- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 September 2018 23:35
- Hits: 6530
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> AMATA, COM7, MINT
Stock S R Comment
AMATA 21.10 21.85 กำไรส่วนแบ่งโต จากโรงไฟฟ้าเริ่ม COD ที่ระยอง
COM7 18.80 19.40 สินค้า Apple รุ่นใหม่หนุนยอดขาย 2H61 แกร่ง
MINT 39.00 40.10 เข้า High Season ท่องเที่ยวโปรตุเกส หนุน RevPar โต Double Digits
September market outlook
September : สำหรับภาพการลงทุนในเดือนกันยายน ประเมินว่า SET Index จะปรับตัว Sideways ถึง Sideways up โดยมองกรอบแนวรับที่ 1700 จุดและ 1670 จุดตามลำดับ ส่วนกรอบแนวต้านประเมินที่ 1740 จุดและ 1770 จุดตามลำดับ แนะนำลงซื้อ-ขึ้นขายตามกรอบแนวรับ-แนวต้าน โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามดังนี้
ปัจจัยผลักดัน :
1) หลังจากผ่านพ้นสิ้นเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นวัน Effective ของการทบทวนดัชนีรอบใหม่ของ MSCI คาดแรงกดดันจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติจะเริ่มลดลง
2) การจัดงาน Thailand Focus ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอาจนำมาสู่ Sentiment การลงทุนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้จากการศึกษาของเรานับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา พบว่าในช่วงเวลา 1 เดือนหลังจากงานดังกล่าวสิ้นสุดลง SET Index มักปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยราว 3% และนักลงทุนต่างชาติมักซื้อสุทธิหุ้นไทยเฉลี่ยราว 1 หมื่นล้านบาท
3) การออกมาตรการเก็บภาษี 15% บนรายได้ดอกเบี้ยของกองทุนตราสารหนี้ อาจนำมาสู่การไหลเข้าของเม็ดเงินในตลาดหุ้นบางส่วน มองกลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์สำคัญได้แก่กลุ่มหุ้น Income stock ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่จ่ายผลตอบแทนเงินปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนของราคาในระดับต่ำ ทั้ง Infrastructure Fund / Property fund / REIT รวมไปถึงหุ้นสามัญอื่นๆที่มีคุณลักษณะดังกล่าว
4) มุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยโดยเปรียบเทียบจากเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ความผันผวนใดๆในต่างประเทศ นักลงทุนกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะนำเงินมาพักในตลาดทุนไทยเช่นกัน ทั้งนี้ ในรอบ 1 เดือนล่าสุด พบว่านักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยไปกว่า 7 หมื่นล้านบาทแล้ว ส่งผลให้เงินบาทเป็นสกุลเงินประเทศเกิดใหม่ที่ปรับตัวแข็งค่ามากที่สุด
ปัจจัยเสี่ยง :
1) มาตรการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศอื่นๆโดยเฉพาะจีน ซึ่งในวันที่ 6 กันยายนนี้จะเป็นการสิ้นสุดของช่วงเวลา Public hearing แล้ว หากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ยังคงเดินหน้าที่จะเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากจีนซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านเหรียญฯ อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดทุนทั่วโลกได้
2) จากประเด็นสงครามการค้าที่ยืดเยื้อนี้ จึงทำให้ล่าสุดผู้ประกอบการทั่วโลกเริ่มชะลอการผลิตลง สะท้อนจากดัชนี Global PMI ที่ ณ ขณะนี้อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี โดยจากการศึกษาของเราพบว่า ดัชนี Global PMI นี้มักเป็นดัชนีชี้นำ Performance ของดัชนี MSCI EM ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าเช่นกัน
3) ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดเกิดใหม่ (EM) ที่นำโดยตุรกีและอาร์เจนติน่า ซึ่งหากปะทุขึ้นมาอีกครั้ง อาจส่งผลกดดันเชิง Sentiment ต่อตลาดหุ้น EM ได้ แนะนำติดตามเครื่องชี้ความเสี่ยงต่างๆ อาทิเช่น ค่าเงิน Bond yield และ CDS Spread ซึ่งล่าสุดยังคงอยู่ในระดับสูง
4) ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ถูกปรับลดลง ภายหลังจากที่บจ.รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/61 เสร็จสิ้น ส่งผลให้ SET Index ขาดปัจจัยสนับสนุนในเชิงของ Fundamental และทำให้การปรับตัวขึ้นของดัชนี จะมาพร้อมกับ PE ที่สูงขึ้น
Preferred stocks : หาก SET Index มีการย่อตัวลงมาที่แนวรับของเรา มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจกับการเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนแต่ละประเภท ได้แก่
1) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการ EEC ได้แก่ AMATA, WHA ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์เชิง Sentiment จากการจัดงาน Thailand Focus ที่ผ่านมา
2) สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ต้องการผลตอบแทนด้าน Capital gain แนะนำหุ้นที่ถูกลดน้ำหนักจาก MSCI ในรอบล่าสุด ซึ่งเราคาดว่าปัจจัย Overhang ดังกล่าวจะหมดลงในระยะสั้น ได้แก่ CPALL, PTT รวมถึงหุ้นพื้นฐานดีในดัชนี SETHD ที่ยังคง Laggard ตลาดอยู่ เช่น BBL, CPF, TISCO
3) สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเงินปันผล แนะนำหุ้น Income Stock ที่มีลักษณะคล้าย Bond กล่าวคือปีการจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนของราคาต่ำ เช่น ASP, INTUCH, RATCH
แนวรับ 1,710 แนวต้าน 1,728
Today's Event :
BCPG XD 0.16 บาท
CCET XD 0.06 บาท
THREL XD 0.20 บาท
IVL ลูกหุ้นเข้า 30,579,912 หุ้น
MACO ลูกหุ้นเข้า 687,771,407 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO13274