CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideway” ต้าน 1729/1735จุด รับ 1714/1709จุด สหรัฐฯ-แคนาดา ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ได้ สะท้อนประเด็นการค้ายังคงไม่แน่นอน จึงต้องจับตาการเจรจาครั้งถัดไป 5 ส.คนี้ ขณะที่ทางฝั่งเอเชีย ตัวเลข Manufacturing PMI ของจีน เติบโตสู่ 51.3 จุด สวนทางกับคาดการณ์ที่คาดกว่าจะลดลงจากเดือนก่อน เพิ่มจิตวิทยาบวกต่อการลงทุนในเอเชีย คาดหนุนทิศทาง Fund Flows ไหลเข้าเอเชียต่อเนื่อง ช่วยพยุงแรงกดดันจากประเด็นการค้าได้ วันนี้แนะนำ  Theme “Selective Play” : TOA, AMATA, BH

 

 

(*) Trade: สหรัฐฯ-แคนาดา ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ได้ สะท้อนประเด็นการค้ายังคงไม่แน่นอน จึงต้องจับตาการเจรจาครั้งถัดไป 5 ส.ค.นี้

(+) CH: ตัวเลข Manufacturing PMI ของจีน เติบโตสู่ 51.3 จุด มากกว่าคาดที่ 51.0 จุด

(+) Asia: ต่างชาติซื้อสุทธิในเอเชีย 8 ใน 9 วันทำการ รวมกว่า 2,988 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

(*) TH: รายงานอัตราเงินเฟ้อของไทย Consensus คาดที่ 1.51% โตจากเดือนก่อนที่ 1.49%

(*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-680ลบ, Short Future-1,243สัญญา,ซื้อBond+639ลบ

(-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -0.64% สู่ $69.80/bbl / BRT -0.45% สู่ $77.42/bbl

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Sideway” ต้าน 1729/1735จุด รับ 1714/1709จุด ตัวแทนเจรจาการค้าของแคนาดาได้ออกมายอมรับว่า ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่กับสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ยังคงปฏิเสธที่จะผ่อนปรนเงื่อนไขของสหรัฐ แม้ว่าทางแคนาดาเสนอที่จะประนีประนอม ทำให้ประเด็นการค้ายังคงไม่แน่นอน จึงต้องจับตาการเจรจาครั้งถัดไปในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ขณะที่ทางฝั่งเอเชีย ตัวเลข Manufacturing PMI ของจีน เติบโตสู่ 51.3 จุด สวนทางกับคาดการณ์ที่คาดกว่าจะลดลงจากเดือนก่อน เพิ่มจิตวิทยาบวกต่อการลงทุนในเอเชีย คาดหนุนทิศทาง Fund Flows ไหลเข้าเอเชียเด่นต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิทั้งสัปดาห์รวม 2,340 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดช่วยพยุงแรงกดดันจากประเด็นการค้าได้ ส่วนปัจจัยที่น่าติดตามวันนี้ คือ การรายงานอัตราเงินเฟ้อของไทย Consensus คาดที่ 1.51% เติบโตต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 1.46%

 

Asset allocation : หุ้น 75% และเงินสด 7.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, CPALL, ROBINS CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD, ERW, BH, AOT, ERW และ Global Play (PTT, IVL) วันนี้เน้น “Theme “Selective Play”

 

Thailand Focus Highlight D1 : EEC SEC BIMSTEC Connect One Belt Road(AMATA, STEC, AOT, ERW) และ Hub ท่องเที่ยวและสุขภาพ(BH,MINT)

ราคาน้ำมันแกว่งขึ้นต่อเนื่อง 77.14เหรียญฯ หนุน PTT, PTTGC, IRPC, PTTEP เด่น

Thailand Future Fund ยื่น Filing สัปดาห์นี้ บวก : STEC, CK, AMATA

Global Health Care(ดัชนีชี้นำหุ้นกลุ่มการแพทย์โลก) ทรงตัว ใกล้จุดสูง หนุน BH, BDMS / วันนี้ นักลงทุนจีน 400ราย ลงพื้นที่ EEC หนุน  AMATA, WHA

วงจรดอกเบี้ยขาขึ้น น่าจะเริ่มปลายปีนี้ หลัง BOT ส่งสัญญาณ บวกต่อกลุ่ม BANK แนะนำ BBL, KBANK เด่น และ Laggard  TMB(แจ้งตลาดไม่มีเงินลงทุนในตุรกี)

TOR Duty Free จะออกมาต้น กย 2018 หนุน AOT

ICT : การลงทุน 4G ผ่านไปแล้ว อุตสาหกรรมแข็งขันเบาลง หนุน  ADVANC, TRUE

กลุ่มรพ + โรงแรม เริ่มได้ประโยชน์จากช่วง Seasonal แนะนำ AOT, ERW, BH

Portfolio Top Picks AUG 2018 แนะนำ AMATA, AOT, BBL, BH, CPALL, STEC, AMANAH

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

1. Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2. Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3.  Property : GOLD, SC

