- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 August 2018 17:16
- Hits: 5424
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดแต่ยังสามารถปิดบวกได้ 4.11 จุด โดยเริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก EEC หลัง Thailand Focus เริ่มต้นวันแรก สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 922 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1.1 พันลบ. (และ Short ใน Index Futures ราว 4.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways Up จากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างเป็นบวกหลังแคนาดาเข้าร่วมเจรจาข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ซึ่งคาดว่ามีโอกาสบรรลุภายในสัปดาห์นี้ หลังสหรัฐฯ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงทวิภาคีไปแล้วในช่วงต้นสัปดาห์ ทำให้ประเด็นสงครามการค้าเริ่มผ่อนคลายลง ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังได้อานิสงส์จากงาน Thailand Focus รวมถึงสถานการณ์การเมืองที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ รวมถึงการเลือกตั้งค่อนข้างแน่ว่าจะเกิดขึ้นเดือน ก.พ. ปีหน้า
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic Play//ถือต่อ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BJC, BKD, INTUCH, RS, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$525ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$457 ล้าน ขณะที่ไหลออกไทยและอินโดนีเซียใกล้เคียงกันประเทศละ US$33 แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดาเป็นไปในเชิงบวก
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CMAN <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท
สถานการณ์ปัจจุบันเอื้อต่อธุรกิจของ CMAN เพราะผลผลิตน้ำตาล ยาง และกระดาษมีออกมามาก รวมถึงการใช้ปูนก่อสร้างที่กำลังจะตามมา ทำให้มีความต้องการใช้ปูนไลม์มากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งอัตรากำไรสุทธิ 2H18 จะเร่งตัวขึ้นจากการผลิตในโรงงานใหม่ และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์หนี้ เราดาดกำไรสุทธิปีนี้ +40% Y-Y เป็น 204 ลบ. และปีหน้า +24% Y-Y เป็น 254 ลบ.
ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE2018-19 ที่ 12-15 เท่า ต่ำกว่าภูมิภาคที่ 18 เท่า และต่ำกว่า SUTHA ที่ 20 เท่าอยู่มาก
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) Thailand Focus 2018 ภาครัฐฯให้ข้อมูลการลงทุนใน EEC เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ซึ่งยังคงมุ่งไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการสำคัญ คือ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, สนามบินานาชาตินอู่ตะเภา, ศูนย์ซ่อมเครื่องบิน. ทางเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือมาบตาพุด แน่นอนว่าการพัฒนาดังกล่าวเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาและนิคมฯในลำดับแรก แต่เนื่องจากเป็นกรอบแนวคิดเดิม ไม่ใช่ประเด็นใหม่ที่น่าตื่นเต้น ในทางตรงข้าม เรามองว่าเป็นไปได้ยากที่จะกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนในทันที เพราะโครงสร้างพื้นฐานยังต้องใช้เวลาอีกระยะ โดยรวมเรายังมองเป็นกลางกับการจัดงานวันแรก ซึ่งก็สะท้อนมายังการเคลื่อนไหวของ SET ที่ Sideway เกือบตลอดทั้งวัน
(-) ภาษีดอกเบี้ยตราสารหนี้ อาจเป็นตัวเร่งให้กระแสเงินไหลออก จากก่อนหน้านี้ที่แม้ต่างชาติจะขายหุ้นไทย แต่ยังซื้อสุทธิในตราสารหนี้หลักหมื่นลบ.ต่อวัน วานนี้ซื้อน้อยลงเหลือเพียง 898 ลบ. ต่ำสุดในรอบ 7 วันทำการ ขณะที่ หุ้นยังถูกขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 และถ้านับเป็นรายเดือนขายติดต่อกัน 11 เดือน รวม 2.3 แสนลบ. ทำให้เงินบาทอ่อนค่าเร่งกว่าภูมิภาค เรามองว่า Earning Yield Gap ยังไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะทำให้กระแสเงินไหลออกจากตลาดตราสารหนี้มาตลาดทุนเพียงเพราะภาษีดอกเบี้ยที่เก็บเพิ่มอีก 5% เป็น 15%
