- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 August 2018 21:35
- Hits: 6283
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
"ชะลอก่อนเข้าวันหยุดยาว "
SET Recap
SET ปิดที่ระดับ 1,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด (+0.05%) มูลค่าการซื้อขาย 47,875.60 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้รีบาวด์ขึ้น รับแรงหนุนจากกลุ่มแบงก์ ขณะที่กลุ่มพลังงานกดดันหลังราคาพลังงานปรับตัวลง สัปดาห์หน้าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายการประกาศงบฯ เมื่อเสร็จสิ้นก็อาจหันไปมองสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนต่อไป ซึ่งถ้ายังไม่ชัดเจนก็มีโอกาสที่หุ้นจะถูก Take Profit ออกมาบ้าง
SET Outlook
ประเมินดัชนีฯ แกว่งตัวกรอบแคบ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงก่อนเข้าวันหยุดยาว และตลาดกังวลสงครามการค้า ....... ความกังวลจากการที่สหรัฐฯ-จีน ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าใส่กัน มีผล 23 ส.ค.และยังไม่มีกำหนดว่าจะเจรจารอบต่อไปเมื่อใด ยังคงเป็นลบต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ (มากกว่าของไทย เพราะไทยถูกระบุว่าอาจได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต) ขณะที่ข่าวสหรัฐฯเตรียมคว่ำบาตรรัสเซีย กรณีวางยาพิษลอบสังหารอดีตสายลับ นั้นคาดไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย ราคาน้ำมันดิบ อ่อนตัวลง จากปัจจัยเดิมคือ supply สูงขึ้น เรามองว่าจะทำให้นักลงทุนรอดูทิศทางราคาน้ำมันว่าจะไปในทางใด วันนี้ดูแล้วจึงไม่เป็นบวกหรือลบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง ......... ปัจจัยในประเทศ วันนี้ คงเป็นเรื่องของการรายงานกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นไทย ต่อเนื่อง (สุดท้าย 14 ส.ค.) บริษัทที่รายงานกำไรมาแล้วจำนวน 247 บริษัท 33% ของบริษัททั้งหมด โดยกำไรของ SET ที่รายงานมาแล้ว 1.47 แสนล้านบาท +11% YoY และ -20% QoQ กำไรของบริษัทที่ รายงานมาแล้ว ต่ำกว่า ประมาณการกำไร จากผลสำรวจ Bloomberg อยู่ 4.3%
Recommendation
ทิศทางตลาดยังเป็น sideway up แต่เนื่องจากจะมีวันหยุดยาว และตัวแปรภายนอกประเทศไม่เอื้อต่อการซื้อ กลยุทธ์วันนี้ จะน่าจะชะลอการซื้อ หรือ "Hold" เพื่อให้ข้ามช่วงวันหยุดไปก่อน ..... ในการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นขนาดใหญ่ของแต่ละกลุ่ม คาดจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่าหุ้นขนาดเล็ก และควรให้ความสนใจกับการรายงานกำไรของบริษัทต่างๆด้วย เนื่องจากมีผลตรงต่อราคาหุ้น........ หุ้น top picks ของเราคงหุ้น PTT* , HANA , GULF ไว้ และเพิ่ม LH* , BTS* เข้ามาในวันนี้
Technical : AEONTS, JMART, CPT
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
Key Factors to Watch
นายกฯเป็นประธานประชุมคณะกรรมการอีอีซี (10 ส.ค.)
ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (10 ส.ค.)
ส่งงบวันสุดท้ายของ บจ. (14 ส.ค.)
MSCI review หุ้นคำนวณดัชนี MSCI (14 ส.ค.)
