CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Up” ต้าน 1709/1716จุด รับ 1697/1692จุด การนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าต่อเนื่องสู่ 95.08 จุด หนุนค่าเงินเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่ม Sentiment บวกต่อไทยเด่นต่อเนื่อง ผสานราคาน้ำมันดิบ Brent +1.46% สู่ 75.82 เหรียญ/บาร์เรล รับรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบลดลง 9 แท่น สู่ 860 แท่น ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากสุดในรอบ 27 เดือน หนุนกลุ่มพลังงานนำตลาดขึ้นได้ วันนี้แนะนำ  Theme “Domestic Play” : STEC, AMATA, PYLON

 

 

(+) US: นายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ยืนยันจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

(+) US: ตลาดตอบรับโอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ไปมากแล้ว รวมถึงให้โอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในเดือนธ.ค.ไปราว 61.2%

(+) Currency: ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง หนุนค่าเงินเอเชียแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ

(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +1.31% สู่ $68.72/bbl / BRT +1.46% สู่ $75.82/bbl

(+) OIL: แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบลดลง 9 แท่น สู่ 860 แท่น ปรับตัวลงมากสุดในรอบ 27 เดือน

(*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-1,407ลบ., Short Future-10,893สัญญา,ซื้อBond+13,494ลบ.

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Up” ต้าน 1709/1716จุด รับ 1697/1692จุด ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยมองว่าแม้เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อจะเป็นไปตามเป้าหมาย ยังคงยืนยันว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ตลาดตอบรับโอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ไปมากแล้ว รวมถึงให้โอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในเดือนธ.ค.ไปราว 61.2% ดังนั้น หาก FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปีนี้ คาดเป็นกลางต่อตลาด ขณะที่หากปรับขึ้นน้อยกว่า 4 ครั้ง จะถือเป็น Positive Surprise นอกจากนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวของประธาน FED ทีออกมาด้วยท่าทีกลางๆ ไม่ Hawkish ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องสู่ 95.08จุด หนุนค่าเงินเอเชียแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 32.62 บาท/เหรียญ เพิ่ม Sentiment บวกต่อตลาดเอเชียและไทย ส่วนราคาน้ำมัน Brent ปรับตัวขึ้น +1.46% สู่ 75.82 เหรียญ/บาร์เรล รับรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบลดลง 9 แท่น สู่ 860 แท่น ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากสุดในรอบ 27 เดือน คาดหนุนกลุ่มพลังงานนำตลาดขึ้นได้ ส่วนการประกาศ FSTE Rebalance ในวันศุกร์ทีผ่านมา ซึ่งจะมีผลราคาปิดวันที่ 21 กย 2018 มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ) FTSE All World   มีหุ้นไทยถูกคัดออก 1 บริษัท คือ BEC 2) FTSE Large Cap มีหุ้นไทยถูกถอดออก คือ MINT(ลดระดับไปเป็น Mid Cap) 2.1) FTSE Mid Cap มีหุ้นเข้าคือ MINT และหุ้นที่ถูกถอดออก คือ BEC 3) FTSE Small Cap มีหุ้นเข้าคือ MBK, BEC(ตกมาจาก Mid Cap) นอกจากนี้ FTSE ยังยกระดับตลาด Poland จาก FTSE - EM ขึ้นเป็น FTSE - DM ทำให้น้ำหนักของตลาด Poland ใน EM เดิม จะถูกเกลี่ยใหม่เข้าตลาด EM Asia ถือเป็นจิตวิทยาบวกต่อการฟื้นตัวของตลาด

 

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, CPALL, ROBINS CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD, ERW, BH, AOT, ERW และ Global Play (PTT, IVL) วันนี้เน้น “Theme “Domestic Play”

 

Global Health Care(ดัชนีชี้นำหุ้นกลุ่มการแพทย์โลก) ทรงตัว ใกล้จุดสูง หนุน BH, BDMS / วันนี้ นักลงทุนจีน 400ราย ลงพื้นที่ EEC หนุน  AMATA, WHA

วงจรดอกเบี้ยขาขึ้น น่าจะเริ่มปลายปีนี้ หลัง BOT ส่งสัญญาณ บวกต่อกลุ่ม BANK แนะนำ BBL, KBANK เด่น และ Laggard  TMB(แจ้งตลาดไม่มีเงินลงทุนในตุรกี)

