บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 14-08-18

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Tuesday, 14 August 2018 16:21; Hits: 4310

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้

กลับมาเน้นหุ้นขนาดกลางทื่เป็น Domestic Play

Smart Pick

เก็งกำไร TRUE

ราคาปิด 6.60 บาท

ราคาเหมาะสม 8.35 บาท

วันนี้ TRUE รายงานงบ 2Q61 คาดทำกำไรสุทธิหนุนจากรายการพิเศษ และจำนวนผู้ใช้บริการพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 5 ทิ้งห่างคู่แข่งลำดับที่ 3 อย่าง DTAC มากขึ้น

การไม่เข้าร่วมประมูลคลื่น 900MHz และ 1800MHz เรามองว่าเป็นบวกต่อสภาพคล่องและฐานะการเงินมากขึ้น อีกทั้งเงินสดรับสุทธิจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF สูงถึง 3.3 หมื่นล้านบาทช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในตลาดได้มากขึ้น

สะสม LPN

ราคาปิด 10.20 บาท

ราคาเหมาะสม 11.60 บาท

วันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2.5% สวนทาง SET INDEX -0.9% สะท้อนความมั่นใจต่อผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H61 บน Backlog ที่รองรับประมาณการของเราไปแล้ว 95% สูงสุดในกลุ่มฯ

นอกจากนี้เงินปันผลช่วยจำกัด Downside Risk ของราคาหุ้น โดยปันผลงวด 1H61 ที่ 0.20 บาท ขึ้น XD วันที่ 22 ส.ค. คิดเป็น Yield 2%

สะสม KKP

ราคาปิด 76.00 บาท

ราคาเหมาะสม 80.00 บาท

เราคาด SET INDEX วันนี้จะอ่อนตัวลงจากแรงกดดันกรณีตุรกี และการปรับลดน้ำหนักดัชนี MSCI Thailand ที่จะมีผล ณ วันซื้อขายสุดท้ายของเดือนนี้ กลายเป็นโอกาสของการเข้าสะสมหุ้นขนาดกลางที่มีปันผลเด่น อย่าง KKP

เราคาดปันผลงวด 1H61 ของ KKP ที่ 2.00 บาท คิดเป็น Yield 2.6% อีกทั้งกำไร 2H61 คาดเด่นเหนือกลุ่มธนาคาร จากงาน IB ที่รอรับรู้รายได้ ได้แก่ กองทุน TFF รวมทั้งหุ้น IPO เช่น โอสถสภา และโรงพยาบาลพระราม 9 ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ

เก็งกำไร ROBINS

ราคาปิด 63.50 บาท

แนวต้านทางเทคนิค 66.00 บาท

ราคาหุ้นยังปิดเหนือเส้น 200 วันที่ 63.50 บาทได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา คาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 65.00 บาท โดยมี Stop loss หากปรับตัวลงต่ำกว่า 60.50 บาท

รายงานกำไรปกติ 2Q61 ที่ 694 ล้านบาท +16% YoY ออกมาดีตามคาด ขณะที่ CPALL รายงานงบ 2Q61 ต่ำกว่าคาด จึงเชื่อว่า ROBINS อาจได้ประโยชน์จากการเกิด Stock Rotation ในกลุ่มค้า

Switch : Short SYNTEC // Long STEC

กลยุทธ์วันนี้

ประเด็นปัญหาในตุรกีกลายมาเป็นไฮไลท์ที่กดดันบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง สะท้อนได้จากค่าเงินลีราของตุรกีอ่อนค่าถึง 24% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และ 5-Year CDS Spread ของตุรกีเพิ่มขึ้นถึง 165bps แตะ 535bps ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา (10-13 ส.ค.) หลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กเท่าตัวเป็น 20% และ 50% ตามลำดับ ขณะที่ พื้นฐานเศรษฐกิจของตุรกีเปราะบาง ขาดดุลทั้งบัญชีเดินสะพัดและงบประมาณ (Twin Deficit) เป็นเวลานาน บนอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึง 11% และอัตราดอกเบี้ย 3 เดือนสูงถึง 14.96% ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนและการบริโภคภายในประเทศได้ ประเด็นนี้ตลาดกังวลต่อความเชื่อมโยงไปยังธนาคารพาณิชย์ในยุโรป เรามองว่ารัสเซีย / เยอรมัน / ECB จะยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือตุรกีในท้ายที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเข้าไปยังอียู

เรามองว่า SET INDEX วันนี้จะเปิดหลุดแนว 1700 จุดมาทดสอบแนว 1,670-1,680 จุดได้ จาก Sentiment เชิงลบดังกล่าว อย่างไรก็ตามในแง่ของผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจำกัดมาก เพราะสัดส่วนการส่งออกและนำเข้าระหว่างไทยและตุรกี คิดเป็นเพียง 0.5% และ 0.1% ของยอดรวมเมื่อปีที่ผ่านมาตามลำดับเท่านั้น

