- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 August 2018 17:17
- Hits: 3776
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 14/08/2018
Close 1,695.35 Volume Bt54249M
Change -10.61 P/E 17.07
%Change -0.62% P/BV 1.94
หุ้นแนะนำพิเศษ
CPF Analyst Meeting (ราคาปิด 25.75 Bloomberg Consensus 28.82)
รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 5,894 ลบ. +93%QoQ และ +45%YoY เนื่องจากธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ในต่างประเทศมีสัดส่วนถึง 58% ของยอดขายสามารถเติบโตโดดเด่น +18%YoY สู่ 78,679 ลบ. โดยเฉพาะยอดขายในเวียดนามและจีนเติบโตอย่างโดดเด่น ถึง +48%YoY และ +19%YoY ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 9.2% ใน 2Q60 เป็น 14.4% ใน 2Q61 ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นรวม เพิ่มขึ้นจาก 11.7% ใน 2Q60 เป็น 12.2% ใน 2Q61 และอัตรากำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 3.2% ใน 2Q60 เป็น 4.3% ใน 2Q61
กรณีค่าเงินตุรกีอ่อนค่าผบห.มองว่าความเสี่ยงมีจำกัดเนื่องจากบริษัทเตรียมตัวตั้งแต่ต้นปี 61 ในการปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินให้มีสัดส่วนเงินกู้ที่เป็นเงิน USD มากขึ้น และลด IBD/E ให้เหลือเพียง 0.3 เท่า มีการถือครองสกุลเงิน USD มากขึ้น และเพิ่มสัดส่วนการส่งออกต่างประเทศ อีกทั้งยอดขายจากตุรกีมีสัดส่วนเพียงแค่ 3% ของยอดขายรวมทั้งบริษัท ทำให้ผลกระทบกับผลการดำเนินงานมีจำกัด
ผบห.มองว่าราคาเนื้อหมูผ่านได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และแนวโน้มราคาเนื้อไก่จะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสถัดไป อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมจากโรค African Swine Fever ที่กระทบกับธุรกิจฟาร์มหมูในรัสเซีย ส่งผลให้เกิดความเสียหายในบางฟาร์มที่ต้องมีการกำจัดหมูที่ติดเชื้อ แต่ยังไม่กระทบกับ Demand เนื้อหมูโดยรวม ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูปรับตัวขึ้นมาชดเชย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 ที่ 7,000 ลบ. -54%YoY
ORI Analyst Meeting (ราคาปิด 19.50 Bloomberg Consensus 23.55) 2H61 > 1H61
2Q61 มีกำไร 1,019 ลบ. +327%YoY +108%QoQ โดยมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน 312 ลบ. 1H61 กำไร 1,508 ลบ. +267% เนื่องจากรายได้รวมเติบโต 224% จากที่มีรายได้ค่าบริหารโครงการจากธุรกิจร่วมทุนที่เพิ่มเข้ามา สัดส่วนคชจ.ขายและบริหารต่อรายได้รวมลดเหลือ 14.8% จาก 21.6% ทำให้อัตรากำไรสุทธิที่ไม่รวมรายการพิเศษอยู่ที่ราว 20% ใกล้กับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทประกาศจ่ายหุ้นปันผลอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล (คิดเป็นหุ้นละ 0.25 บาท) และจ่ายเงินสดอีก 0.04 บาทต่อหุ้น XD 16 ต.ค. วันจ่าย 31 ต.ค.
