ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกทำจุดสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 จากแรงผลักดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรวมถึงจิตวิทยาเชิงบวกจากตัวเลขประมาณการ GDP ไตรมาส 2/61 ที่โตสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ที่ระดับ 4.2% (มากกว่าคาดที่ 4.0%) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลของตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดประกอบกับการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลงจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร

  สำหรับตลาดหุ้นไทย อาจมีแรงขายทำกำไรสลับในหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมามากหรือเริ่มเข้าใกล้เส้นแนวต้านระยะสั้น เรายังคงมองกรอบการปรับขึ้นจำกัด โดยการจะขึ้นต่อหรือสามารถยืนเหนือ 1740 อย่างมั่นคงได้คาดต้องอาศัยปัจจัยบวกใหม่เข้ามาเสริมภาพรวมการลงทุนในระยะกลาง-ยาว อาทิ การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งของ ธปท., โรดแมพการเลือกตั้งที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงการบรรลุข้อตกลงทางการค้าของสหรัฐ-จีน ทั้งนี้เราประเมินกรอบการแกว่งตัวของ SET Index ที่ระดับ 1700-1740 จุด โดยแนะเก็งกำไรรายตัวในกลุ่มหุ้นใหญ่ที่คาดได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากงานไทยแลนด์โฟกัส อาทิ PTT, PTEP, BANPU, IVL, BJC / หรือหุ้นที่ราคายังขึ้นน้อยเมื่อเทียบกับตลาด อาทิ WHA, AMATA, TKN*, TISCO, MC*

กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงรถไฟฟ้า คาดได้อานิสงค์จากการที่รฟม.เตรียมเสนอเปิดประมูลก่อสร้างและงานเดินรถไฟฟ้าส่ายสีส้มเหนือ-ใต้ วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท เป็นบวกต่อ CK และ BEM ขณะที่เป็นบวกต่อจิตวิทยา ขณะที่โครงการขนาดใหญ่อื่นๆ เป็นบวกต่อผู้รับเหมาที่เหลือ อาทิ STEC, PYLON, SEAFCO 

Investment Theme กลุ่ม domestic plays รับแผนการเลือกตั้งที่ชัดเจน BBL, SCB, ROBINS, BJC, PSH, AP, STEC / หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG / กลุ่มการแพทย์ที่เน้นลูกค้าในประเทศ CHG, BCH 

ภาพรวมกลยุทธ์: คาดเริ่มมีแรงทำกำไรสลับ กดดันตลาดแกว่งตัวในกรอบ 1710-1725 จุด // หุ้นแนะนำวันนี้ AEONTS*, CK / เก็งกำไร BEM* (เป้า 8.90 ตัดขาดทุน 8.3), MC* (เป้า 13.50 ตัดขาดทุน 12.20)

แนวรับ 1710 / แนวต้าน : 1725-1730 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

GDP ไตรมาส 2/61 สหรัฐฯ โต 4.2% สูงกว่าคาด – สหรัฐเผยตัวเลขประมาณการ GDP ครั้งที่ 2 (second estimate) ประจำไตรมาส 2/61 ขยายตัวที่ระดับ 4.2% สูงกว่าประมาณการครั้งแรก (first estimate) ที่ 4.1% และสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 4.0%

ธปท.ห่วงบาทแข็งเร็ว หลังเงินไหลเข้าบอนด์ระยะสั้น – ผู้ว่าแบงก์ชาติระบุว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นของไทยสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก รับไม่สบายใจและเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ไทยแลนด์โฟกัส – ตลท.ปลื้ม นักลงทุนต่างชาติแห่ร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส 161 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์รวม $2.1 ล้านล้าน มั่นใจพื้นฐานบริษัทไทยแกร่ง กำไรโตเฉลี่ย 13%

ธปท.เผยไม่รีบขึ้นเดอกเบี้ยเหมือนประเทศอื่น – ธปท.รับดอกเบี้ยต่ำนานมีความเสี่ยง แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนประเทศอื่นเหตุจากเศรษฐกิจไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง ทุนสำรองสูง เกินดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 10% 

 

ประเด็นติดตาม: 29-31 ส.ค. งานไทยแลนด์โฟกัส / 31 ส.ค. – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย, PMI จีน เดือน ส.ค. / 7 ก.ย. - GDP ไตรมาส 2/61 ยุโรป

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

 

29-31 ส.ค. - งานไทยแลนด์โฟกัส

31 ส.ค. – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

               , PMI จีน เดือน ส.ค.

7 ก.ย. – GDP ไตรมาส 2/61 ยุโรป

             , ตัวเลขการจ้างงาน สหรัฐ เดือน ส.ค.

 

 

AEONTS* (200) : ได้ประโยชน์จากการบริโภคที่ฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายด้วย valuation ที่น่าสนใจเพียง 13x PER ขณะที่การเติบโตของกำไรสูงกว่า 20% หรือซื้อขายด้วย PEG ต่ำกว่า 1 เท่า

BANPU (30) : ราคาซื้อขายด้วย ฮฟสีฟะรนื ที่ถูกเพียง 8x PER ขณะที่เป็นหุ้นที่นักลงทุนมีการถือครองต่ำ (Under-owned) เรามองราคาหุ้นยังคง laggard เทียบกับกลุ่มพลังงานรวม อีกทั้งคาดได้อานิสงค์จากการให้ข้อมูลในงานไทยแลนด์โฟกัส

JWD* (8.70) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 7.50 บาท

MC* (13.50) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 12.20 บาท

หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / SF, CPN, MINT, PF, TIP*, SGP*, BDMS, MBK*, MTC, TK, GUNKUL*, PSTC*(ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)