TOR Duty Free จะออกมาต้น กย 2018 หนุน AOT

ICT : การลงทุน 4G ผ่านไปแล้ว อุตสาหกรรมแข็งขันเบาลง หนุน  ADVANC, TRUE

กลุ่มรพ + โรงแรม เริ่มได้ประโยชน์จากช่วง Seasonal แนะนำ AOT, ERW, BH

Portfolio Top Picks AUG 2018 แนะนำ AMATA, AOT, BBL, BH, CPALL, STEC, AMANAH

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

 

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

1.   Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2.  Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3.  Property : GOLD, SC

4.  Tourism & Transport : ERW, BTS

5.  Global Play : IVL, PTL

6.  ICT : ADVANC

 

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

 

STEC (TP19F 32*):  Support 22.0/21.7 Resistant 23.0/23.6

 

Earnings Outlook: คาด 2H18F จะเด่นกว่า 1H18 มาก เติบโตสูงต่อเนื่องทั้ง y-y และ h-h ตามรายได้ก่อสร้างที่เร่งขึ้นจากงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลืองที่ส่งมอบพื้นที่และเริ่มเร่งก่อสร้าง นอกจากนี้มี Backlog secure รายได้ถึง 2020F

Valuation: หุ้นยัง under own โดยซื้อขายเพียง P/BV19F 2.65x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง upside เปิดกว้าง 43%

Catalyst: เริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองวันนี้ + ยื่นไฟลิ่ง Thailand Future Fund ภายในส.ค.นี้ จะเรียกความเชื่อมั่นของงานประมูล ซึ่งยังมีโครงการ 2H18F จะเห็นโครงการลงทุนเพิ่มอย่างมีนัยฯ (ก่อนการเลือกตั้งปี 2019) อาทิ รถไฟทางคู่, รถไฟฟ้าม่วงใต้ มูลค่ารวมหลายแสนล้านบาท 

AMATA (TP19F 23*):  Support 19.0/18.5 Resistant 20.4/21.0

 

Earnings Outlook: พรบ. EEC ที่มีผลแล้ว จะเริ่มขับเคลื่อนปริมาณขายที่ดิน พร้อมๆกับ Recurring income คาดผลประกอบการ 2H18F ฟื้นตัว h-h จากรายได้การขายที่ดินเพิ่มขึ้น และคาดกำไร 2019 +34% 

Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมา อยู่ในจุดที่มี Valuation ไม่สูง ซื้อขาย PER 19F 11.73x และ PBV19F 1.2x (mean-0.5SD) มองเป็นจุดเริ่มทยอยสะสมรอบใหม่ได้ และคาดหุ้นจะกลับมาน่าสนใจเต็มที่อีกครั้งใน 2H19F

Catalyst: ไทย-จีน ลงนาม MOU 17 ฉบับ หนุนการลงทุน EEC + หากสงครามการค้ายืดเยื้อจะเอื้อต่อโอกาสย้ายฐานผลิตจากจีนมาไทย (คล้ายๆที่เกิดกับ กรณี Tender หุ้น DELTA)

 

PYLON (TP18F 9.2*):  Support 6.4/6.3 Resistant 6.8/7.0

 

Earnings outlook: คาดกำไรสุทธิ 3Q18F จะเติบโตเด่น y-y และ q-q จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้า กอปรกับงานส่วนใหญ่เป็นงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีอัตรากำไรขึ้นต้นอยู่ในระดับสูง โดยปัจจุบัน Backlog คาดอยู่ในระดับ 1.1 พันลบ.  Secure รายได้ไปแล้วจนถึงสิ้นปี 2018F

Valuation: คาดว่าราคาหุ้นสะท้อนกำไรที่ชะลอตัว q-q ไปแล้ว มองเป็นจังหวะเข้าลงทุนที่ดี จาก 3Q18F เติบโตโดดเด่น ขณะที่ PER18F ซื้อขายที่ระดับ 19.4 เท่า

Catalyst: เริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองวันนี้ +  คาดควบคุมอัตรากำไรได้ดี หนุนผลประกอบการ 2H18 โดดเด่น หนุนกำไรปี18F ทำ All-time high ใหม่ เติบโต +153% y-y

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)