- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 23 August 2018 19:25
- Hits: 9748
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“น้ำมันปรับขึ้นดี เฟดขึ้นดอกเบี้ยก.ย.ไม่ surprise”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : CPNREIT (จากถือเป็น Fully Valued)
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับตัวเพิ่มชึ้นเพียง 3.67 จุด ที่ระดับ 1698.30 จุด เกิดแรงขายทำกำไรช่วงท้ายตลาดฯ ขณะที่ยอดสุงสุดของวันคือ 1705.91 จุด และถือว่าอยู่ในเกณฑ์สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายเบาบางที่ 38.0 พันล้านบาท เป็นลักษณะรอดู (wait & see) ทั้งเรื่องการประชุมเฟด และผลจีนเจรจาการค้ากับสหรัฐว่าจะทันก่อนภาษีนำเข้าจะปรับขึ้นในวันที่ 23 ส.ค.61 หรือไม่ หลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นคือ BEAUTY, KTC และ TOP ด้านผู้ซื้อสุทธิรายเดียวคือ สถาบัน 2.1 พันล้านบาท และ ส่วนผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 1.3 พันล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ 0.5 พันล้านบาท และ ต่างประเทศ 0.3 พันล้านบาท
แนวโน้มและกลยุทธ์– ระยะสั้น SET มีโอกาสแกว่งแคบ แต่มีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันปรับขึ้นดี เฟดเผยรายงานประชุมที่ผ่านมาเตรียมขึ้นดอกเบี้ย ก.ย.61 แต่เป็นไปตามคาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปียังลดลง ดอลลาร์อ่อนค่าช่วยในเรื่องเงินไหลเข้า แต่ต้องรอดูการประชุมเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ ต่อไป อีกทั้งรอผลจีนจะกลับมาเจรจาการค้ากับสหรัฐ ที่สำคัญคือ 22-23 ส.ค.61 ก่อนภาษีนำเข้าจะปรับขึ้นในวันที่ 23 ส.ค.61 ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่บวกแคบๆ ดาวโจนส์ล่วงหน้า +7 จุด (8.23 น.) น้ำมันเช้านี้ mix แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีสลับออกมา เพราะทรัมป์อาจยังต้องการป้องกันการขาดดุลการค้าต่อไป ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ การคว่ำบาตรอิหร่านและสงครามการค้า สหรัฐ-จีน ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไปแต่ปัจจัยภายในที่ดีคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ แต่ก็อาจส่งออกได้มากขึ้นด้วย กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) หรือหุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1680-1720 จุด
Update หุ้นเด่น : TOP – คาดว่าผลการดำเนินงานปกติของบริษัทจะดีขึ้นใน 2H61 จาก Crude Premium ที่ลดลง และบริษัทไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน ประเมินว่าค่าการกลั่นจะดีขึ้นตั้งแต่ 3Q61 เป็นต้นไปเพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจน้ำมันกลั่น (ดีเซล, Jet) ส่วนอะโรเมติกส์คาดว่าสเปรดของ PX และ BZ จะทรงตัวถึงอ่อนลงเพราะจะมีกำลังการผลิตใหม่จากเวียดนามเข้ามา รวมทั้งโรงอะโรเมติกส์ที่จีนกลับมาผลิตหลังปิดซ่อมไป ราคาเป้าหมายอิงกับ P/BV ปี 62 ที่ 1.4 เท่า ซึ่งอยู่ที่ 96.50 บาท คงคำแนะนำซื้อ ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 13%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ BBL,DCC,STA,VNT,MACO,SENA หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ HMPRO, SCCC,GULF,TCAP,TASCO,SF หุ้นที่หลุด List WICE หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ AEONTS
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับลง เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย ก.ย.61
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,733.60 จุด ลดลง 88.69 จุด หรือ -0.34% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,889.10 จุด เพิ่มขึ้น 29.92 จุด หรือ +0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,861.82 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.04%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่านรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในสหรัฐ หลังจากผู้ใกล้ชิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
+ ตลาดน้ำมัน : น้ำมัน WTI ปรับขึ้น สต็อกน้ำมันดิบลดลงกว่าคาด
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 67.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.15 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 74.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) ขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
• ทองคำ : ปรับขึ้น เพราะดอลลาร์อ่อนค่าลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,203.3 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.
-สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองร่วง 0.7% ในเดือน ก.ค.61
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 0.7% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.34 ล้านยูนิต โดยยอดขายลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และเป็นการปรับตัวลงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนบ้านในตลาด ซึ่งส่งผลให้ราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
-รายงานการประชุมเฟด มีความพร้อมปรับขึ้น ดอกเบี้ย ก.ย.61
# เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
# กรรมการหลายคนของเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมานั้น สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงินสำหรับเป้าหมายการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเฟดนั้น จะพิจารณาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างยั่งยืน, ภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะกลาง" รายงานการประชุมของเฟดระบุ
+ ดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองร่วง
# ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดขายบ้านมือสองร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
+/• จีนจะกลับมาเจรการค้ากับสหรัฐอีกคร้ง สิ่งที่ดีคือเป็น 22-23 ส.ค.61
# ทางการจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐภายในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.
# หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสหรัฐและจีนกำลังเร่งทำโร้ดแมพเพื่อผลักดันให้มีการบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในเดือนพ.ย.
