- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 August 2018 20:53
- Hits: 9507
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ทบทวน GDP 2Q สูงขึ้น-มองบวกเจรจาการค้าแคนาดา”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับตัวขึ้น 4.11 จุด ที่ระดับ 1722.26 จุด มีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงท้ายตลาด จากยอดสูงสุด-ต่ำสุดของวันที่ 1714.14-1723.03 จุด และถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 38 พันล้านบาท ตลาดรอปัจจัยใหม่ๆ ท่ามกลางปัจจัยต่างประเทศที่ผันผวนเปลี่ยนเป็นรายวันโดยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย และดอลลาร์กลับมาแข็งค่า บาททยอยอ่อนค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี กลับมาเพิ่มขึ้น เข้าลักษณะเงินไหลออก ส่วนงานไทยแลนด์โฟกัสวันนี้มีเป็นวันแรก หลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นดีคือ PTTGC, IRPC และ AMATA ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 0.9 พันล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ 0.7 พันล้านบาท สำหรับผู้ขายสุทธิคือ ต่างประเทศ 1.1 พันล้านบาท นักลงทุนทั่วไป 0.5 พันล้านบาท
แนวโน้มและกลยุทธ์– ระยะสั้น SET ได้รับผลดีจากปัจจัยต่างประเทศ กลับมาดีขึ้น ทั้งการทบทวนตัวเลข GDP ไตรมาสสองสหรัฐสูงขึ้น และมองเจรจาการค้าสหรัฐ-แคนาดาออกมาดี โดยมีเส้นตายพรุ่งนี้ ดาวโจนส์และน้ำมันปรับขึ้น ดอลลาร์อ่อน บาทแข็งค่าเล็กน้อย ดัชนีความกลัว (VIX) อ่อน ยกเว้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งงานไทยแลนด์โฟกัส เข้าสู่วันที่สอง ด้านแรงค้ำจุนคือ สถาบันซื้อสุทธิต่อเนื่อง จะมีการปลดล็อคบทบาทพรรคการเมืองไทย ใช้มาตรา 44 ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับขึ้นแคบๆ ดาวโจนส์ล่วงหน้า -1 จุด (8.07 น.) น้ำมันเช้านี้ปรับขึ้น ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีสลับออกมา ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ สงครามการค้า จีน-สหรัฐ ที่ยังไม่คืบหน้า เพราะทรัมป์อาจยังต้องการป้องกันการขาดดุลการค้าต่อไป รวมทั้งทรัมป์จะถูกพาดพิงด้านการเมืองหรือไม่ หลังคนใกล้ชิดมีความผิด การที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน ปัญหาตุรกี ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่ปัจจัยภายในที่ดีคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่กังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ แต่ก็อาจส่งออกได้มากขึ้นด้วย กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) หรือหุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยงระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1725-1740 จุด
Update หุ้นเด่น : PTTGC – แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 113 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 1.7 เท่า (+2SD) ทั้งนี้ PTTGC จะได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นในช่วงน้ำมันขาขึ้นเพราะต้นทุนเป็นก๊าซ ซึ่งราคาปรับขึ้นช้ากว่าแนฟทา ได้มีการซื้อหุ้น SMPC และ TPRC จาก SCC โดย PTTGC ลงนามในสัญญาเข้าซื้อ Siam Mitsui PTA 50% (ทำธุรกิจ PTA กำลังการผลิต 1.44 ล้านตัน/ปี) และ Thai PET Resin 20% (ทำธุรกิจ PET กำลังการผลิต 1.33 แสนตัน/ปี) เมื่อ 8 ส.ค.61 ราคาซื้ออยู่ที่ประมาณ 125 ดอลลาร์สหรัฐ (4.1 พันล้านบาท) แม้บริษัทมีปิดซ่อมบำรุงโรงโอเลฟินส์ 1 โรงงานใน 3Q61 แต่บริษัทจะเร่งผลิตในส่วนอื่นเพื่อไม่ให้กระทบกับปริมาณผลิตและยอดขายโดยรวม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ UNIQ,CKP,PTTGC,JKN,WHAUP หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SCCC,BCPG,BTS,SEAFCO,PYLON หุ้นที่หลุด List ไม่มี หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ AMATA,RS,ERW,PLANB
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์บวก สอดรับความคาดหวังเจรจาการค้าสหรัฐ-แคนาดาออกมาดี
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,124.57 จุด เพิ่มขึ้น 60.55 จุด หรือ +0.23% ขณะที่ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,914.04 จุด เพิ่มขึ้น 16.52 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,109.69 จุด เพิ่มขึ้น 79.65 จุด หรือ +0.99%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมุมมองด้านบวกที่นักลงทุนมีต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา นอกจากนี้ การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 ของสหรัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดเช่นกัน
+ ตลาดน้ำมัน : น้ำมัน WTI ปรับขึ้น สต็อกต่ำกว่าคาด
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 77.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า การส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลง เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ
• ทองคำ : ปรับลง ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตัวเลข GDP ดีขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,211.5 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
+/• การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา คาดว่าจะออกมาดี
# มีมุมมองบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดาได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐเกี่ยวกับการทำข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ หลังจากที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโกก่อนหน้านี้
# นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่แคนาดาและสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ก่อนเส้นตายวันศุกร์นี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้าหากข้อตกลงดังกล่าวให้ผลประโยชน์ที่ดีต่อแคนาดา
+ ประมาณการ GDP สหรัฐไตรมาส 2 ครั้งที่สองเพิ่มขึ้น
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 4.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.1% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0% โดยได้แรงหนุนจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการใช้จ่ายในด้านซอฟต์แวร์
+ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายลดลง
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 0.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีร่วงลง 2.3% ในเดือนก.ค.โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนปริมาณบ้านในตลาด,ราคาบ้านที่พุ่งสูง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ดีดตัวขึ้น
-มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคาร 20 แห่งตุรกี
# มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 20 แห่งของตุรกี โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถที่ถดถอยลงในการระดมทุน
• ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะเปิดเผยต่อไป
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
+ กระทรวงการคลัง ยื่นไฟลิ่งตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ 4.5 หมื่นลบ.แล้ว
# นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ มูลค่ากองทุนที่จะเสนอขายรอบแรกราว 4.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยราววันที่ 1 พ.ย.61 ขณะที่ประเมินผลตอบแทนเบื้องต้นน่าจะสูงกว่า 3% พร้อมระบุว่า ในระยะต่อไปจะมีการนำรายได้ของกรมทางหลวงในส่วนของมอเตอร์เวย์สาย 7 และสาย 9 ขายเข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุน TFF ต่อไปในช่วงต้นปี 62 (สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
# ผลกระทบ: อาจมีแนวคิดว่าจะเป็นการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ และกระทบกับตลาดหุ้นได้ แต่ทีมกลยุทธ์ฯ DBSVTH มองว่าเป็นตลาดคนละส่วน อีกทั้งเป็นเม็ดเงินที่ไม่มากนัก และเป็นการดีที่จะนำเงินที่ระดมได้ไปใช้ลงทุนกับงานก่อสร้างสาธารณูปโภค คือ ทางด่วนพิเศษสาย พระราม 3-ดาวคะนอง และทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ N2 เส้นถนนประเสริฐมนูกิจ จึงอาจเป็นเหตุที่มีการเก็งกำไร BEM ที่มีโอกาสจะได้บริหารโครงการเหล่านี้ในอนาคต และเป็นประโยชน์กับการเปิดประมูลงานก่อสร้างด้วย
+/• ยังอยู่ในช่วงงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติ
# ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ในวันที่ 29-31 ส.ค.นี้ ชูความโดดเด่นและความน่าสนใจ ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปัจจุบัน และการเติบโตในอนาคต พร้อมเชิญภาครัฐร่วมให้ข้อมูลแผนยุทธศาสตร์ชาติและความคืบหน้าของการปฏิรูปประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยมีผู้บริหารระดับสูงของ บจ. 115 ราย มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 13.65 ล้านล้านบาท คิดเป็น 78% ของมูลค่ารวมของตลาด (ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561) ร่วมให้ข้อมูล โอกาสการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกที่ตอบรับเข้าร่วมกว่า 150 ราย
# ทั้งนี้จะมีการนำเสนอข้อมูลชูจุดเด่นของประเทศไทยในด้าน Well-being economy อาทิ ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ด้านอาหาร รวมถึงยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 และข้อมูลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ Thailand Future Fund ที่จะระดมทุนในไตรมาส 3-4 ปีนี้
+ สศอ. เตรียมปรับเป้า MPI หลังตัวเลข ก.ค.61 ออกมาดีต่อเนื่อง
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือน ก.ค.61 อยู่ที่ 112.60 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.64% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 เนื่องจากการส่งออกของไทยในเดือน ก.ค.61 มีมูลค่า 20,424 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.3% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 โดยการส่งออกไปยังตลาดสำคัญขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น สหภาพยุโรป อินเดีย และอาเซียน ขณะที่ 7 เดือนแรกของปี 61 MPI ขยายตัว 4.0%
# สศอ.เตรียมปรับเป้า MPI หลัง 7 เดือนขยายตัวกว่า 4% บวกต่อเนื่อง 15 เดือน จับตาสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
+ กำลังพิจารณาใช้มาตรา 44 คลายล็อคพรรคการเมือง
# ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือถึงการเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยคาดว่าจะออกเป็นคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO13158