Story of the Day
ช่วงสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นช่วงของการรายงานกำไร 2Q-18 ของบริษัทในตลาด ซึ่งจะสิ้นสุด 14 ส.ค.18 จากการรวบรวม โดย KTBST กำไรบริษัทใน ณ 9 ส.ค. บริษัทใน SET รายงานกำไรมาแล้ว 1.47 แสนล้านบาท +11% YoY และ -20% QoQ ปี 2017 กำไรของ SET มีฐานที่ต่ำ ขณะที่ 1Q-18 หรือไตรมาสก่อนนั้น กำไรของบริษัทในกลุ่ม พลังงาน-ปิโตรเคมี ค่อนข้างสูงจาก margin และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งบางบริษัทมีกำไรส่วนนี้ลดลงจึงทำให้กำไรของตลาดลดลง QoQ ไปด้วย ........ หุ้นที่มีการนำส่งกำไรมาแล้วในงวดนี้ ที่มีกำไรโต ทั้ง YoY และ QoQ มากที่สุด อาทิ CKP, TPAC, IRPC, COMAN และ PTL
Today Stock Picks
HANA (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40 บาท)
แนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า เป็นปัจจัยที่เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ ..... HANA รายงาน กำไรสุทธิ 2Q18 ออกมาที่ 270 ล้านบาท (-60% YoY, -51% QoQ) โดยมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 236 ล้านบาท (HANA ทำ Forward เพื่อปกป้องค่าเงินผันผวนไว้ตลอดที่ 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าว จะได้กำไรปกติที่ 506 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-11% YoY, +39% QoQ) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยเติบโต QoQ มาจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2018 ที่ 2,084 ล้านบาท ลดลง 8% YoY โดยเรามองว่ากำไรปกติจะฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิในปีนี้จะได้รับแรงกดดันจากการทำ Hedging จึงยังคงแนะนำ ถือ ที่ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท (อิง PER 13.9 เท่า)...... ราคาที่เหมาะสม KTBST ให้ที่ 38 บาท …... (ราคาปิด 38.75 บาท )
Research Highlights
HUMAN (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 14.00 บาท)
"คาดลูกค้าใหม่ + Economy of scale หนุนกำไร 2Q18 โตโดดเด่น"
คาดกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 35 ล้านบาท (+20% QoQ, +99% YoY) หนุนโดยรายได้การติดตั้ง Software และรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากลูกค้ากลุ่ม ICT ราว 1 หมื่นคน รับประโยชน์ Economy of scale ที่มากขึ้นส่งผลให้ GPM ขยายตัวโดดเด่นแตะระดับ 43% (+120 bps QoQ, +1050 bps YoY) ในขณะที่ 2H18 ผู้บริหารเผยเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องเสริมบริการ HR outsourcing ให้ครบวงจรมากขึ้น และอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้ารายใหญ่ในหลายอุตสหกรรมซึ่งมี Potential กว่า 3 หมื่นราย มั่นใจฐานลูกค้าขยายได้ตามเป้าในปีนี้ที่ตั้งไว้ 5 หมื่นราย เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 14.00 บาท
PLANB (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท)
"กำไรสุทธิ 2Q18 เติบโตโดดเด่น"
PLANB ประกาศกำไรสุทธิ 2Q18 เติบโตโดดเด่น อยู่ที่ 152.6 ล้านบาท เพิ่ม 26.2%YoY และ 9.6%QoQ ใกล้เคียงกับตลาดคาดแต่ต่ำกว่าเราคาด หนุนโดย 1) เม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว 2) การขยาย Media capacityใน 1H18 อยู่ที่ 5.8%YoY 3) Gross profit margin expansion อยู่ที่ 36% จาก Utilization rate ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 71.9% แม้กำไรสุทธิ 1H18 คิดเป็น 46% ของกำไรสุทธิปี 2018 แต่เรามองว่าแนวโน้มสื่อ OOH ใน 2H18 ยังคงขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง จากเม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัว และเป็น High season ของกลุ่มสื่อ OOH เราจึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 อยู่ที่ 639 ล้านบาท เพิ่ม 39% YoY ปัจจุบัน PLANB เทรดอยู่ที่-1SD PER Avg. of 38.8x เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท อิง DCF
SMT (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท)
