญ รวมถึงเตรียมที่จะเจรจาการค้ากับญี่ปุ่นเป็นลำดับถัดไปซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดและกระแสเงินทุน เรายังคงมุมมองเดิมที่คาดว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play และมีความ Defensive น่าจะยังปลอดภัยและเคลื่อนไหวได้แข็งกว่าตลาด
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic และ Defensive Play//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$732ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$658ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$24ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$7ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลมาตรการทางภาษีของสหรัฐที่มีต่อจีน รวมถึงญี่ปุ่น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CHG <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.86 บาท
โมเมนตัมการเติบโตของกำไรใน 2H18 ยังคงแข็งแกร่งทั้ง H-H และ Y-Y จากอานิสงส์ของ High Season และฐานปีก่อนที่ยังไม่สูง โดยผู้ป่วยเงินสดยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องและเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนกำไร
คาดกำไรปกติทั้งปี 2018 +27.6% Y-Y เป็น 722 ลบ. โตโดดเด่นกว่าเฉลี่ยของกลุ่มการแพทย์ที่ราว 16% Y-Y ส่วนปีหน้าคาด +9% Y-Y อยู่ที่ 788 ลบ.
ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือน ถือเป็นโมเมนตัมเชิงบวกในการปรับตัวขึ้นต่อ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ดุลการค้าของจีน ส.ค. 18 เป็นบวกลดลง เหลือ US$2.791 หมื่นล้าน ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 3.1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่เกินดุลกับสหรัฐฯมากขึ้นเป็น US$3.105 หมื่นล้าน จาก US$2.809 หมื่นล้านใน ก.ค. 18 ทำให้ประธานาธบิดีสหรัฐฯ ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีก US$2.67 แสนล้าน เพิ่มเติมจากกยอด US$2 แสนล้าน ที่มีผลไปแล้วเมื่อ 6 ก.ย. 18 ที่น่าสนใจคือ นอกจากยอดส่งออกของจีนจะโตลดลงเหลือ 9.8% Y-Y ยอดนำเข้านก็โตลดลงเหลือ 20% Y-Y จาก 27% Y-Y ใน ก.ค. 18 สะท้อนว่าเศรษฐกิจภายในของจีนกำลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เราคาดว่าจะเห็น PBOC ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นเพื่อช่วยผู้ส่งออกมากขึ้น ค่าเงินเอเชียมีแนวโน้มอ่อนค่า กระแสเงินยังมีโอกาสไหลออก สินทรัพย์เสี่ยงยังมีโอกาสพักฐาน
(+) EA ประชุม Opp Day ผู้บริหารยืนยันว่าโครงการทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทั้งโรงไฟฟ้าลมชุดใหม่ กำลังการผลิต 260MW จะจ่ายไฟได้ใน 4Q18 ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 664MW ส่วนโรงงานแบตเตอรี่ ก่อสร้างเฟส 1 ขนาด 1GWh ไปแล้ว 10% คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ปีหน้า ขณะที่ สถานี้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะติดตั้งครบ 1 พันแห่งในสิ้นปีนี้ และจะเริ่มนำรถไฟฟ้า 2 รุ่นเข้ามาขายในปีหน้า เรายังคาดว่ากำไร 2H18 จะดีกว่า 1H18 เพราะเป็น High Season ของโรงไฟฟ้าลม ส่วนกำไรปี 2018-2019 คาดโตเฉลี่ย 29% ต่อปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท
(+) PLANB แนวโน้มกำไร 3Q18 ยังแข็งแกร่ง คาดทำ New High ที่ 160 ลบ. +18% Q-Q, +20% Y-Y จากปัจจัยฤดูกาล การขยายตัวของตลาดโฆษณาสื่อนอกบ้านดีกว่าตลาดรวมต่อเนื่อง การพัฒนาสื่อใหม่ และเริ่มรับรู้กำไรจากการลงทุน 35% ใน BNK เล็กน้อย เราปรับประมาณการกำไรปี 2018-2019 ขึ้นจากเดิม 6-10% เป็นกำไรโต 35% อยู่ที่ 623 ลบ. ในปี 2018 และโต 22% อยู่ที่ 758 ลบ. ในปี 2019 ขณะที่การลงทุน 19.48% ใน BMN บ.ย่อยของ BEM เราคงมองเป็นบวกระยะยาวเนื่องจากจะเพิ่มโอกาสได้บริหารสื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนขยายในอนาคต และโอกาสลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ เราปรับคำแนะนำขึ้นจากถือเป็นซื้อ โดยปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 8.20 บาท
(+) BKD ผู้บริหารเซ็นต์สัญญา MOU กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับบนในพม่า โดยคาดว่าจะมีมูลค่างานในช่วง 4 ปีข้างหน้ารวม 3 พันลบ. ขณะที่ งานจากกลุ่มชิปหมงในกัมพูชา คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 400 ลบ. ปัจจุบัน Backlog ยังไม่รวมงานพม่ามีทั้งสิ้น 2 พันลบ. คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1 พันลบ. และภายในเดือนนี้จะเข้าซื้อหุ้น 40% ในโกลด์ ชอร์ส เพื่อรับรู้กำไรธุรกิจบริหารจัดการน้ำในภูเก็ต เรายังคาดกำไรปกติปีนี้ 172 ลบ. +320% Y-Y และปีหน้า 228 ลบ. +25% Y-Y แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ก.ย. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q18 GDP
13 ก.ย. - สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ประชุม ECB
- อังกฤษ: ประชุม MPC
19 ก.ย. - ไทย: ประชุม กนง.
25 ก.ย. - สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
(-) ตลาดสหรัฐปรับตัวลง จากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า รวมไปถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ FED หลังตัวเลขจ้างงานและค่าจ้างของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนือง
(-) ภาพรวมตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และผลกระทบจากสงครามทางกาค้า
(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน โดยได้แรงหนุนจากจีดีพีไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นที่ออกมามากกว่าคาด ในขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือตัวเลขเงินเฟ้อของจีนและท่าทีของสหรัฐว่าจะตัดสินใจขึ้นภาษีสินค้าจากจีนอีกเท่าไหร่
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.02 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.75 ดอลลาร์/บาร์เรล บนความกังวลเรื่อง Demand ที่อาจลดลงในอนาคตและดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 6.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 4.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1193.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO13565