- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 07 September 2018 22:00
- Hits: 2868
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Domestic Play //Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Down ในช่วงเช้าตามคาดจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงเป็นลบ อย่างไรก็ตามเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาและทำให้ดัชนีพลิกมาปิดบวกได้ 7.57 จุด ณ สิ้นวันซึ่งถือว่าแข็งแกร่งกว่าภูมิภาค แรงขายส่วนใหญ่ยังคงมาจากทั้งสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติราว 1.4 พันลบ. และ 2.5 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short ใน Index Futures 1.8 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่ายังอยู่ในช่วงแกว่งตัว Sideways สร้างฐานและกรอบการบวกคาดว่ายังจำกัด เนื่องจากยังต้องติดตามประเด็นการค้าทั้งการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา รวมถึงแผนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญ ขณะที่ล่าสุดทรัมป์แสดงท่าทีว่าจะดำเนินการด้านการค้ากับญี่ปุ่นจะเป็นลำดับถัดไปซึ่งสร้างความกังวลแก่ตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังปรับลงซึ่งกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน เรายังคงมุมมองเดิมที่คาดว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play น่าจะยังปลอดภัยและเคลื่อนไหวได้แข็งกว่าตลาด
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$409 เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$268ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$78ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวันประเทศเดียว US$20ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดชะลอการลงทุนเพื่อติดตามการประชุมทางการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา รวมถึงมาตรการทางการค้าของสหรัฐต่อจีนด้วย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PRM <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
คาดกำไรสุทธิ 2H18 +170% Y-Y อยู่ที่ 660 ลบ. และทั้งปีนี้น่าจะจบได้ 1,000 ลบ. +39% Y-Y จากการแก้ไขธุรกิจที่เคยถ่วงกำไร และการรวมธุรกิจกับ Big Sea ซึ่ง QTD ทำได้ดีกว่าที่ PRM ตั้งเป้าไว้เป็นเท่าตัว
ระยะยาวจะได้ประโยชน์จากการกลับมาลงทุนของกลุ่มพลังงาน ทำให้มีความต้องการใช้เรือเก็บน้ำมันและเรือขนส่งน้ำมัน+ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก
PE2018-19 เพียง 15-20 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 33 เท่า และ ROE สูง 19% มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ทำได้เพียง 7%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯไม่มีทิศทาง วานนี้ดอลล่าร์สหรัฐฯถูกกดดันในช่วงแรก หลังจาก ADP เผยยอดจ้างงานภาคเอกชน ส.ค. 18 เพิ่มขึ้นเพียง 163,000 คน 213,000 คน ใน ก.ค. 18 และต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 190,000 คน แต่ดอลล่าร์ฯมาได้แรงหนุนจากยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ต่ำสุดในรอบ 49 ปี ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากกว่า โดยประเด็นสงครามการค้าทำให้การจ้างงานชะลอเล็กน้อย แต่สุดท้ายถูกคาดว่าจะกลับมาเร่งตัวขึ้นตามธุรกรรมในสหรัฐฯที่มากขึ้น ค่ำนี้จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ตลาดคาด 190,000-200,000 คน หากออกมามากกว่าคาดจะหนุน Dollar Index ขึ้นต่อ กดดันเงินบาท และกระตุ้นให้ต่างชาติขายหุ้นอีกระลอก
(+) DIF ราคาที่ปรับตัวลงมาเมื่อวานนี้เนื่องจากความกังวลที่ต่อเนื่องมาจากคดีความของ TRUE เรามองว่าทำให้ DIF มีความน่าสนใจสำหรับพอร์ตปันผล โดยที่ราคาปิด 14.90 บ. เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับ NAV ที่ 14.9814 (ณ ก.ค. 2018) จะได้ yield ราวๆ 6.4% บนคาดการณ์การจ่ายปันผลไตรมาสละประมาณ 0.24 บาท/หุ้น ในส่วนของคดีความของ TRUE เชื่อว่าใช้เวลาเป็นปี และระหว่างนั้น DIF ยังคงสามารถจ่ายเงินปันผลเป็นปกติ
(0) CBG ประชุม Opp Day วานนี้ ผู้บริหารมองบวกกับการทำตลาดในไทยและต่างประเทศช่วง 2H18 แต่เรามองว่าไม่ง่าย เพราะตลาดในประเทศยังแข่งขันแรง และต่างประเทศนอกเหนือจาก CLMV ที่โตดีอยู่แล้ว ที่จีนเพิ่งมีการปรับลดเป้าการขายลง ส่วนอังกฤษ คาดว่าค่าใช้จ่ายในการทำตลาดจะยิ่งสูงขึ้น จากกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มชูกำลังให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ราคาหุ้นที่ฟื้นอาจเป็นเพราะตลาดมองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยเราคาดกำไร 2H18 ราว 650-700 ลบ. มากกว่า 1H18 ที่ทำได้ 391 ลบ. แต่ในเชิงของ Valuation ยังไม่ถูก PE ปีนี้ 43 เท่า ปีหน้า 29 เท่า ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 23 เท่า จึงยังไม่แนะนำให้ซื้อ
(0) MC ผู้บริหารปรับลดเป้ารายได้ปี 2019 (ก.ค. 18-มิ.ย. 19) ลงเหลือเติบโต 5% Y-Y โดยคาด SSSG Flat Y-Y เพราะมองการบริโภคในต่างจังหวัดยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้การเติบโตในปี 2019 เราคาดว่าจะมาจากการขยายตัวของ Margin เท่านั้นและคาดว่าจะไม่มากเพราะ จะเกิดจากควบคุมต้นทุนโดยยังค งไม่ทำโปรโมชั่นมากลักษณะเช่นเดียวกับช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิปี 2019 ที่ระดับราว 700 ลบ. +10% Y-Y และประเมินราคาเหมาะสมเบื้องต้นราว 13.50 (อิง Target PE ราว 15 เท่า) ซึ่งทำให้ Upside ยังจำกัด จึงแนะนำเพียงถือ และรับปันผลต่อปีราว 5.5%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ก.ย.- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (ส.ค.)
- ยูโรโซน: 2Q18 GDP (ครั้งที่ 3)
8 ก.ย.- จีน: ดุลการค้า (ส.ค.)
10 ก.ย.- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
19 ก.ย.- ไทย: ประชุม กนง.
25 ก.ย.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
(-) ภาพรวมตลาดสหรัฐปรับลดลง จากแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค จากความกังวลเรื่องความต้องการใช้ที่ชะลอตัวลงจาก Trade War
(-) ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลงจาก Sentiment ในเชิงลบจากสหรัฐ รวมไปถึงค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นเพิ่มความกังวลให้กับผลกำไรของบริษัทข้ามชาติ
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง จากข่าวที่สหรัฐมีแนวคิดที่จะเก็บภาษีประเทศที่ได้ดุลการค้าจากตัวเองเพิ่มเติม เช่น ญี่ปุ่น ทำให้ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับตลาด
(0) ค่าเงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.95 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.77 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขสต็อคน้ำมันเบนซินของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดและความกังวลเรื่อง Demand ที่อาจลดลงในอนาคต
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลงแรง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 3.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1197.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มอ่อนค่าลง
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO13505