- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 07 September 2018 22:21
- Hits: 6827
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ยังไม่หมดความอึมครึมเรื่องสงครามการค้า
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : วานนี้ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์กลับได้ดีเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งยังอ่อนแอจากปัญหาค่าเงินอ่อน ทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ วันนี้จึงคาดตลาด Sideways ในกรอบ 1,685-1,705 จุด ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยแม้ถูกจัดอยู่ใน Emerging Market แต่เงินบาทของไทยกลับกลายเป็น 'หลุมหลบภัย' (haven) จากปัญหาในตลาดเกิดใหม่ ทำให้มีเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรของไทยอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากค่าเงินบาทยังแข็งเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน อินโดนีเซียและญี่ปุ่น การที่เงินบาทแข็งค่าแสดงถึงความแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจส่งออก ซึ่งเป็นความหวังที่โดดเด่นที่สุดของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อย่างไรก็ตาม หุ้นส่งออก เช่น KCE HANA ช่วงนี้อาจจะได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องดีมานด์เซมิคอนดักเตอร์จะลดลง เนื่องจากผลของสงครามการค้า แต่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาเป็นโอกาสการเข้าซื้อ สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ เราเลือก CPALL, PTTGC, KTC
Stock Comment
CPALL (ปิด 67.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 89.00 บาท)Pick of the day; เราเริ่มเห็น Upside ของ CPALL จากการที่หุ้นปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/61 และต่อเนื่องในไตรมาส 3/61 จากการที่ MAKRO ที่ CPALL เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เข้าลงทุนในกัมพูชาและอินเดีย แต่ยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 ปีกว่าจะผ่านจุดคุ้มทุนไปได้ ทำให้ กลุ่มบริษัท CPALL อยู่ในช่วงลงทุนสูง ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลตอบแทน แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงมา 25% จากพีคที่ 90 บาทแล้ว ช่วงระดับราคา 64-68 บาท เรามองเป็นโอกาสเข้าซื้อ ระยะสั้นอาจขายทำกำไรจากการติดแนวต้านที่ 72 บาท เนื่องจากเป็นระดับราคาของการแปลงสภาพหุ้นกู้ของ CPF ซึ่งนำหุ้น CPALL ไปค้ำประกันสำหรับการแปลงสภาพ
PTTGC (ปิด 78.50 บาท; ซื้อ; AWS TP 95.00 บาท) ราคาของปิโตรเคมีต้นทางในส่วนของ PX ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะซัพพลายขาดแคลนในเดือน ก.ค.-ส.ค. มองเป็นปัจจัยบวกสำหรับ PTTGC แม้ว่าในช่วงเดือน ก.ย.จะมีการ Shutdown โรงงานต่าง ๆ หลายแห่ง คาดว่าผลประกอบการรวมของ PTTGC ดีน้อยกว่า TOP แต่ราคาหุ้นต่ำกว่า TOP ประมาณ 9% ราคา PTTGC ที่อ่อนตัวลงมาให้โอกาสในการซื้อเก็งกำไร
KTC (ปิด 30.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 33.00 บาท) ปัจจัยบวกจากการที่กระทรวงการคลังอนุญาตให้ผู้ประกอบการ Pico Finance สามารถให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้ เป็นการเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจให้ KTC
หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL (ปิด 67.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 89.00 บาท)
ราคาหุ้น CPALL ปรับลงต่ำกว่าราคาแปลงสภาพของหุ้นกู้อนุพันธ์ ซึ่งมีอัตราการใช้สิทธิเท่ากับ เงินต้น 200,000 เหรียญสหรัฐ ต่อหุ้น CPALL 90,190 หุ้น หรือเทียบเท่าหุ้น CPALL ที่ราคาทุน 72.74 บาท ต่อหุ้น (กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน 32.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐ) แม้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ลดลงจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารของบริษัทย่อย MAKRO ที่เพิ่มขึ้น แต่พื้นฐานบริษัทในภาพรวมยังแข็งแกร่ง ผลประกอบการยังขยายตัวได้ดีในระดับที่สูงกว่าตลาด โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเร่งขยายสาขา เน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่และใช้โปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ราคาปรับลดลงจนมี upside น่าสนใจมากกว่า 30% ประกอบกับราคาลดลงต่ำกว่าราคาทุนจากการแปลงสภาพของหุ้นกู้อนุพันธ์ แนะนำให้ซื้อเก็งกำไรโดยมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 72-73 บาทต่อหุ้น)
ปัจจัยในประเทศ :
สภาผู้ส่งออกฯ ปรับประมาณการการเติบโตส่งออกปี 2561 ขึ้นเป็น 9% จากเดิม 8% หลังจากส่งออกเติบโตเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันในเดือน ก.ค. ขณะที่อุปสงค์ในตลาดหลักยังแข็งแกร่ง ทั้งการส่งออกไปญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง เช่น สงครามการค้าและค่าเงินบาทแข็งค่า (โพสต์ทูเดย์)
