- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 August 2018 01:35
- Hits: 6456
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27-08-18
“SETสดใสขึ้น ประชุมเฟดออกมาดี จะมีไทยแลนด์โฟกัส”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวันศุกร์ – SET Index ปรับตัวลดลง 0.98 จุด ที่ระดับ 1703.82 จุด ขณะที่ยอดสุงสุด-ต่ำสุดของวันคือ 1697.59-1704.59 จุด และถือว่าอยู่ในเกณฑ์สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 32.7 พันล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศที่ไม่สดใส คือ ไม่มีความคืบหน้าจีนเจรจาการค้ากับสหรัฐ แต่การใช้ภาษีนำเข้าได้เริ่มไปแล้ว ดาวโจนส์และน้ำมันปรับลง ดอลลาร์-บาทกลับมาอ่อนค่า กังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก ก.ย.61 แต่มีปัจจัยหนุนจากการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ปลายสัปดาห์นี้ อาจช่วยให้เม็ดเงินต่างชาติคึกคักขึ้น หลักทรัพย์ที่ปรับตัวลงมากคือ CENTEL และ KCE ส่วน TRUE ปรับขึ้นดี ด้านผู้ซื้อสุทธิรายเดียวคือ นักลงทุนทั่วไป 0.8 พันล้านบาท สถาบัน 0.6 พันล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ 0.1 พันล้านบาท และผู้ขายสุทธิรายเดียวคือ ต่างประเทศ 1.5 พันล้านบาท
แนวโน้มและกลยุทธ์– ระยะสั้น SET มีปัจจัยหนุนจากผลการประชุมประจำปีสหรัฐฯออกมาดี คือ เฟดแสดงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐ และจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ดาวโจนส์ปรับขึ้น ดอลลาร์อ่อนค่า บาทกลับมาแข็งค่า รวมทั้งจะมีการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ปลายสัปดาห์นี้ จะช่วยให้เม็ดเงินต่างชาติเข้ามาตลาดหุ้นไทยให้คึกคักขึ้นได้ ด้านน้ำมันระยะนี้ก็ปรับขึ้นดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปียังอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับ VIX สถาบันซื้อสุทธิต่อเนื่อง ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่บวก ดาวโจนส์ล่วงหน้า +84 จุด (8.24 น.) น้ำมันเช้านี้ปรับลง ด้านการเมืองไทยมีความคืบหน้าจะปลดล็อคบทบาทพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีสลับออกมา ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ สงครามการค้า จีน-สหรัฐ ที่ยังไม่คืบหน้า เพราะทรัมป์อาจยังต้องการป้องกันการขาดดุลการค้าต่อไป รวมทั้งทรัมป์จะถูกพาดพิงด้านการเมืองหรือไม่ หลังคนใกล้ชิดมีความผิด การที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่ปัจจัยภายในที่ดีคือการเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ แต่ก็อาจส่งออกได้มากขึ้นด้วย กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) หรือหุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1680-1720 จุด
Update หุ้นเด่น : SVI – ได้รับคำสั่งซื้อใหม่หนุนการเติบโตปี 62 บริษัทได้ลูกค้าใหม่มา 4 ราย คาดจะมีรายได้เพิ่ม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 62 และต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี ได้ประโยชน์จากสงครามการค้า โดยคำสั่งซื้อ EMS Service ใหม่ราว 20 ล้านดอลลาร์เข้ามาตั้งแต่ 2Q61 และส่งมอบในปี 62 รวมทั้งขยายกำลังการผลิตที่กัมพูชา & สโลวาเกีย เพื่อเพื่มรายได้ แนะนำซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 6.20 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ AEONTS, TRUE, CBG, WORK หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ HMPRO, SCCC, TCAP, SENA, TASCO, UV, BCPG, AOT, BEM, BDMS หุ้นที่หลุด List ไม่มี หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ GULF, SF, DCC, SAWAD, CHG
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับขึ้น ประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ออกมาดี
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,790.35 จุด เพิ่มขึ้น 133.37 จุด หรือ +0.52% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,874.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.71 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,945.98 จุด เพิ่มขึ้น 67.52 จุด หรือ +0.86%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (24 ส.ค.) ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่รีบเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ ตลาดน้ำมัน : น้ำมัน WTI ปรับขึ้น ผลผลิตอิหร่านหดตัวลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์/บาร์เรล และพุ่งขึ้น 5.4% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกหลังจากที่ลดลงมาเจ็ดสัปดาห์ติดต่อกัน
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 75.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ทั้งสัปดาห์ พุ่งขึ้นเกือบ 5.6% หลังจากที่ลดลงติดต่อกันมาสามสัปดาห์
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (24 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด ซึ่งรวมถึงผลผลิตจากอิหร่านที่เริ่มส่งสัญญาณหดตัวลง ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ เผยแท่นขุดเจาะน้ำมันลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี หลังราคาน้ำมันร่วงในช่วงก่อนหน้านี้
• ทองคำ : ปรับขึ้น เพราะดอลลาร์อ่อนค่าลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1.62% ปิดที่ 1,213.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบสามสัปดาห์ และเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบห้าเดือน ส่งผลให้ทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นราว 2.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรก หลังจากที่ลดลงต่อเนื่องมาหกสัปดาห์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (24 ส.ค.) ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.6% ทะลุระดับ 1,210 ดอลลาร์ โดยได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
+ ประชุมเฟดประจำปี ที่แจคสันโฮล ประธานเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจ ปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
# การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค. โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน" นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป
# นายพาวเวลยังได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาระบุว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
+ ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า หลังผลประชุมประจำปีของเฟดออกมา
# ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (24 ส.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และควบคุมความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
+/- ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ก.ค.61 ลดลง แต่เฉพาะพื้นฐานกลับเพิ่มขึ้น
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.7% ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน
# อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.
-ความกังวลสงครามการค้า จีน-สหรัฐ รุนแรงขึ้น ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
# ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน โดยก่อนหน้านี้สหรัฐและจีนต่างก็ประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการเจรจาการค้าไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
+ นายกฯ เตรียมหารือคสช.ในสัปดาห์นี้ พิจารณาคลายล็อคพรรคการเมือง
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะประชุม คสช.เพื่อพิจารณาคลายล็อคให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ซึ่งรายละเอียดนั้นขอให้ไปถามจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เพราะได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาแล้วว่ามีข้อติดขัดเรื่องใดบ้าง และหากที่ประชุมเห็นชอบก็จะดำเนินการตามที่เสนอต่อไป
+ รัฐบาลไทย และบีโอไอ สานสัมพันธ์จีน เพิ่มการลงทุนในไทย โดยเฉพาะ EEC
# ศุกร์ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายไทยในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน (JC) ครั้งที่ 6 พร้อมการลงนามความร่วมมือ 6 ฉบับ นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จัดงานสัมมนาส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างไทย-จีน ในหัวข้อ "Thailand-China Business Forum 2018: Comprehensive Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC"
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์นิคมฯที่มีที่ดินในเขต EEC จำนวนมากจะได้รับประโยชน์ในระยะยาว และแนะนำ ซื้อ คือ WHAและ ROJNA ส่วน AMATA แนะนำ ถือ
+ PTT คาดสรุปพันธมิตรร่วมทุนรถไฟเชื่อม 3 สนามบินใน ต.ค.-พ.ย.
# ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า การพิจารณาหาพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.นี้ หลังขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอยู่ 2-3 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพันธมิตรจากในประเทศ จากเดิมที่เจรจามากกว่า 10 ราย
# เนื่องจากโครงการนี้เป็นรูปแบบของ PPP ภาครัฐให้เอกชนดำเนินการ ซึ่งเราไม่ใช่มืออาชีพ ก็ต้องหาพันธมิตร กลุ่มที่มีอาชีพนี้ก็มีทั้งรฟม. บีทีเอส และพันธมิตรต่างประเทศ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี ยังไม่มีข้อสรุปเวลานี้ กำลังศึกษาอยู่ ภาพรวมน่าจะชัดเจนในเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายนนี้ ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะยื่นซองหรือไม่ หรือยื่นกับใคร ยื่นข้อเสนอเท่าไหร่ไม่ใช่มีแค่บีทีเอส เจรจาอยู่ 2-3 ราย
+ ปลายสัปดาห์นี้มีงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติ
# ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงาน "Thailand Focus 2018 : The Future is Now" ชูความโดดเด่นและความน่าสนใจ ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปัจจุบัน และการเติบโตในอนาคต พร้อมเชิญภาครัฐร่วมให้ข้อมูลแผนยุทธศาสตร์ชาติและความคืบหน้าของการปฏิรูปประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ บจ. 115 ราย มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 13.65 ล้านล้านบาท คิดเป็น 78% ของมูลค่ารวมของตลาด (ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561)ร่วมให้ข้อมูล โอกาสการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกที่ตอบรับเข้าร่วมกว่า 150 ราย ในวันที่ 29-31 ส.ค.นี้
• ปัจจุบันยังไม่มีผู้เสนอขายไอซีโอ รอพิจารณาความน่าเชื่อถือผู้ออก
# บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือเว็บไซต์ tdax.com (ทีแด็กซ์) ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังไม่มีผู้เสนอขายเหรียญดิจิทัล (ไอซีโอ) รายใดที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. แม้ว่าจะมีกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลออกมาแล้วก็ตาม เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ออกโทเคน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลอีกพอสมควร (Aspen)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO12974