"กำไรสุทธิ 2Q18 ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 2H18 เติบโตก้าวกระโดด"
กำไรสุทธิ 2Q18 ออกมาที่ 12 ล้านบาท พลิกมากำไรจาก 2Q17 ที่ขาดทุนสุทธิ 230 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 102% QoQ สูงกว่าที่เราคาด 20% ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมียอดขายเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งเงินบาทอ่อนค่า QoQ และค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง ทั้งนี้ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 113 ล้านบาท พลิกกลับมาทำกำไร ถึงแม้ว่าประมาณการกำไรสุทธิใน 1H18 จะคิดเป็นเพียง 16% ของประมาณการทั้งปีของเรา แต่เรามองว่าแนวโน้มกำไรสุทธิใน 2H18 จะเติบโตก้าวกระโดดจากลูกค้าเพิ่มขึ้น และสัดส่วนสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น โดยเราประเมินราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 3.80 บาท (อิง PER เฉลี่ยของกลุ่มที่ 16.5 เท่า) และให้คำแนะนำ ซื้อ
CHG (ถือ, ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท)
"กำไรปกติ 2Q18 ใกล้เคียงตลาดคาด มองครึ่งปีหลังโตต่อ"
CHG รายงานกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% YoY แต่ลดลง 8% QoQ ซึ่งมีรายการพิเศษจากการกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ได้บันทึกไปเมื่อ 4Q17 หากไม่รวมจะได้กำไรปกติที่ 151 ล้านบาท เติบโต 27% YoY แต่ลดลง 12% QoQ โดยเติบโต YOY จากรายได้จากคนไข้เงินสดเพิ่มขึ้นทั้ง IPD และ OPD รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว เราจึงมีการปรับบประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ขึ้นมาที่ 737 ล้านบาท เติบโต 10% YoY โดยกำไรสุทธิใน 1H18 คิดเป็น 48% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา โดยมองว่า 2H18 เป็นช่วง High season ของธุรกิจ ทั้งนี้เราปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 2.50 บาท (วิธี DCF) เดิม 2.40 บาท โดยกำไรในปี 2019 ยังโตไม่โดดเด่นเหมือนเทียบกับกลุ่ม จึงแนะนำเพียง ถือ
HANA (ถือ, ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท)
"กำไรปกติ 2Q18 ฟื้นตัวดีขึ้น มอง 2H18 ฟื้นตัวต่อเนื่อง"
กำไรสุทธิ 2Q18 ออกมาที่ 270 ล้านบาท (-60% YoY, -51% QoQ) โดยมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 236 ล้านบาท (HANA ทำ Forward เพื่อปกป้องค่าเงินผันผวนไว้ตลอดที่ 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าว จะได้กำไรปกติที่ 506 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-11% YoY, +39% QoQ) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยเติบโต QoQ มาจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2018 ที่ 2,084 ล้านบาท ลดลง 8% YoY โดยเรามองว่ากำไรปกติจะฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิในปีนี้จะได้รับแรงกดดันจากการทำ Hedging จึงยังคงแนะนำ ถือ ที่ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท (อิง PER 13.9 เท่า)
PSH (ถือ, ราคาเป้าหมาย 24.00 บาท)
"กำไรสุทธิ 2Q18 ดีกว่าคาดแต่ยังไม่เด่น โดยจัดเป็นหุ้นปันผลสูง"
PSH รายงานกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 1.56 พันล้านบาท ลดลง 10% YoY แต่เพิ่มขึ้น 81% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 12% และ 9% ตามลำดับ จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าที่เราคาดไว้ ทำให้เรามีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ขึ้นจากเดิมเล็กน้อยราว 4% เป็น 5.9 พันล้านบาท เติบโต 8% YoY โดยกำไรสุทธิ 1H18 คิดเป็นสัดส่วน 41% จากกำไรสุทธิที่เราคาดทั้งปี โดยเรายังประเมินกำไรสุทธิ 2H18 จะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ HoH เนื่องจากมีคอนโดใหม่เริ่มโอนมากขึ้น และส่วนใหญ่ทำยอดขายได้ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ เรามีการปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 24 บาท จากเดิมที่ 23 บาท ยังอิง PER ราว 9 เท่า คงคำแนะนำ ถือ โดย PSH ยังจัดเป็นหุ้นปันผลเด่น โดยประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H18 ที่ 0.55 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 2.5% และคาดรวมทั้งปีจะอยู่ที่ 6.3%