ภาพรวมการรายงานงบ 2Q61 วันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทที่รายงานกำไรปกติตามคาด ได้แก่ GULF/ EPG/ BANPU/ PTT/ ORI/ QH/ ROBINS/ JWD ส่วนบริษัทที่ต่ำกว่าคาด ได้แก่ SAT/ MBK/ SYNTEC/ CPF และมีเพียง BGRIM/ WHAUP/ STEC ที่ทำได้ดีกว่าคาด เรามองว่า การปรับเพิ่มประมาณการกำไรตลาดของ Consensus ค่อนข้างจำกัด

เชิงกลยุทธ์เราคงแนะนำสะสมหุ้นกลุ่ม Domestic Play เพื่อหลบความผันผวนของประเด็นในต่างประเทศ รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่ของตลาดที่ได้รับผลจาก MSCI โดยเรายังคงชอบกลุ่มอสังหาฯ/ ธนาคาร ที่กำไรออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ หรือหุ้นปันผลเด่น ได้แก่ KKP/ PSH/ TTW หรือกองทุน REIT/ IFF อย่าง CPNREIT/ HREIT/ DIF

HOT Topic

1. วิกฤติเศรษฐกิจในตุรกี จะส่งผลกระทบต่อไทยมากน้อยเพียงใด?

2. MSCI ประกาศเช้านี้ ไม่มีหุ้นไทยเข้า/ออก ในการคำนวณดัชนี

3. สัปดาห์สุดท้ายของการรายงานงบ 2Q61 จะเกิด Sell on Fact หรือไม่?

4. วิเคราะห์งบ 2Q61 หุ้นที่งบดีกว่าคาด ได้แก่ WHAUP, BGRIM, STEC ต่ำกว่าคาด ได้แก่ MBK, CPF, SAT, SYNTEC

ตลาดหุ้นไทยวานนี้

วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ปิดลบ 16.52 จุด มาอยู่ที่ 1705.96 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.5 หมื่นล้านบาท ถูกกดดันจากหุ้น CPALL (-3.72%), PTT (-1.43%), PTTEP (-2.12%) และ CPF (-5.14%) มีผลต่อดัชนีรวม -7.0 จุด และมีรายการ Big Lot หุ้น IVL และ BJC มูลค่าราว 3.0 พันล้านบาท และ 1.4 พันล้านบาท ตามลำดับ

กระแสเงินทุน : สถาบันในประเทศขายสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ขายสุทธิหนาแน่นถึง 5.1 พันล้านบาท แต่ในตลาด SET50 Index Futures สถาบันในประเทศและบัญชีบล.มีสถานะ Long สุทธิวันแรกในรอบ 4 วันทำการราว 4.2 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิราว 3.2 หมื่นสัญญา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 อีกราว 272 ล้านบาท รวม 10 วันทำการซื้อสุทธิทั้งสิ้นกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แต่มีสถานะ Short สุทธิ ในตลาด SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เพียง 477 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิสะสมราว 3.4 พันสัญญา เราประเมินว่าเป็นการปิดสถานะ Long บางส่วนเพื่อปิดความเสี่ยงเนื่องจาก QTD มีสถานะ Long สุทธิสูงถึง 8.9 หมื่นสัญญา

ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 2.1 พันล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้

สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากตุรกีขึ้นเป็น 50% และ 20% ตามลำดับ กดดันให้ค่าเงินลีราของตุรกีอ่อนค่าลงถึง 17% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

MSCI Quarterly Index Review ประกาศไม่มีหุ้นไทยเข้าออกจากการคำนวณดัชนีรอบนี้

OPEC รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 4.1 หมื่นบาร์เรล/วัน เป็น 32.3 ล้านบาร์เรล/วัน

เอกอัครราชทูตของสหรัฐฯเผย อังกฤษอาจได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากไม่ร่วมมือกับสหรัฐฯในการคว่ำบาตรอิหร่าน หลังรัฐบาลอังกฤษได้ลงนามแถลงการณ์ร่วมกับอียู ที่จะลดผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ ต่อภาคเอกชนของอียู

Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯที่มีการใช้งาน เพิ่มขึ้น 10 แท่น อยู่ที่ระดับ 869 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว

อังกฤษรายงาน GDP 2Q61 ขยายตัว 1.3%YoY เท่ากับคาดการณ์ของตลาด

สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ค. ขยายตัว 2.9%YoY เท่ากับคาดการณ์ของตลาด

สิงคโปร์รายงาน GDP 2Q61 ขยายตัว 3.9% YoY ชะลอตัวลงจากระดับ 4.5% YoY ใน 1Q61 และต่ำกว่าคาดการณ์จาก Reuters Poll ที่ระดับ 4.1% YoY

ติดตามการรายงาน GDP อียู ในวันที่ 14 ส.ค.

ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ อังกฤษ เดือนก.ค. ในวันที่ 15 ส.ค.

ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ อียู เดือนก.ค. ในวันที่ 17 ส.ค.

ADVANC และ INTUCH จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 15 และ 16 ส.ค. ตามลำดับ

ติดตามการประมูลคลื่นความถี่ 1800MHz วันที่ 19 ส.ค.

Strategist Team

Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050

Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060