4. Tourism & Transport : ERW, BTS

5. Global Play : IVL, PTL

6.  ICT : ADVANC

Earnings Outlook: ภาพการเติบโต 2H18F ผลักดันจากการปรับราคาในประเทศราว 5% และต้นทุนวัตถุดิบใกล้ถึงจุดพีค และง่ายต่อการบริหารจัดการมากขึ้น และคาดต้นทุนจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 2019-20F จาก New supply จากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยฯ บวกกับ มีแผนเพิ่ม Capacity ขึ้นอีก 16% หนุนภาพระยะกลาง กำไร 3 ปีหน้ายังเป็นช่วงเติบโต คาดเพิ่มม CAGR 16%

Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมอีกครั้ง หลัง Consensus ปรับลดประมาณการแล้ว  ขณะที่ แนวโน้มกำไรยังคาดหวังการเติบโตได้

Catalyst: เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” หลังเห็นสัญญาณต้นทุน (Titanium dioxide หรือ Tio2) จะเริ่มปรับลง 2019F + ราคาหุ้นผู้ผลิต Tio2  YTD underperform มาก +  รอบลงทุนรอบใหญ่จะกระตุ้นกิจกรรมก่อสร้างกลับมา

AMATA (TP19F 23*):  Support 21.0/20.4 Resistant 22.0/22.4

 

Earnings Outlook: พรบ. EEC ที่มีผลแล้ว จะเริ่มขับเคลื่อนปริมาณขายที่ดิน พร้อมๆกับ Recurring income คาดผลประกอบการ 2H18F ฟื้นตัว h-h จากรายได้การขายที่ดินเพิ่มขึ้น และคาดกำไร 2019 +34% 

Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมา อยู่ในจุดที่มี Valuation ไม่สูง ซื้อขาย PER 19F 12.7x และ PBV19F 1.29x (mean-0.5SD) มองเป็นจุดเริ่มทยอยสะสมรอบใหม่ได้ และคาดหุ้นจะกลับมาน่าสนใจเต็มที่อีกครั้งใน 2H19F

Catalyst: ไทย-จีน ลงนาม MOU 17 ฉบับ หนุนการลงทุน EEC + หากสงครามการค้ายืดเยื้อจะเอื้อต่อโอกาสย้ายฐานผลิตจากจีนมาไทย (คล้ายๆที่เกิดกับ กรณี Tender หุ้น DELTA) + ประมาณการปี 18F-19F มี Upside จากยอด Presales ทุกๆ 100 ไร่ที่เพิ่มขึ้นจะหนุนกำไรปกติ เพิ่ม 3% และ 2% ตามลำดับ ส่งผลต่อTP19F เพิ่ม 2%

BH (TP19F 235*):  Support 180/178 Resistant 183.5/186

 

Earnings Outlook: ชื่อเสียงของรพ.ที่จะดึงดูดทั้งผู้ป่วยและแพทย์มือดี ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่รักษาความสามารถในการแข่งขันระยะยาว และยังมีราคาถูกกว่าการรักษาในต่างประเทศ แนวโน้ม 3Q18F เราคาดว่ากำไรกลับมาเติบโต y-y และ q-q เป็นไตรมาสดีสุดของปี  ส่วนระยะยาวคาดกำไร +10%CAGR 19-20F จากรายได้เติบโตต่อเนื่องตามการใช้บริการ และผลของค่ารักษาโรครุนแรงสูงขึ้น

Valuation: แม้การเติบโตปีนี้จะอ่อนแอกว่ากลุ่ม แต่ราคาหุ้นถือว่าตอบรับไปมากแล้ว Laggard กลุ่มมาก โดย YTD กลุ่ม +12.0% vs BH -4.0% มองเป็นจุดทยอยซื้อที่ดีอีกครั้ง และมี Valuation Discount มี PER19F อยู่ที่ 29x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 32x upside เปิดกว้าง 29% ในขณะที่พื้นฐานแข็งแกร่ง เป็นรพ.พรีเมียร์ที่เน้นรักษาโรครุนแรง  มี GPM, EBITDA margin สูงสุดในกลุ่ม รพ.

Catalyst: เป็นหนึ่งในหุ้นที่มางาน Thailand Focus ซึ่งคาดได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น+ Global Healthcare Indexทดสอบจุดสูงสุด + เข้าสู่ช่วงฤดูฝนเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มร.พ. + คาด 3Q18F เป็นไตรมาสดีสุดของปี

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)