- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 04 September 2018 23:03
- Hits: 4623
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“อ่อนตัวเป็นจังหวะเลือกซื้อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปิด -0.37 จุดที่ 1721.21 จุด แม้ช่วงเช้าดัชนีปรับขึ้นดี แต่หลังจากอัตราเงินเฟ้อส.ค.61 ออกมาสูงกว่าคาด ดัชนีก็เริ่มปรับลง มูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 36.7 พันล้านบาท ส่วนปัจจัยลบภายนอกที่กดดันคือแคนาดากับสหรัฐเจรจาการค้ากันไม่สำเร็จ แต่จะเจรจารอบใหม่ 5 ก.ย.นี้ สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ กลุ่มซื้อสุทธิคือ รายย่อย 0.8 พันล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ 0.7 พันล้านบาท และสถาบัน 0.4 พันล้านบาท สำหรับผู้ขายสุทธิรายเดียวคือ ต่างประเทศ 1.9 พันล้านบาท
แนวโน้มและกลยุทธ์– เรามองว่าเดือนก.ย.61 ตลาดหุ้นจะยังผันผวน โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอก เช่น เรื่องสงครามการค้า ปัญหาเศรษฐกิจของบางประเทศ (เวเนซูเอลา, อาร์เจนตินา, ตุรกี, อิตาลี ฯลฯ) การประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือน (25-26 ก.ย.61) ซึ่งประเมินกันว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ 0.25% ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งขึ้นจากประเด็นนี้ ส่งผลให้เงินบาทจะอ่อนลงและทำให้ตลาดกลับมาสนใจหุ้นกลุ่มส่งออกรอบใหม่ หุ้นเด่นของเราเป็น KCE, HANA ส่วนปัจจัยในประเทศ เรามองว่าเมื่อใกล้ปิดปีงบประมาณและก่อนเลือกตั้ง การลงทุนในโครงการภาครัฐน่าจะคึกคักขึ้น ซึ่งเป็น Sentiment บวกกับกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง หุ้นเด่นเป็น STEC, SCC, TMT นอกจากนั้นเรามองว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวก็น่าสะสม เพราะใกล้จะเข้า High Season ของการท่องเที่ยวใน 4Q แล้ว หุ้น Top pick เป็น AOT ซึ่งคาดว่าช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวจะมีการใช้สนามบินมากขึ้นและใน 4Q61 จะมีประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีที่สุวรรณภูมิด้วย
หุ้นพื้นฐานแนะนำ – TISCO แนะนำสะสมเพื่อรับปันผลสูง ทั้งนี้ธนาคารจ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง ขณะที่หลายธนาคารจ่ายปันผล 2 ครั้ง ดังนั้นการซื้อลงทุนหุ้นในช่วงนี้จะได้เงินปันผลสำหรับผลประกอบการทั้งปี 61 ซึ่งคาดไว้ที่ 5 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield ที่สูงถึง 6% ส่วนธุรกิจธนาคารในปีนี้สินเชื่อจะเติบโตจำกัด ยกเว้นสินเชื่อจำนำที่ขยายตัวดี แต่การตั้งสำรองฯที่ลดลงทำให้กำไรสุทธิขยายตัวได้ NPL Ratio ทรงตัวที่ 2.7% .ทาง DBSVTH ให้ราคาพื้นฐาน 97 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบัน 83.50 บาทอยู่ 16%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก โดย SET มีแนวต้าน 1725-1730 หรือ 1740 ต่ำกว่า 1710 ควรลดพอร์ตาม เพราะมีสิทธิลงไปต่ำกว่า 1700 ได้ หุ้นเทคนิคเด่นที่แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวกวันนี้เป็น 1) TOP ให้แนวต้าน 87-88,89 Stop Loss ถ้าหลุด 84 และ 2) AUCT ให้แนวต้าน 6.80, 7.0 Stop Loss ถ้าหลุด 6.30
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
• ตลาดหุ้นสหรัฐ & โภคภัณฑ์ปิดทำการเมื่อ 3 ก.ย.61
# ตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันแรงงานสหรัฐ
• ราคาน้ำมันดิบ BRENT ทรงตัวสูงในช่วงสั้น
# ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบก.ย.อยู่ที่ 78.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ทรงตัวในระดับสูง หลังจากปรับขึ้นมาจาก 70-71 ดอลลาร์/บาร์เรลในกลางเดือนส.ค.61 เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจของเวเนซูเอลาทำให้ผลิตและส่งออกน้ำมันน้อยลงรวมทั้งอิหร่านที่โอนคว่ำบาตรจากสหรัฐก็ส่งออกน้ำมันลดลงด้วยเช่นกัน
เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวสูงได้ใน 3Q61 ถึงแม้ว่าสหรัฐจะผลิตเพิ่มขึ้น แต่การผลิตและส่งออกที่น้อยลงของเวเนซูเอลาและอิหร่านทำให้อุปทานไม่ได้สูงขึ้นเท่าใดนัก อย่างไรก็ดี ระยะทางของการปรับขึ้นอาจจะไม่มาก
