- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 August 2018 16:30
- Hits: 5882
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เน้นพักเงินไว้ในหุ้นปันผล
Smart Pick
สะสม LH
ราคาปิด 11.50 บาท
ราคาเหมาะสม 11.80 บาท
LH ขึ้น XD วันที่ 28 ส.ค. หุ้นละ 0.40 บาท ให้ Yield 3.4% เป็นที่พักเงินได้ดี จากความกังวลต่อผลการประชุมระหว่างจีนและสหรัฐฯ อาจไม่ประสบความสำเร็จ และผลประชาพิจารณ์เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวันจันทร์หน้านี้
เรามองว่า LH มี Sentiment บวกจากการเปิดโครงการใหม่ถึง 2.0 หมื่นลบ.ใน 2H61 vs 1H61 ที่ 6.5 พันลบ. คาด Presales จะออกมาดีและหนุน Backlog ให้เพิ่มขึ้น
สะสม ROBINS
ราคาปิด 63.25 บาท
ราคาเหมาะสม 78.00 บาท
เรามองว่ากลุ่มค้าปลีกมีปัจจัยบวกจากภาคบริโภคที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง วานนี้สศก.รายงานดัชนีรายได้เกษตรกรเดือน ก.ค. +6.4% YoY ซึ่ง ROBINS ได้ประโยชน์โดยตรง เพราะมีสาขาครอบคลุมในต่างจังหวัด
เรามองว่า ช่วงนี้มีการหมุนเปลี่ยนหุ้นลงทุนภายในกลุ่มค้าปลีก หลังกำไรของ CPALL ถูกกดดันจากต้นทุนเงินลงทุนรอบใหม่ ทำให้หุ้น CPALL ที่ Underperform ตั้งแต่รายงานงบ 2Q61 ถึงวานนี้ CPALL -6.1% เทียบกับ BJC -0.5% และ ROBINS -1.2%
สะสม KKP
ราคาปิด 75.00 บาท
ราคาเหมาะสม 80.00 บาท
ประกาศเงินปันผลงวด 1H61 หุ้นละ 2.00 บาท ขึ้น XD วันที่ 5 ก.ย. คิดเป็น Yield ถึง 2.7%
ยอดสินเชื่อเดือน ก.ค. ของ KKP +0.6% MoM ดีกว่ากลุ่มที่ +0.1% และ YTD +11.4% ขยายตัวสูงสุดในกลุ่ม vs ค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ +2.4% สะท้อนถึง Synergy กับ PHATRA ออกดอกผลและรุกเข้าสู่ตลาดสินเชื่อ Corporate ขณะที่ประเด็นบวกรออยู่ในเดือน ก.ย. กับการเปิดจองซื้อหน่วยลงทุน TFF เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา
เก็งกำไร AMATA
ราคาปิด 19.60 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 20.30 บาท
ราคาหุ้นลดลงถึง 30% ใน 7 เดือนที่ผ่านมา กลับมาน่าสนใจเนื่องจาก Downside Risk จำกัด และมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 20.30 บาท แนวรับ 19.40 บาท, Stop loss หากต่ำกว่า 19.20 บาท
เรามองว่ากลุ่มนิคมฯ จะตอบรับเชิงบวก หลังสิ้นสุดงาน Thailand Focus วันที่ 29-31 ส.ค. จากแผนลงทุน EEC เป็นหัวข้อหลักที่นำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2561 ราว 12 เท่า เทียบกับช่วงเดือน ม.ค.2561 ที่ขึ้นไปสูงถึง 25 เท่า
Switch : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
เรามีมุมมองต่อการลงทุนในวันนี้เป็น "กลางถึงลบเล็กน้อย" เนื่องจากเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ราคาน้ำมัน / ค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ ปิดลบ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ การเจรจาระหว่างตัวแทนของจีนและสหรัฐฯ ยังไม่เห็นข้อสรุปที่ชัดเจน ทำให้เราเชื่อว่านักลงทุนจะปิดความเสี่ยงระหว่างสัปดาห์ และกดดันให้ SET INDEX วันนี้มีโอกาสปิดต่ำกว่า 1,700 จุดได้อีกครั้ง จากกรอบแกว่งในวันนี้ 1,690-1,710 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำกว่า 4.0 หมื่นล้านบาท/วันเป็นวันที่ 3
อย่างไรก็ตามประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ตลาดกลับมาให้น้ำหนักอีกครั้ง ล่าสุดวุฒิสภาผ่านร่างงบประมาณปี 2561/62 วงเงิน US$8.54 แสนล้าน ด้วยคะแนนเสียง 85-7 เพื่อหลีกเลี่ยงต่อการปิดหน่วยงานราชการตามคำขู่ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งในลำดับถัดไปสภาล่างจะต้องพิจารณาและโหวตภายในสิ้นเดือนก.ย. เพื่อออกเป็นกฎหมายงบประมาณได้ทันใช้ ขณะที่ตลาดเริ่มพูดถึงเรื่องการเสนอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ (Impeachment) มากขึ้น หลังอดีตทนายส่วนตัวยอมรับเงินสนับสนุนการเลือกตั้ง ทำให้เรามองว่าความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯ อาจทำให้กองทุนปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นสหรัฐฯ และโยกมายังตลาดเกิดใหม่ที่เศรษฐกิจแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการปรับดัชนี MSCI วันที่ 31 ส.ค. และงาน Thailand Focus ระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค. มีโอกาสที่เม็ดเงินทุนต่างชาติจะกลับมาสะสมหุ้นหลักของไทยหลังเสร็จสิ้นประเด็นดังกล่าวในต้นเดือนก.ย.
ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำให้นักลงทุนกลับมาพักเงินในหุ้นปันผลเด่น และ/หรือ หุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความเสี่ยงต่างประเทศ
HOT Topic
Hot Topic วันนี้
1. ติดตามการแถลงของประธานเฟดต่อนโยบายการเงินที่ Jackson Hole คืนนี้
2. บทวิเคราะห์หุ้น DOD, BCH และกลุ่มพลังงาน เรามีมุมมองอย่างไร
3. ภาคบริโภคในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังวานนี้สศก.รายงานดัชนีรายได้เกษตรกร เดือน ก.ค. เร่งตัวขึ้น หุ้นใดได้ประโยชน์
4. สัปดาห์หน้า Highlight อยู่ที่งาน Thailand Focus และ MSCI ปรับน้ำหนักดัชนี
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปิดบวกเป็นวันที่ 2 ยืนเหนือ 1700 จุดได้สำเร็จ ปิดที่ 1704.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 3.9 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทเป็นวันที่ 2
กระแสเงินทุน : สถาบันในประเทศยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิหลัก และซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 อีกราว 1.5 พันล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 1.2 หมื่นล้านบาท แต่นักลงทุนกลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชีบล.มีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีกราว 3.9 พันสัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 8.1 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 หมื่นสัญญา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อยวันแรกในรอบ 8 วันทำการเพียง 4 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการราว 4.1 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิสะสมสูงถึง 8.2 หมื่นสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 2.6 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิทั้งสิ้นกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยมาปิดที่ 32.86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณมูลค่า $8.54 แสนล้าน ประกอบด้วยเงินทุนสำหรับกระทรวงกลาโหม, กระทรวงสาธารณะสุข, กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน โดยขั้นตอนต่อไปคือการลงมติจากสภาผู้แทนราษฎร
สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้าน ในอัตรา 25% ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์, สารเคมี, พลาสติก และมอเตอร์ไซด์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในมูลค่าและอัตราภาษีที่เท่ากัน ได้แก่ น้ำมัน, เหล็ก, ยานยนต์ และเครื่องมือทางการแพทย์
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานดัชนีรายได้เกษตรกรในเดือน ก.ค. 61 เพิ่มขึ้น 6.38%YoY ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรได้รับลดลง 0.93%YoY
รัฐมนตรีพลังงานของซาอุฯ เผยแผนทำ IPO หุ้น Saudi Aramco ยังตามเดิม
ญี่ปุ่นรายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ค. ขยายตัว 0.9%YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดที่ 1.0%YoY
ติดตามการกล่าวปาฐกถาในงาน Jackson Hole ของประธานเฟด วันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามผลการทำประชาพิจารณ์ของสหรัฐฯ ต่อการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่าสินค้ารวมกว่า 2 แสนล้านเหรียญฯ วันที่ 27 ส.ค.
ติดตามการรายงาน GDP 2Q61 ครั้งที่ 2 ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 4.0%YoY วันที่ 29 ส.ค.
ติดตามงาน Thailand Focus วันที่ 29-30 ส.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.0% วันที่ 30 ส.ค.
ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธปท. วันที่ 31 ส.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้ออียู และการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI วันที่ 31 ส.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO12903