ความเห็น แนวโน้มกำไร 2H61 มากกว่า 1H61 โดยจะไต่ระดับดีขึ้นใน Q3 และ Q4 เนื่องจาก 1) มี backlog ส่วนที่รอโอนกว่า 8 พันลบ.ที่ทำให้เป้าหมายรายได้ 1.5 หมื่นลบ.มี backlog ที่เป็นคอนโดฯและบ้านเดี่ยวรองรับแล้ว 91% ( 2) แคมเปญการตลาดที่ช่วยระบายสต๊อกได้ดี 3) อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการหลักที่จะโอนในปีนี้ได้แก่ Park 24 เฟส 2 ฟื้นตัวจากเฟสแรกที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 30% ทั้งนี้ยอดขาย presale ในช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตดีถึง 133%YoY และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดขาย presale โครงการภายใต้แบรนด์ “Park Origin” ทำเลพญาไท-ทองหล่อ-พร้อมพงศ์ (Park 24 เฟส 2)และโครงการแนวราบ ทำให้ผู้บริหารปรับเป้า presale จากเดิม 2 หมื่นลบ.เป็น 2.4 หมื่นลบ. ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และกำไรต่อเนื่องช่วยลดผลกระทบด้าน dilution effect จากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น Bloomberg Consensus คาดกำไรปีนี้ราว 3 พันลบ. +48% yield เฉลี่ย 4%
WHA (ราคาปิด 3.86 บาท Bloomberg consensus 4.84 บาท)
ผู้บริหารวางเป้าขายที่ดินรวม 1,400 ไร่ แบ่งเป็นภายในประเทศ 1,250 ไร่ และที่ประเทศเวียดนามอีก 150 ไร่ โดยคาดว่าจะสามารถโอนที่ดินได้ราว 1,000 ไร่ ขณะที่ 1H61 ขายที่ดินไปได้เพียงแค่ 173 ไร่ โอนแล้วราว 390 ไร่ ขณะที่ธุรกิจโลจิสติกส์ วางเป้าหมายในการขายทรัพย์สินเข้ากอง HREIT ทั้งปี ราว 228,000 ตร.ม หลังจากที่ 1H61 ขายไปแล้วกว่า 55,000 ตร.ม ส่วน Pre-leased Area วางเป้าที่ 250,000 ตร.ม. ขณะที่ YTD ปิดยอดได้แล้วกว่า 60,000 ตร.ม. ด้านธุรกิจของ WHAUP ผบห.ตั้งเป้าผลิตและจำหนายน้ำสำหรับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ราว 109 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี จากปี 60 ที่มีกำลังผลิต 100 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี และธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าตั้งเป้ากำลังผลิตที่ 521MW ซึ่งขณะนี้มีกำลังผลิตแล้วกว่า 511MW และอีก 11MW จะมาจากโครงการ Solar Rooftop ในครึ่งปีหลัง
ความเห็น แนะนำ Wait&See หลังจากที่ยอดขายและจำหน่ายที่ดินอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เราประเมินจากยอด 1H61 ที่ยังค่อนข้างห่างจากเป้าหมายที่ทางผู้บริหารวางไว้ Bloomberg consensus คาดกำไรทั้งปีราว 3,614 ลบ. +10.65% ขณะที่ 1H61 รายงานกำไรสุทธิที่ 1,083 ลบ.
WHAUP (ราคาปิด 5.80 บาท Bloomberg consensus 8.47 บาท)
ธุรกิจบริหารจัดการน้ำและไฟฟ้าสำหรับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ผบห.ตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายน้ำ ราว 109 ล้านลบ.ม.ต่อปี จากปี 60 ที่มีกำลังผลิต 100 ล้านลบ.ม. ต่อปี ปัจจุบันมีแผนลดต้นทุนการนำเข้าน้ำจากบริษัทอื่น โดยการ recycle น้ำที่ใช้แล้ว ปริมาณ 7,500 ลบ.ม ต่อวัน ซึ่งโครงการนี้ได้ทดลองเปิด Phase 1 ไปแล้วเมื่อปลายไตรมาส 2 มูลค่าการลงทุนกว่า 125 ลบ. ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้า ตั้งเป้ากำลังผลิตรวม 521MW ซึ่งตอนนี้มีกำลังผลิตแล้วกว่า 511MW ส่วนอีก 11MW ที่เหลือจะมาจากโครงการ Solar Rooftop ในครึ่งปีหลัง
ความเห็น แนะนำ Wait&See กังวลความเสี่ยงในประเด็นความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน (THB/USD อ่อนค่าต่อเนื่อง) กดดันกำไรสุทธิของบริษัท ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิทั้งปีราว 2,036 ลบ. +2.78% ขณะที่ 1H61 รายงานกำไรสุทธิที่ 956.1 ลบ.