(+) Thailand Future Fund กระทรวงการคลังยื่นไฟลิ่งจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) แล้ว คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนรอบแรก 4.5 หมื่นลบ. ในช่วง ต.ค. 18 และจะเข้าตลาดวันที่ 1 พ.ย. 18 คาดว่าผลตอบแทนจะอยู่ที่ราว 3% ต่อปี โดยเงินที่ได้จะนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เริ่มจากทางด่วนพระราม3 – ดาวคะนอง มูลค่า 3 หมื่นลบ. และทางด่วนขั้นที่ 3 มูลค่า 1.4 หมื่นลบ. ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา เรายังชอบ CK มากที่สุด แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 34 บาทท
(0) กลุ่มสินค้าไอทีเริ่มโตชะลอ หลังจากเราได้พูดคุยกับผู้บริหารกลุ่มสินค้าไอทีหลายแห่ง พบว่ายอดขายเริ่มชะลอตัวจากผลกระทบของฤดูกาลฝนและน้ำท่วมที่รุนแรง เราจึงปรับน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มลงจาก Overweight เป็น Neutral โดยเฉพาะ IT ที่เราเคยแนะนำเป็น Top Pick ของกลุ่ม คาดว่าจะได้รับผลลบมากที่สุด เพราะสาขากว่า 60% อยู่ในต่างจังหวัดที่ และค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นจากการเปิดสาขาเชิงรุก เราจึงปรับลดคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมายปีนี้ลงเหลือ 5.00 บาท และแนะนำเพียงถือ อย่างไรก็ตาม SYNEX กลับยังดูน่าสนใจ เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท เพราะมีสถานะเป็นผู้ค้าส่งทำให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่าผู้ค้าปลีก และช่วง 2H18 จะมีการจำหน่ายสินค้าทุกกลุ่มของ Apple อีกทั้ง ฐานกำไรใน 2H17 ยังค่อนข้างต่ำ และ Valuation ยังถูกที่สุดในกลุ่มด้วย
(+) ASK เป็นบริษัทที่มีความสม่ำเสมอของผลกำไรและยังในทิศทางที่ดี โดยกำไร 2H18 จะดีกว่า 1H18 จากการปรับส่วนผสมของสินเชื่อที่มี High-Yield loan ให้มากขึ้นและ CoF ที่ยังต่ำลง สิ่งที่เซอร์ไพรส์เราในผลประกอบการล่าสุดคือ NPL ที่ลดลงอย่างน่าประทับใจและต่ำกว่า 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ไตรมาส เราจึงคาดว่าการตั้งสำรองฯน่าจะผ่อนคลายลงในปี 2019 เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2019 ที่ 808 ลบ. +5.5% Y-Y ประเด็นดังกล่าวยังไม่น่าสนใจเท่ากับคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลในอัตราผลตอบแทนที่ราว 6.7% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง) ซึ่งสูงกว่าธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จ่ายปันผลที่ราว 4% ต่อปี คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 26.20 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ เป็น dividend play
(+) CHG โมเมนตัมการเติบโตของกำไรใน 2H18 ยังคงแข็งแกร่งทั้ง H-H และ Y-Y จากอานิสงส์ของ High Season และฐานปีก่อนที่ยังไม่สูง โดยผู้ป่วยเงินสดยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องและเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนกำไร ซึ่งจากกำไรปกติ 1H18 ที่ดีกว่าคาด ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2018 ขึ้น 6% เป็นเติบโต 27.6% Y-Y และยังเป็นระดับที่ดีกว่าการเติบโตเฉลี่ยของกลุ่มการแพทย์ที่ราว 16% Y-Y เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 2.86 บาท คงคำแนะนำซื้อ และยังเป็นหนึ่งใน Top Pick ของกลุ่ม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29 ส.ค.- สหรัฐฯ: 2Q18 GDP (ครั้งที่ 2)
29-31 ส.ค.- ไทย: Thailand Focus 2018
31 ส.ค.- จีน: ดัชนี PMI ภาคการผลิต (ส.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น จากความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดาที่คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในสัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังที่สหภาพยุโรปจะยื่นข้อเสนอทางการค้าให้กับอังกฤษ
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น จาก Sentiment ที่ดีจากฝั่งสหรัฐและยุโรป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามต่อไปคือประเทศอาเจนติน่าและตุรกีที่อาจกลับมากดดันตลาดเกิดใหม่ในช่วงถัดไป
(0) ค่าเงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 32.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.98 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น 0.19 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 3.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1204.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดทำให้เกิดแรงขายในสินทรัพย์ปลอดภัย
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO13146