- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 July 2018 18:09
- Hits: 2832
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Sideways up
เมื่อวานหุ้น แบงก์ใหญ่อย่าง BBL KTB KBANK ขึ้นพยุงดัชนีฯ จากกำไรดีกว่าคาด แต่ที่บวกแรงกว่า คือ โรงกลั่น TOP ESSO SPRC IRPC BCP (รับอานิสงส์ ค่าการกลั่นขึ้น-น้ำมันดิบซึ่งเป็นต้นทุนในการกลั่นปรับลง) และหุ้นกลาง-เล็ก บวกแรง เช่น MALEE TIPCO ASIAN ASAP LST ฯลฯ
คาดแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้ Sideways up ต่อ ส่วนประเด็นการลงทุนที่น่าจับตามองช่วงนี้นอกจากการเก็งงบ คือ ผลกระทบต่อราคาหุ้นที่เชื่อมโยง กับการเร่งดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของจีน โดนตอนนี้ผลแรกที่เห็นได้ชัด คือ ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว...
ระยะสัปดาห์ คาดตลาดหุ้นไทย จะ Sideways up ส่วนหุ้นรายตัวคาด ขึ้น-ลง ตามงบที่ทยอยประกาศ ขึ้นอยู่กับว่าจะออกมา ดีหรือแย่กว่าคาด ทั้งนี้เรา เชื่อว่าหุ้นใหญ่อย่าง SCC นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีการปรับลดคาดการณ์กำไรลงมาโดยตลอดทางดังนั้นกำไรไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้แล้ว ขณะที่ปัจจัยในต่างประเทศ ไฮไลท์อยู่ที่ การเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ อียู 25 กค. ว่าจะมีข่าวดีหรือไม่ และจะเป็น สัญญาณชี้นำถึง โอกาสในการ นำ สหรัฐฯ-จีน กลับคืนสู่โต๊ะเจรจาการค้าในระดับทวิภาคี รอบใหม่
What to watch :
(+) ปธน.ทรัมป ส่งสัญญาณแทรกแซง FED เรื่องการขยับดอกเบี้ยขึ้น ว่าจะเป็นอุปสรรค์ต่อ นโยบายเศรษฐกิจที่ ปธน.ทรัมป กำลังผลักดัน...
(+/-) จับตาการเจรจาการค้า ระหว่าง สหรัฐ-EU ในวันที่ 25 กค.นี้ แผนเก็บภาษีรถยนต์ยุโรป / ถ้ามีสัญญาณบวกจากการเจรจาครั้งนี้ เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมจะรีบาวด์ เพราะมองว่า กรณี สหรัฐฯ-จีน น่าจะมีการ เจรจาในระดับ ทวิภาคี ตามมา
(+) ล่าสุด จีน อัดฉีดสภาพคล่องเข้าในระบบเพิ่มอีก 5.02 แสนล้านหยวน (2.5 ล้านล้านบาท) เป็นการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายครั้งใหญ่ในรอบ 4 ปี ส่งผลค่าเงินหยวนอ่อนค่าเทียบกับดอลล์สหรัฐฯแล้วเกือบ 6% ภายในเวลาแค่ 3 เดือน (จาก US/RMB 6.2 ขึ้นมาเป็น 6.8) และมีท่าทีว่าจีนจะดำเนินการแทรกแซงต่อ หนุนให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าต่อไปอีก / (+) SGP คาดสต็อกแก๊สในคลังสำรองที่จีน ได้ประโยชน์โดยตรง (-) ส่วนหุ้นสินค้าบริโภคที่ขายในจีน กระทบจาก sentiment เชิงลบ เพราะกำลังซื้อสินค้าต่างประเทศ ของจีนมีแนวโน้มชะลอลง ช่วงสั้นๆ
(+/-) คาดหุ้นที่จะรายงานกำไรในสัปดาห์นี้ ได้แก่ SCC DELTA GLOW PTTEP / คาดการณ์กำไร 2Q-3Q18 บจ.ที่เราศึกษาที่คาดว่าจะรายงานกำไร เติบโตสูงทั้ง y-y และ q-q ใน 2Q18 ต่อเนื่องถึง 3Q18 ได้แก่ RS SC HUMAN GOLD PLANB MTC BCH TKN ANAN GPSC CPF BAY TK STANLY
(0/-) ช่วงนี้ต่างชาติขายน้อยลง แต่ครึ่งหลังเดือน สค. "อย่าลืมว่า" MSCI-EM จะมีการปรับน้ำหนักหุ้นรอบ 2 โดยน้ำหนักหุ้นจีนจะขึ้นอีก 0.75% (คาดอาจมีผลต่อแรงขายหุ้นไทย ในช่วงครึ่งหลัง เดือน สค. แต่ไม่หนักเท่ารอบแรก เมื่อ เดือน พค.ที่ผ่านมา)