AAV (ถือ, ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท)
"2Q18 พลิกเป็นขาดทุน จากต้นทุนน้ำมันขึ้น + การแข่งขันรุนแรง"
ผลการดำเนินงาน 2Q18 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 306 ล้านบาท แย่ลงมากทั้ง YoY และ QoQ โดยได้รับผลกระทบหลักๆ จากต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ตามทิศทางราคาน้ำมันเครื่องบินในตลาดโลก รวมถึงค่าตั๋วโดยสารเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากเป็นช่วง low season ทำให้การแข่งขันด้านราคากลับมารุนแรงขึ้น จากผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวมากใน 1H18 ส่งผลให้เรามีการปรับลดกำไรสุทธิปี 2018 ลงจากเดิม 50% เป็น 850 ล้านบาท ลดลง 42% YoY โดยเราคาดว่า 3Q18 อาจยังขาดทุนต่อ เนื่องจากยังอยู่ในช่วง low season แต่คาดว่าจะกลับมามีกำไรสุทธิโดดเด่นในงวด 4Q18 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว เรามีการปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 4.90 บาท จากเดิม 6 บาท แนะนำ ถือ อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้ม 3Q18 ที่อาจยังขาดทุนต่อ จะเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้น
CPALL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 88.00 บาท)
"กำไรต่ำกว่าคาดแต่ขยายสาขาได้ตามแผน"
กำไร 2Q18 ที่ 4,779 ล้านบาท +2.8%YoY, -11.8%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด อัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากสินค้ากลุ่มที่มียอดขายเติบโตสูง เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นน้อย กำไร 1H18 คิดเป็น 43% ของกำไรปี 2018 เราปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นลงจาก 22.4% เหลือ 22.0% ทำให้ได้กำไรปี 2018 มาอยู่ที่ 22.4 พันล้านบาท ลงจากประมาณการเดิม -6% เนื่องจากมีส่วนผสมของสินค้าอัตรากำไรต่ำเพิ่มขึ้น แต่ยังขยายสาขาได้ตามแผน ราคาหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงในระยะสั้นจากความผิดหวังผลกำไร เราประเมินมูลค่าอิงDCF ได้ราคาเหมาะสมที่ 88 บาท ปรับลงจากเดิมที่ 93 บาท เป้าหมายอยู่ที่ PER 34 เท่า(+0.5SD) สะท้อนธุรกิจที่ยังเติบโตและdefensive ราคาปัจจุบันอยู่ที่ -0.5SD ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
LPN (ถือ, ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท)
"กำไรสุทธิ 2Q18 ยังน่าผิดหวัง แต่คาดแนวโน้มจะดีขึ้นใน 2H18"
กำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 249 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่ลดลง 16% QoQ ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 16% และ 11% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากยอดรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดที่ต่ำกว่าคาด และค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้เรามีการปรับลดกำไรสุทธิปี 2018 ลงจากเดิม 4% เป็น 1.38 พันล้านบาท ยังเติบโตสูง 29% จากฐานกำไรสุทธิที่ต่ำในปีก่อน โดยกำไรสุทธิ 1H18 จะคิดเป็นสัดส่วน 40% จากที่เราคาดทั้งปี ซึ่งเราคาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นในงวดครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะ 4Q18 ที่คาดว่าจะเติบโตโดดเด่น เนื่องจากจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอน 2 โครงการ และแนวราบ 2 โครงการ ทั้งนี้ เรามีการปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 11 บาท จากเดิม 11.70 บาท ยังแนะนำ ถือ รอการฟื้นตัวที่ชัดเจนใน 4Q18
PTTGC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 107.00 บาท)
"2Q18 ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อยแต่ครึ่งปีหลังยังแนวโน้มดี"
