สะสม/ เก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Domestic Play

 

  ราคาปิด 207.00 บาท

  ราคาเหมาะสม 235.00 บาท 

          เราคงมุมมองเชิงบวกกลุ่ม Domestic Play ด้วยแรงหนุนจากงาน Thailand Focus เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งภาพรวมสินเชื่อใน 2H61 คาดเร่งตัวขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ

          BBL คาดได้อานิสงค์ทางตรง หากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าหลังสิ้นสุดงาน Thailand Focus ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV61 เพียง 0.9 เท่า

 

  ราคาปิด 6.70 บาท

  ราคาเหมาะสม 8.50 บาท

          TRUE มี Momentum ทางเทคนิคเชิงบวก หากทะลุ 6.75 บาทได้ คาดมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6.90 บาท 

          เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานใน 2H61 จากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงราว 800 ล้านบาท/ไตรมาส ตั้งแต่ 3Q61 ทำให้ TRUE มีโอกาสรายงานกำไรปกติได้ใน 3Q61 และดีขึ้นต่อเนื่องใน 4Q61 ขณะที่  ADVANC, DTAC ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหลังได้คลื่น 1800MHz อีกคนละ 1 ใบจำนวน 5 MHz

 

  ราคาปิด 66.00 บาท

  ราคาเหมาะสม 78.00 บาท

          เราประเมินแนวโน้มผลประกอบการ 3Q61 ของกลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น QoQ จาก SSSG บวก 2-3%YoY เทียบกับ 2Q61 ที่ +1.1% ตามการฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศและรายได้เกษตรกรที่ฟื้นตัว 

          ROBINS ได้ประโยชน์ทางตรงจากกำลังซื้อระดับกลางถึงล่างที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งสะท้อนจาก (1) ดัชนีรายได้เกษตรกร เดือน ก.ค. เติบโต YoY (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ค.สูงสุดรอบ 6 ปีที่ 82.2 จุด ขณะที่ Valuation ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2561 เพียง 23 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่เฉลี่ย 30 เท่า

 

  ราคาปิด 14.90 บาท

  แนวต้านทางเทคนิค 15.50 บาท 

          ภาพทางเทคนิคมีสัญญาณบวก หากปรับตัวผ่าน 15.00 บาทได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 15.50 บาท แนวรับ 14.80 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 14.50 บาท 

          เรามองว่ากลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์ทางตรงจากกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัว และกรอบเวลาการเลือกตั้งในประเทศที่ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ หนุน Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีก

 

 

          เราคงมุมมองการลงทุนในช่วง 2 วันนี้เป็น "กลาง" พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายต่ำกว่า 4.0 หมื่นล้านบาท/วัน เนื่องจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประทเส ซึ่งคิดเป็น 47% ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน YTD ยังอยู่ในงาน Thailand Focus ตลอด 2 วันนี้ เพื่อรับฟังข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมงานกว่า 150 บจ. ขณะที่บรรยากาศการลงทุนรอบนอกเป็น "กลางถึงบวก" จากพัฒนาการเจรจาการค้ากลุ่ม NAFTA ชัดเจนมากขึ้น ล่าสุดสหรัฐฯ คาดว่าจะได้ข้อสรุปกับแคนาดาภายในวันพรุ่งนี้ ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า เป็นบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ 

          ขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX / ค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ / ราคาถ่านหินล่วงหน้า Newcastle ปิดบวกเด่น เชื่อว่ากลุ่ม Global Play ในวันนี้จะกลับมามีสีสันขึ้น แต่เรามองว่า upside ของหุ้นหลักจำกัด เป็นการเก็งกำไรในกรอบมากกว่าจะเป็นการซื้อและถือ โดยเรายังคงให้น้ำหนักกับกลุ่ม domestic play มากกว่า global play เพราะเชื่อว่าผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศจะมั่นใจต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของรัฐบาล หลังเข้าร่วมงาน Thailand Focus วานนี้ ทั้งรองนายกฯ ดร.สมคิด / รมว.อุตฯ ดร.อุตตม / รมว.ประจำสำนักนายกฯ กอบศักดิ์ / ผู้ว่า ธปท. ต่างออกมาฉายภาพเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยทั้งสิ้น