• จับตาการประชุมสหรัฐ vs แคนาดา เรื่อง NAFTA วันพุธ 5 ก.ย.นี้
# สหรัฐและแคนาดานัดเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) อีกรอบในวันที่ 5 ก.ย.นี้ หลังจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดมีความหวังว่าการเจรจารอบใหม่นี้จะมีความคืบหน้าบ้าง
- ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนรอบใหม่ 2 แสนล้านดอลลาร์วันพฤหัส 6 ก.ย.นี้
# แหล่งข่าวระบุว่าปธน.ทรัมป์กล่าวกับคนสนิทของเขาว่า เขาจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.ย.นี้
# ก่อนหน้านี้เมื่อ 23 ส.ค.61 สหรัฐและจีนได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้าน ดอลลาร์ไปแล้ว
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
-/• อัตราเงินเฟ้อ ส.ค.61 เร่งตัวขึ้น สูงกว่าที่ตลาดคาด
# กระทรวงพาณิชย์ เผย CPI เดือน ส.ค.61 ขยายตัว 1.62% จากตลาดคาด 1.51-1.59% พาณิชย์ ส่วน CORE CPI ส.ค.61 ขยายตัว 0.75% และ CORE CPI 8 เดือน ขยายตัวเฉลี่ย 0.71%
# ผลกระทบ: อัตราเงินเฟ้อที่สูงจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร่งตัวขึ้น ขณะที่กนง.ไทย แม้ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในที่สุด โดยมีส่วนหนึ่งที่ต่างประเทศเป็นแรงกดดัน เพียงแต่ธปท.เองได้ชี้แนวทางว่าจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วหรือไม่ก็ขึ้นกับสถานะสภาพคล่อง NPL และปัจจัยอื่นๆ ของแต่ละธนาคาร ปกติอัตราดอกเบี้ยขึ้นจะไม่ดีกับตลาดหุ้น แต่ขึ้นกับอัตราการปรับขึ้นและความเร็วในการปรับขึ้น แต่หากเศรษฐกิจดีจะมีผลกระทบน้อยลง
-ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ส.ค.61 ปรับลงเล็กน้อยจาก ก.ค.61
# ธปท.เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนส.ค.61 ปรับลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากระดับ 52.0 มาอยู่ที่ระดับ 51.4 จากดัชนีองค์ประกอบด้านการลงทุนและการจ้างงานที่ลดลงเป็นสำคัญ
-/+ การลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว ควรระมัดระวังอัตราผลตอบแทน bond yield 10 ปี
# ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) แนะนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวทั้ง สินทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ อาจต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงความเป็นไปได้ที่ทั้งผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) 10 ปี ของสหรัฐฯและของไทยจะพุ่งสูงขึ้น แม้ตอนนี้จะยังทรงตัวในระดับต่ำก็ตาม โดยนักลงทุนอาจจะเริ่มมองหากลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ที่จะช่วยลดผลกระทบจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นบนผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน
# ผลกระทบ: หากผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) 10 ปี ของสหรัฐฯและของไทยจะพุ่งสูงขึ้น จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อตลาดหุ้นได้เช่นกันในเรื่องเงินไหลออก เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าลง กรณีที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องทั้งช่วงที่เหลือของปีนี้ และปีหน้า ก็ทำให้เกิดแนวโน้มผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) 10 ปี สูงขึ้นยกเว้นแต่ว่าการปรับขึ้นเป็นไปตามคาดการณ์ และเศรษฐกิจไทยยังฝ่าแรงเสียดทานจากต่างประเทศได้สามารถเติบโตได้แข็งแกร่ง SET ก็จะไปต่อได้
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO13348