+/- ติดตามประชุมเฟด ที่แจคสันโฮล บ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงิน และวันพรุ่งนี้มีแถลงรายงานประชุม
# นักลงทุนทั่วโลกจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต,ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
+ กสทช.ยันเดินหน้าแก้ปัญหาทีวีดิจิทัลต่อ หลังเปิดทางควบรวม
# สำหรับกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากประกาศ กสทช.ฉบับล่าสุด คาดว่าจะเป็นกลุ่มที่มีข่องทีวีดิจิทัลในมือจำนวน 2 ช่องชึ้นไปและกลุ่มบริษัทที่อยู่นอกตลาดหุ้นก็อาจมีพันธมิตรใหม่ เพื่อให้มีฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นก่อนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น
# อีกทั้งแนวทางควบรวมกิจการทำให้ผู้ประกอบการแข็งแรงขึ้น โดยอาจรวม 2 ช่องเหลือช่องเดียว ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง แต่ยังต้องชำระค่าใบอนุญาตในจำนวนเท่าเดิมจากที่ยังเหลือระยะเวลาชำระอีก 3 ปี ขณะที่ทำให้จำนวนช่องทีวีดิจิทัลลดลง ซึ่งก็จะทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลลดลงด้วย
+ กสทช. อาจปรับเกณฑ์ประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz
# "กสทช." จ่อชงบอร์ดปรับหลักเกณฑ์ประมูล ขยายค่างวดชำระเงินค่าประมูลคลื่น 1800 MHz เป็น 5-6 ปี และคลื่น 900 MHz เป็น 8-10 ปี แต่ราคาเริ่มต้นประมูลคงเดิม ยกเลิกเงื่อนไขผู้ชนะประมูลคลื่น 900 MHz ลงทุนระบบป้องกันรบกวนคลื่นรายเดียว ก่อนนำมาประมูลใหม่เดือน มี.ค. 2562 ฟาก DTAC ขอเยียวยาคลื่น 1800 MHz อีก 15 MHz พ่วง 850 MHz
+ นายกรัฐมนตรี ยืนยันเวลาเหมาะสมจัดการเลือกตั้งคือ ก.พ.62
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้พิจารณาภาพรวมแผนการรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการมีส่วนร่วมจากทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งในเดือน ก.พ.62 มีความเหมาะสมที่สุดแล้ว และหากมีประเด็นใดที่ต้องแก้ปัญหาก็สามารถใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.แก้ไขได้ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างไม่เป็นอุปสรรคและให้เกิดการเลือกตั้ง
+ ตัวเลขส่งออกไทย ก.ค.61 เติบโตดี 8.27%
# กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ก.ค.61 โดยการส่งออกมีมูลค่า 20,423 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.27% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,940 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 10.53% ส่งผลให้ดุลการค้าก.ค. ขาดดุล 516 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การส่งออกช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ขยายตัวได้ 10.57% ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ไว้ที่ 8% และจะมีการทบทวนเป้าหมายอย่างเป็นทางการอีกครั้งในการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกช่วงเดือน ต.ค.61
+ ตลาดหลักทรัพย์ฯเผย กำไรสุทธิบจ.รายงานกำไร 1H61 เติบโต 7.61%
# หลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 61 รวม 5.51 แสนล้านบาท เติบโต 7.61% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น คือ กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมัน กลุ่มบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในกลุ่ม Well-being และกลุ่มธุรกิจการเงิน อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปี 61 ราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่แน่นอน เป็นปัจจัยที่ควรให้ความระมัดระวังมากขึ้นในการบริหารกิจการ
- สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหภาพยุโรป (EU) ในอัตราระดับ 25%
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหภาพยุโรป (EU) ในอัตราระดับ 25% คำกล่าวของประธานธิบดีสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่านายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์ ได้ประกาศเลื่อนการเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับภาษีนำเข้ารถยนต์ ซึ่งแต่เดิมมีกำหนดจะเปิดเผยในเดือน ส.ค.นี้ เนื่องจากติดปัญหาด้านการเจรจากับเม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรป
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่เสียประโยชน์คือ KCE เพราะสินค้าแผ่นพิมพ์วงจรส่วนใหญ่ส่งออกไปยังผู้ประกอบการยานยนต์ที่ยุโรป อย่างไรก็ตามปัจจุบันรถยนต์จากยุโรปได้ส่งออกไปโซนอื่นๆด้วย ไม่ใช่แต่เพียงยุโรป เช่น เอเซีย จึงไม่ถึงกับแย่ เสียทีเดียว ส่วนปัจจัยลบเสริมคือ เงินบาทกลับมาแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แนะนำ ถือ สำหรับ KCE
+ มีข่าวไฟไหม้โรงกลั่น Petrobas ในอเมริกาใต้ คาดว่าต้องใช้เวลากว่าเดือนที่จะกลับมา
# ผลกระทบ: โรงกลั่นแห่งนี้มีกำลังการผลิตสูงเป็นอันดับสองในอเมริกาใต้ คาดว่าจะส่งผลดีกับอัตราค่าการกลั่น (GRM) ให้ปรับเพิ่มขึ้นได้ จึงคงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ BCP, PTTGC และ TOP
-/+ ค่าเงินบาทแข็งเร็ว เทียบกับเหรียญสหรัฐ ล่าสุดปิดที่ระดับ 32.86 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: Aspen)
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านลบ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวเสียประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้น้อยลงเป็น sentiment ลบกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์ได้ประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ SIS รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ AAV, THAI,RCL,WHAUP,WHA เป็นต้น และเงินลงทุนมีมูลค่าสูงขึ้น เช่น BTS
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO12855