PTTGC: ประกาศกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 10,828 ล้านบาท (+64.0% YoY, -12.6%QoQ) ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย กำไรที่โต YoY มาจากปริมาณ และราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน การลดลงQoQ มาจากค่าการกลั่นที่ลดลงจากอุปทานที่มากขึ้นของโรงกลั่นในภูมิภาค กำไรจากสต็อกน้ำมันสูงตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ P2F Marginของอะโรเมติกส์ปรับตัวลงจากอุปทานใหม่ แต่โอเลฟินส์ยังอยู่ในสถานการณ์ดีจากอุปทานยังตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงงานคู่แข่ง ค่าการกลั่นและสเปรดโอเลฟินส์ยังมีแนวโน้มดีใน 2H18 และจะเข้าสู่ Hurricane seasonในช่วง3Q18 แต่ยังต้องติดตามระวังธุรกิจอะโรเมติกส์ อนึ่ง PTTGC อยู่ระหว่างการซื้อกิจการ PET, PTA เพื่อต่อยอดธุรกิจ เราประเมินมูลค่าอิง EV/EBITDA2018 ที่ 7x ได้ราคาเหมาะสมที่ 107 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"
SSP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท)
"กำไร 2Q18 เติบโตโดดเด่น และดีกว่าตลาดคาด"
ประกาศกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 153 ล้านบาท (+43% QoQ, +38% YoY) หนุนโดยการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากโครงการโซล่าร์ฟาร์ม Hidaka ในญี่ปุ่นกำลังการผลิต 15MW ส่งผลให้กำลังการผลิตรวม ณ สิ้นไตรมาสอยู่ที่ 56MW ทั้งนี้โครงการอื่นในปี 2018 ที่จะ COD ในช่วง 2H18 เดินหน้าตามแผนกำลังการผลิตรวม 14 MW คาดหนุนกำไรทั้งปีอยู่ที่ 562 ล้านบาท (+20% YoY) เติบโตโดดเด่น เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 11.00 บาท
IRPC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท)
"ผลประกอบการเป็นดังที่คาด"
IRPC รายงานกำไรสุทธิที่ 4,050 ลบ.+229.7%YoY, 47.2%QoQ กำไรที่โตมาจากปริมาณ และราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ค่าการกลั่นที่ลดลงจากอุปทานที่มากขึ้นของโรงกลั่นในภูมิภาคที่กลับมาดำเนินการหลังซ่อมบำรุง กำไรจากสต็อกน้ำมันสูง ขณะที่ P2F Marginของอะโรเมติกส์ปรับตัวลงจากอุปทานใหม่ในซาอุฯและเวียดนาม แต่ในส่วนของโอเลฟินส์ยังอยู่ในสถานการณ์ดีจากอุปทานยังตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงงานในตะวันออกกลาง IRPC ยังคงมีจุดเด่นของการเป็นผู้ผลิตครบวงจร รวมถึงโครงการเพิ่มมูลค่า UHV, PPC, Beyond Everest จะส่งผลดีในระยะยาว อิงวิธี EV/EBITDA ปี 2018 ที่ 8.7 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 7.7 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"
TKN (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท)
"กำไรสุทธิ 2Q18 ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด"
TKN รายงานกำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 154 ล้านบาท เติบโต 13.5%YoY, 1.2% QoQ และกำไรปกติอยู่ที่ 143 ล้านบาท ลดลง 2.72%YoY และ 10.6% QoQ ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 13% ส่งผลจาก1)รายได้จากต่างประเทศที่เพิ่ม 6.4%YoY แต่ลดลง 6.6%QoQ 2) รายได้จากตลาดในประเทศเติบโตโดดเด่น 17.9%YoY, 12.3% QoQ 3) Gross profit margin ขยายตัวอยู่ที่ 32.2% จาก 31.7%ใน 2Q17 หนุนโดยต้นทุนสาหร่ายที่ปรับตัวลดลง 4) SG&A to total sales เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20%จากค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น กำไรปกติ 1H18 คิดเป็น 38.3%ของประมาณการทั้งปี เรามองว่าแนวโน้มกำไรปกติใน 2H18 จะเติบโตโดดเด่น หนุนโดย1)รายได้ต่างประเทศที่เติบโตโดดเด่น เนื่องจากเป็น High season 2) ต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง 3)Utilization rate ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ TKN ประกาศจ่ายปันผล 0.17 บาท XD วันที่ 23 ส.ค. 2018 เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท อิง DCF
Mongkol Puangpetra & Fundamental Research Team
OO12358