CBG(ปิด 52.00 บาท; ขาย; AWS TP 36.00 บาท) จาก Opportunity Day บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 15-20% จากต้นปีตั้งเป้าโต 25% เนื่องจากไตรมาส 1/61 ยอดขายอ่อนตัวลง ขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังอาจเติบโตได้ไม่มาก แต่คาดว่าบริษัทจะยังเติบโตได้ดีกว่าภาพรวมตลาด ใน 1H61 กลุ่ม CLMV เป็นกลุ่มเดียวที่เติบโตเฉลี่ยมากกว่า 50% และคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ส่วนในประเทศจีน บริษัททำยอดขายปี 2561 ได้ต่ำกว่าที่คาดว่าจะทำได้ 300 ล้านกระป๋องเนื่องจากปีก่อนบริษัทประเมินตลาดผิดคาด ปรับเป้าหมายใหม่ทำยอดขายได้กว่า 150-200 ล้านกระป๋อง ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายส่งออกไปยังประเทศอังกฤษและประเทศใกล้เคียงผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศอังกฤษปีนี้ 20 ล้านกระป๋อง ส่วนในอังกฤษคาดว่าจะทำยอดขายได้ราว 14 ล้านกระป๋อง ความเห็น: เราได้ปรับลดเป้าหมายการขายของ CBG ลงไปให้อยู่ระดับใกล้เคียงกับที่บริษัทตั้งเป้าหมายใหม่ ซึ่งต่างจากเป้าหมายเดิมค่อนข้างมาก และเรามองว่าการบุกเข้าตลาดใหญ่เช่น จีน และอังกฤษ มีความยากและต้องใช้เวลามากในการทำให้สินค้าติดตลาดได้ ซึ่งคาดว่า CBG น่าจะใช้เวลามากกว่า 2 ปีขึ้นไป ดังนั้นระยะสั้น เราแนะนำขาย เนื่องจากการปรับเป้าหมายใหม่กระทบกับกำไรในปี 2561-2562 อย่างมาก ทำให้ PER ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 50 เท่าซึ่งแพงเกินไป
CPALL (ปิด 67.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 89.00บาท) รับผลบวกคืน VAT เพื่อกระตุ้นแรงซื้อรากหญ้า รมว.คลัง เตรียมเสนอครม. สัปดาห์หน้า (11 ก.ย.61) เพื่ออนุมัติโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ หวังกระตุ้นกำลังซื้อ คาดเริ่ม พ.ย. 61 นี้ (ทันหุ้น) ความเห็น: มองเป็นบวกต่อ CPALL ไม่มากเพราะจำกัดเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ พื้นฐานในภาพรวมยังแข็งแกร่งจากการเร่งขยายสาขา เน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่และใช้โปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย แต่ราคาหุ้นปรับลดลงมาจนมี Upside น่าสนใจมากกว่า 30% เราเลือก CPALL เป็น Pick of the day สำหรับวันนี้
BGRIM (ปิด 26.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 33.00บาท) ลงนาม PPA โซลาร์ขนาด 420 MW ในเวียดนาม กำหนดขายไฟ 30 มิ.ย. 62 ระบุการย้ายโรงไฟฟ้า BGPR-1 และ BGPR-2 จากราชบุรีไปนิคมอ่างทอง มีลูกค้ารองรับอยู่แล้วจากกลุ่มสิงห์ร่วมมือดันขึ้นแท่นศูนย์กลางนิคมอาหาร (ทันหุ้น) ความเห็น: การขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าและการย้ายโรงไฟฟ้าเป็นตามแผนที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามบริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า SPP ที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับขึ้นในช่วง 2H61 ทำให้เราชอบผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอย่าง EA (ปิด 39.00 บาท; ซื้อ; AWS TP 46.50 บาท), BCPG (ปิด 18.20 บาท; ซื้อ; AWS TP 21.00บาท), SSP (ปิด 8.60 บาท; ซื้อ; AWS TP 10.70 บาท) มากกว่า
S (3.48 บาท; NR; NA)S ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท ไดวะ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น โดย CEO กล่าวเสริมว่า ไดวะ เฮ้าส์ มีประสบการณ์ในการสร้างบ้านและคอนโดมิเนียมระดับ high end ด้วยเทคนิคการก่อสร้างแบบ Precast ที่จะช่วยให้บริษัทสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงได้เป็นอย่างดี (Bangkok Post) ความเห็น: การร่วมมือกับ ไดวะ เฮ้าส์ จะช่วยให้ S ขยายการลงทุนในอนาคตเพื่อพัฒนาโครงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นโครงการ Mixed Used ทั้งนี้ S วางแผนจะใช้เงินจำนวน 8,000 ล้านบาท จากแผนเดิมที่ 6,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินโครงการใหม่จำนวนไม่ต่ำกว่า 4 แปลงในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปีหน้า
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 20.88 จุด หรือ +0.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 10.55 จุด หรือ -0.37% และดัชนี Nasdaq ลดลง 72.45 จุด หรือ -0.91% นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยรัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ทันที หากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดานั้น จะทราบผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการชิปคอมพิวเตอร์ รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเพิ่มมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย หลังจากผู้บริหารของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ได้ยอมรับต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐเกี่ยวกับการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ว่าบกพร่องในการดำเนินการที่ช้าเกินไปและไม่ทันท่วงที กลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง : ตลาดหุ้นจีนปิดตลาดอ่อนตัวลง 12.75 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 2,691.59 จุด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนโดยสหรัฐฯ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปรับตัวลดลง 269.03 จุด หรือ 0.99% ปิดวันนี้ที่ 26,974.82 จุด เนื่องจากนักลงทุนจีนเทขายหุ้น อันเนื่องมาจากมุมมองที่เป็นลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : น้ำมัน WTI ปิดลบ 95 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.77 ดอลลาร์/บาร์เรล เบรนท์ ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 76.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นมากกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกอาจถดถอยลง อันเนื่องมาจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลาดใหม่
U.S. Dollar Index : อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 95.0 จุด จากความวิตกกังวลเรื่องสงครามการค้า ส่งผลให้ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อย
Thailand Research Department
Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO13511