- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 July 2018 16:58
- Hits: 11109
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
"รอผลประชุมหลายแห่ง แต่ดอลลาร์อ่อน-น้ำมันดีดแรง"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวันศุกร์ - SET Index ปรับเพิ่มต่อ 11.79 จุด ปิดที่ 1701.87 จุด ใกล้ยอดสูงสุดของวันที่ 1702.30 จุด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค มูลค่าซื้อขายไม่มากที่ 49.5 พันล้านบาท การที่ดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1700 ได้ ถือเป็นสัญญาณดี ปัจจัยบวกคือ อียูกับสหรัฐเจรจาการค้ามีความคืบหน้ายุติเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง บาทแข็งค่า เงินไหลเข้า และน้ำมันขึ้น หุ้นกลุ่มหลักปรับขึ้นดี โดยเฉพาะพลังงานและธนาคาร ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ ต่างประเทศ 2.3 พันล้านบาท สถาบัน 1.5 พันล้านบาท ด้านผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 3.6 พันล้านบาท.และ บัญชีหลักทรัพย์ 0.2 พันล้านบาท ด้านยอดสะสมตั้งแต่ 1-26 ก.ค.61 ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 35.0 พันล้านบาท ด้านผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 16.1 พันล้านบาท ต่างประเทศ 12.4 พันล้านบาท.และ บัญชีหลักทรัพย์ 6.5 พันล้านบาท
แนวโน้มและกลยุทธ์- ระยะสั้น SET มีโอกาสแกว่งแคบมากขึ้น หลังรอผลประชุมหลายแห่งคือ เฟด BoJ และ BoE แต่ปัจจัยที่เป็นบวกคือ ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง บาทแข็งค่า เงินไหลเข้า และน้ำมันขึ้น ปัจจัยภายในประเทศก็ยังค้ำจุนอยู่ ได้แก่ภาวะเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ และเก็งกำไรไตรมาส 2 หลักทรัพย์กลุ่ม non-bank หลังกลุ่มแบงค์ดีกว่าคาด แต่ยังควรต้องระวังแรงขายทำกำไรสลับออกมา หลัง SET ขึ้นมาแรง ติดตามอียู เจรจาสหรัฐเรื่องภาษีรถยนต์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ยังปรับขึ้นต่อ ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่ลบแคบๆ ดาวโจนส์ล่วงหน้า +10 จุด (8.19 น.) น้ำมันเช้านี้ปรับลงเล็กน้อย ส่วนปัจจัยบวกเดิมที่ค้ำอยู่คือ การคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานสหรัฐโดยรวมจะออกมาดี ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ภาพใหญ่ที่ดีคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ แต่หากทรัมป์ถูกต่อต้านจนต้องกลับมาเจรจาก็จะเป็นแรงดีดกลับของ SET ได้ กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) หรือหุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1670-1730 จุด หากสามารถยืนเหนือกว่า 1700 จุดได้ จะเป็นสัญญาณที่ดี
Update หุ้นเด่น : KKP - สินเชื่อขยายตัวสูง โดยสินเชื่อ 1H61 เติบโตสูงถึง 10.2%YTD ถึงเป้าหมายของปีนี้ที่ 10% ไปแล้ว คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โดย NPL Ratio ยังลดลงต่อ ณ สิ้นมิ.ย.61 อยู่ที่ 4.5% (จาก 5.0% ในสิ้นปี 60 และ 5.6% ในสิ้นปี 59) ประมาณการเงินปันผลปีนี้ไว้เท่าปีก่อนที่ 5 บาท (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) ซึ่งให้ Yield สูงถึง 6.8% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 92 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 1.7 เท่า มีส่วนเพิ่มอีก 26%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวก แต่พร้อมกับเป็นลบได้ ส่วนความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1710-1720, 1730 โดยมีแนวรับที่ 1670-1660
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น SCB,AMATA,DELTA,TPIPP,IVL,AH,ROBINS,SSP ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ IRPC,CPT,INTUCH,GFPT,HMPRO หุ้นที่หลุด List - และที่ให้หาจังหวะ Take profit คือ JWD,KKP,ORI,MINT,BEC
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO11895