Market View : ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด
หุ้นแนะนำพิเศษ : CPF
หุ้นมีข่าว : CPALL ORI WHA WHAUP QH
Technical Insight : AP TPCH
SET Index วานนี้ปรับตัวลง 10.61 จุด จากความกังวลในประเด็นวิกฤตค่าเงินของตุรกี หลังจากที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากตุรกีต่อสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า ประกอบราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงกดดันกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม หลังมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส2 ถูกแรงเทขายในหุ้นค้าปลีกนำโดย CPALL ที่ผลประกอบการเติบโตต่ำกว่าที่ตลาดคาด ภาพรวม SET Index ปิดที่ 1,695.35 จุด (-10.61 จุด) Volume 5.4 หมื่นลบ. จาก Foreign Net -2,146.94 ลบ. TFEX Net -14,657 สัญญา ตราสารหนี้ +2,789 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของค่าเงินลีราของตุรกี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ
+เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีการขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 2
+ครม.ไฟเขียวปรับปรุงมาตรการภาษีหนุนท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง
-น้ำมันปรับลดเล็กน้อยในขณะที่ตลาดคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ โดยสถาบันปิโตรเลียมอเมริกาจะเผยแพร่หลังปิดตลาดในวันพุธ
-ตุรกีประกาศคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐในการเพิ่มอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกี
+/-ดัชนีราคานำเข้าสหรัฐทรงตัวในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.83 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.29 บาท/US
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยหนุนจากการดีดตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-ตุรกีในการออกมาตรการตอบโต้ต่อกัน ราคาน้ำมันปรับตัวลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน และFund flow ต่างชาติกลับมาผันผวน ทำให้การปรับขึ้นของ SET มีกรอบจำกัด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,685-1,705 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- MSCI เพิ่มน้ำหนัก IVL ลดน้ำหนัก PTT CPALL AOT
- ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น SPRC IRPC
- CPALL ROBINS HMPRO BEM ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี
- KCE SVI CPF GFPT กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.29 บาท/US
หุ้นมีข่าว
SPA (ราคาปิด 14.7 ซื้อ ราคาเหมาะสม 19.2)
รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 48 ลบ. +18%YoY ใกล้เคียงกับประมาณการที่เราทำไว้ที่ 47 ลบ. โดยกำไรสุทธิใน 1H61 คิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 227 ลบ. +30%YoY มีสาเหตุมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาส 2 เติบโตขึ้นถึง 9%YoY โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ SPA ที่เติบโตถึง 21%YoY ส่งผลให้รายได้รวม 2Q61 ของบริษัทเติบโต 18%YoY สู่ 271 ลบ. โดยบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนขายและบริการ และ SG&A ได้ดี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 35% เพิ่มขึ้นจาก 2Q60 ที่ 34% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18% เพิ่มขึ้นจาก 2Q60 ที่ 17.6%
CHAYO (ราคาปิด 4.0 ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเหมาะสม 4.0)
รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 24 ลบ. +48%YoY โดยกำไรสุทธิ 1H61 คิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีที่ 75 ลบ. +29%YoY มาจากรายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เติบโตอย่างโดดเด่นราว 52% ส่งผลรายได้รวมที่เติบโต 36%YoY สู่ 70 ลบ. ประกอบกับต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ารายได้ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 70% เพิ่มขึ้นจาก 2Q60 ที่ 66% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 34% เพิ่มขึ้นจาก 2Q60 ที่ 31%
