- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 July 2018 17:21
- Hits: 4769
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“อาจมีแกว่งก่อนหยุดยาว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – เมื่อวานนี้มีแรงขายทำกำไรแบงค์เช่น KBANK, SCB, TCAP, TISCO, KKP และหุ้นพลังงาน แต่ SET Index ไม่ได้อ่อนลงมาก (-1.53 จุด ปิดที่ 1674.22) เพราะการปรับขึ้นของหุ้นใหญ่อย่าง SCC, AOT, BBL, KTB, BDMS ช่วยพยุงไว้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.3 พันล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
แนวโน้มและกลยุทธ์ – ตลาดยังให้น้ำหนักกับการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q และติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นและภาคบริการเดือนก.ค.61 ซึ่งของสหรัฐและเยอรมนีออกมาแล้วและอยู่ในระดับดีแม้ภาคบริการจะโตชะลอไปบ้างก็ตาม ค่า VIX ในตลาดหุ้นสหรัฐยังต่ำที่ 12.4% ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 94.5-94.6 สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจแกว่งจากนักลงทุนขายลดความเสี่ยงออกไปก่อนหยุดยาว แต่ถ้าดัชนีไม่หลุด 1650 จุด (ซึ่งเป็นระดับใกล้กับค่าเฉลี่ย 10 วันและระดับจิตวิทยา) ก็ยังไม่น่ากังวลนัก แต่ถ้าต่ำกว่าระดับดังกล่าวอาจต้องลดพอร์ตตามโดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย
Update หุ้นเด่น : TMB –ระยะสั้นราคามีสิทธิรีบาวด์หลังร่วงแรงเมื่อประกาศกำไร 2Q61 ต่ำกว่าคาดและนักวิเคราะห์ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ & รายได้ค่าธรรมเนียมลง ทำให้กำไรสุทธิปีนี้จะทรงตัว-ขยายตัวเพียงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน 2.24 บาท ซื้อขายที่ P/BV ปีนี้ที่ 1.0 เท่า แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี ทาง DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 2.67 บาท มี Upside 19%
TCAP – ประกาศซื้อหุ้นคืนใช้เงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 0.9 เท่า และธนาคารทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะซื้อหุ้นคืนโดยไม่กระทบต่อการดำเนินงาน ทาง DBS แนะนำซื้อ TCAP ให้ราคาพื้นฐาน 62 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลงตามโครงสร้าง แต่สั้นๆอาจมีรีบาวด์ก่อนได้ เน้นซื้อค่าบวก แนวต้าน 1680-1690, 1700 Stop Loss ถ้าต่ำกว่า 1670 จุด แนวรับ 1650+/-
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น SCCC, SEAFCO, SGP, WORK, AOT, CPT, TKN ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ MONO, IRPC, JWD หุ้นที่หลุด List คือ MTC, GULF, ROBINS และที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น RS, SCC, CK, SAWAD
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.ปรับขึ้น ส่วน PMI ภาคบริการอ่อนลงเล็กน้อย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ 55.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.4 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค. อยู่ที่ 56.2 ชะลอจาก 56.5 ในเดือนมิ.ย. แต่ยังสูงกว่า 50
+/• เยอรมนี : ดัชนี PMI ภาคบริการชะลอตัวลงแต่ภาคการผลิตเพิ่มขึ้น
ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.ของเยอรมนี อยู่ที่ 54.4 ลดลงจาก 54.5 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 54.6 แต่ดัชนียังคงเหนือ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้นแตะ 57.3 จาก 55.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 55.5
• ญี่ปุ่น : อาจลดการใช้มาตรการผ่อนคลายการเงิน
ค่าเงินเยนแข็งขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐหลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ทางการญี่ปุ่นจะลดการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินลง ทำให้ Gap ระหว่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐกับดอกเบี้ยญี่ปุ่นจะแคบลง
+ จีน : รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
รัฐบาลจีนได้เปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูอุปสงค์ภายในประเทศ ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดด้านการค้ามีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง โดยจะมีทั้งการปฎิรูปภาษีและการลงทุน ทั้งนี้เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากภายนอก รวมทั้งจะพยายามในการรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่ "สมเหตุสมผลและเพียงพอ"
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 197.65 จุด
ดัชนี DJIA ปิดที่ 25,241.94 จุด +197.65 จุด หรือ +0.79% ดัชนี S&P500 ปิด +13.42 จุด หรือ +0.48% แต่ดัชนี Nasdaq ปิด -1.10 จุด, -0.01% ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนจากกำไรที่แข็งแกร่งของบจ. เช่น อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล, ไบโอเจน, เอลี ลิลลี แอนด์ โค, ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์, เวอไรซอน คอมมูนิเคชันส์
+ ตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นรับคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบร่วง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ปิด +63 เซนต์ หรือ +0.9% ปิดที่ 68.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ปิด +38 เซนต์ หรือ +0.5% ปิดที่ 73.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยบลูมเบิร์ก ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล และรัฐบาลสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
• ตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาทรงตัว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ -0.01% ปิดที่ 1225.5 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากในช่วงนี้นักลงทุนหันไปเก็งกำไรผลประกอบการในตลาดหุ้น
ปัจจัยในประเทศและข่าวอุตสาหกรรม
+/- E-Commerce ไทยโตแกร่ง
เอ็ตด้าเปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจ E-Commerce ไทยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท (+6.8%YoY) โดยบีทูซี (แบบธุรกิจสู่ผู้บริโภค) ขยายตัวสูงต่อเนื่องจากปี 60 ที่เติบโต 28.9%YoY ซึ่งไทยมีมูลค่าธุรกิจบีทูซีสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน รองลงไปเป็นมาเลเซีย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย
ผลกระทบ : เป็นทั้งบวกและลบ โดยเป็นบวกระยะยาวกับธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับ E-commerce เช่น บรรจุภัณฑ์ขนส่งและโลจิสติกส์ สื่อสารและโทรคมนาคม แต่เป็นลบกับธุรกิจดั้งเดิม เช่น ร้านค้าปลีกดั้งเดิม, ธุรกิจให้เช่าพื้นที่, โรงภาพยนตร์ เป็นต้น ส่วนธุรกิจภาคการเงิน จะเป็นลบในระยะสั้นที่รายได้ค่าธรรมเนียมแบงค์จะลดลง ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายลงทุนสูงขึ้น แต่ก็เป็นบวกในระยะยาวที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้จะต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งจะไปชดเชยกับรายได้ที่หายไปได้
+ ครม.อนุมัติ 3 มาตรการช่วยเหลือชาวนา วงเงิน 9.79 หมื่นล้านบาท
ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 61/62 ทั้งหมด 3 โครงการ โดยจะดูดซับข้าว 9 ล้าตัน วงเงินรวม 9.79 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เพื่อดูแลให้ชาวนามีหลักประกันราคาข้าวที่ดีขึ้น ซึ่งหากรายได้ภาคการเกษตรมีเสถียรภาพก็จะช่วยให้การบริโภคภายในฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์& กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]
OO11760