          ดังนั้นการแกว่งตัวออกด้านข้างของ SET INDEX ในช่วงนี้ กลายเป็นโอกาสของการสะสมหุ้นหลักเมื่อราคาอ่อนตัวในกลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร (BBL / KBANK / KKP) / กลุ่มค้าปลีก (BJC / ROBINS)/ กลุ่ม ICT (TRUE / ADVANC) / กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS)/ กลุ่มที่อยู่อาศัย (SIRI / LPN) เป็นต้น รวมถึงเก็งกำไรต่อกลุ่มนิคมอุตฯ (AMATA / JWD) กับความชัดเจนของแผนพัฒนา EEC ที่จะเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC)

 

          Hot Topic วันนี้

          1. สรุปภาพรวมงาน Thailand Focus วันแรก และวันนี้มีประเด็นอะไรที่น่าติดตาม

          2. ทรัมป์มีท่าทีผ่อนปรนมากขึ้น คาดมีโอกาสบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับแคนาคาในสุดสัปดาห์นี้ 

          3. บทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มค้าปลีก, โรงไฟฟ้า และ IVL

          4. พรุ่งนี้ MSCI ปรับน้ำหนักดัชนี หุ้นตัวใดน่าจับตามอง

 

          วานนี้ SET INDEX แกว่งตัวในกรอบ 1714-1723 จุด ก่อนมาปิดที่ 1722.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 3.8 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ส่วนใหญ่เข้าร่วมงาน Thailand Focus 2018 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 ส.ค.นี้

          กระแสเงินทุน: กลุ่มสถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 10 อีกราว 922 ล้านบาท รวม 10 วันทำการซื้อสุทธิกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีกราว 3.3 พันสัญญา รวม 3 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 4.5 พันสัญญา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย เป็นวันที่ 4 อีกราว 1.1 พันล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิสะสมราว 4 พันล้านบาท และมีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 4.1 พันสัญญา จาก 3 วันก่อนหน้าที่มีสถานะ Long สุทธิสะสมสูงถึง 5.3 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมคงเหลือ 7.2 หมื่นสัญญา

          ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 อีกราว 898 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 5.7 หมื่นล้านบาท

 

 

ประธานาธิบดีสหรัฐฯและนายกรัฐมนตรีแคนาดาให้สัมภาษณ์ในทิศทางเดียวกันว่า       มีความเป็นไปได้สูงที่จะบรรลุข้อตกลง NAFTA ได้ภายในวันศุกร์นี้ (31 ส.ค.)

อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) คาดว่า การเจรจา BREXIT จะสามารถบรรลุข้อตกลงภายในเดือน ต.ค.นี้

Bloomberg รายงานการเจรจาข้อตกลงระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (Brexit) อาจไม่ทันตามกำหนดการเดิม (18 ต.ค.2561) และอาจขยายวันสิ้นสุดการเจรจาออกไปเป็นเดือน พ.ย.2561

อิหร่านขู่เตรียมถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ให้ผลประโยชน์ต่ออิหร่าน

ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เผยได้ยื่นไฟล์ลิ่ง Thailand Future Fund กับ ก.ล.ต. แล้ว และคาดเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกในวันที่ 1 พ.ย. 2561 วงเงินระดมทุน 4.5 หมื่นล้านบาท

สหรัฐฯ รายงาน GDP 2Q61 รอบสอง ขยายตัว 4.2%YoY สูงกว่ารายงานครั้งแรกที่ 4.1%YoY และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 4.0%YoY

EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 6.89 แสนบาร์เรล

ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.0%YoY วันนี้

ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ EU และการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI วันที่ 31 ส.ค.

ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย เดือน ก.ค.2561 โดย ธปท. วันที่ 31 ส.ค.

ปฏิทินการจ่ายปันผล : TKS ขึ้นเครื่องหมาย XD วันนี้ (30 ส.ค.), PTTGC (31 ส.ค.)