JKN (ราคาปิด 10.3 ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.4)
รายงานกำไรสุทธิ 1H61 อยู่ที่ 139 ลบ. +68%YoY โดยกำไรสุทธิ 1H61 คิดเป็น 62% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีที่ 225 ลบ. +20%YoY จาก 1) รายได้ค่าสิทธิจากธุรกิจจำหน่ายสิทธิคอนเทนต์ +20%YoY 2) ธุรกิจบริการโฆษณา +73%YoY 3) ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ +3,813%YoY ส่งผลให้รายได้รวม 1H61 เติบโตถึง 30%YoY สู่ 698 ลบ. และบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมให้อยู่ที่ 12% ลดลงจาก 1H60 ที่ 15% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 20% เพิ่มขึ้นจาก 1H60 ที่ 15%
CPALL Analyst Meeting (มุมมอง Neutral)
รายงานกำไร 2Q61 ที่ 4,779 ล้านบาท +3%YoY แต่ -11%QoQ โดยปรับตัวลงเนื่องจากผลประกอบการขง MAKRO ที่อ่อนตัวหลังขยายสาขาไปยังต่างประเทศ(อินเดียและกัมพูชา) จากค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาเข้ามากดดัน ขณะที่ค่าใช้จ่ายของ 7-11 ปรับตัวขึ้นตามค่าแรงขั้นต่ำจาก 300 บาทเป็น 308-330 บาท (ต้นทุนค่าพนักงานราว 27%ของต้นทุนรวม) และค่าไฟฟ้าที่เริ่มปรับตัวขึ้นตามค่า Ft ยังเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการ (ต้นทุนค่าไฟฟ้า 8% ของต้นทุนรวม) คอยกดดันผลประกอบการ
1H61 เปิดสาขาไปแล้ว 492 สาขาจากเป้าการเปิดสาขาทั้งปีที่ 700 สาขา โดยล่าสุดมีสาขา 10,760 สาขา(บริษัทเป็นเจ้าของ 4.74 พันสาขาและแฟรนไชส์ 6.01 พันสาขา) ขณะที่ All café อยู่ราว 5.3 พันสาขา โดยบริษัทมีเป้าหมายในการเปิด All Café ให้ครบทุกสาขา โดยสัดส่วนยอดขายสินค้ายังคงมาจากอาหารเป็นหลักกว่า 70% ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้ทรงตัวที่ระดับ 26.4%
ความเห็น ผลประกอบการ 3Q61 คาดว่ายอดขายจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าที่ 3% แต่ค่าแรงที่ปรับตัวขึ้นและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนยังเป็นปัจจัยกดดัน นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ยังถูกกดดันจากการเปิดสาขาในประเทศอินเดียและกัมพูชาส่งผลให้กำไร CPALL อาจเติบโตช้ากว่าในอดีต
QH analyst meeting (ราคาปิด 3.50 ถือ Bloomberg Consensus 3.65)
2Q61 มีกำไร 849 ลบ.ทรงตัว QoQ +9%YoY แม้รายได้รวมลดลงสาเหตุหลักจากยอดโอนคอนโดฯป%YoY ส่วนรายได้ค่าเช่าและโรงแรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นโครงการอสังหาฯดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 35% จาก 27% ใน 2Q60 ประกอบกับความพยายามไส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับขึ้นสู่ 12% จาก 8%ใน 2Q60 งวด 1H61 มีกำไร 1,693 ลบ. +18%
ความเห็น คาดผลการดำเนินงาน 2H61 ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 3.7 พันลบ. +8% Yield 5.4%
+AOT งบไตรมาส 3 ฟันกำไรสุทธิ 6,434 ล้านบาท เติบโต 19% โชว์ยอดผู้โดยสาร 9 เดือนแรกสูง 106.2 ล้านคน หนุนผลงาน 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 19,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ฟากหุ้นสายการบิน THAI-AAV-NOK-BA แจ้งงบ Q2 ขาดทุนเหตุตลาดแข่งขันรุนแรง-ต้นทุนน้ำมันพุ่ง-ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนกดดัน(ที่มา ข่าวหุ้น)
+CK รายงานกำไร 2Q61 ที่ 541 ล้านบาท -19%YoY แต่ +79%QoQ รายได้ลดลง26% สู่ 1.49 หมื่นล้านบาทจากโครงการไซยะบุรีเข้าสู่ช่วงท้ายโครงการ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ระดับ 7.88% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 8%
ประเด็นบวกกลุ่มธนาคาร ธปท.เผยสินเชื่อแบงก์พาณิชย์ Q2/61 โต 5.4% สูงจาก 4.7% ใน Q1/61, คงคาดการณ์ทั้งปีขยายตัวราว 4-6%
- ROJNA แจ้ง 2Q61 ขาดทุน 65 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุน73 ล้านบาทใน 2Q60 แต่ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะพลิกมีกำไร 1H61 มีกำไร 87 ล้านบาท ลดลง 90%
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO12460