หุ้นแนะนำ
SAWAD เป็นอีกหนึ่งหุ้นในกลุ่ม การเงิน ที่น่าจะได้ประโยชน์จาก การเลื่อน IFRS9 (ภาระในการตั้งสำรองระหว่างปี 2018-19 จะลดลง) และ ราคาหุ้นเริ่มยืนได้หลังจาก โดน Drawdown มาเกิน 50% คาดงบ 2Q18 จะดีขึ้น q-q (เทียบ 1Q18 ที่ 564 ลบ.) และมีแนวโน้มดีขึ้นอีก ในครึ่งหลังปีนี้ จากการเลื่อน IFRS 9
SGP คาดคลังแก็สในจีน รับอานิสงส์ จาก รัฐบาลจีนอัดฉีดสภาพคล่องในประเทศ หนุนให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าอย่างมีนัยยะ
STEC ซื้อดักสัปดาห์หน้า รางคู่ส่วนต่อขยาย จะเข้า ครม.
ASAP เปิดขายรถมือสองผ่าน ASAP AUTO PARK แล้ว หลังลงเยี่ยมชมสถานที่ เราพบว่ายอดขายมีแนวโน้มเป็นไปตามที่เราคาด และจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ตามที่เราประเมิน
รายงานวันนี้
Bank : Earnings beat on lighter LLP; recovery ahead
กำไร 2Q18 ของธนาคารที่เรา cover อยู่ 9 แห่ง (BBL KTB KBANK SCB BAY TMB TCAP TISCO KKP ) เพิ่มขึ้น 17.5%YoY และ 1.8%QoQ มาเป็น 5.25 หมื่นล้านบาท กำไรมากกว่าคาด 14% หลักๆเกิดจากการตั้งสำรองน้อยกว่าคาด เพราะ NPL ลดลงไป 0.7%QoQ สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียม (Non-NII) ยังคงเพิ่มขึ้น 3.2%YoY และลดลงเพียง 4%QoQ เท่านั้น ซึ่งเรามีโอกาสปรับรายได้ค่าธรมเนียมโดยรวมขึ้นสำหรับธนาคาร BAY BBL KBANK KTB และ KKP เราปรับน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มขึ้นเป็น OVERWEIGHT โดยเลือก BBL และ KKP เป็น top pick
Automotive : Engine check
ตัวเลขยอดขายรถยนตร์ในประเทศยังเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดยอดขายในเดือน มิ.ย. เติบโตได้ 25% YoY ในด้านของภาพกำไรเราประเมินกำไรใน 2Q18 ของหุ้นที่เราดูแล 4 ตัวอยู่ที่ 902 ล้านบาท เติบโต 20% YoY (แต่ลดลง 54% QoQ จากปัจจัยด้านฤดูกาล) โดยปัจจัยหนุนมาจากยอดขายที่เติบโตแข็งแกร่ง และ อัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัว เราคาด AH จะรายงานกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ 36% YoY เรายังคง Overweight กลุ่ม และชอบ AH มากที่สุด
Flow Tracker : ต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 18 แต่แรงขายชะลอตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 36 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแรงขายลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ขาย 170 ล้านเหรียญ สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดซื้อสุทธิ 35 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองโดยสัปดาห์ก่อนหน้าค่างชาติซื้อสุทธิ 218 ล้านเหรียญ ดัชนี Volume Flow ของตลาดหุ้นไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวจากแดน Oversold ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม โดยกลุ่มที่มีสัญญาณของแรงซื้อเข้ามาได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ธนาคาร และ สื่อสาร
Quantitative Strategy : กระทิงฟื้นคืนชีพ
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารประกาศออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ เนื่องจาก 1) ค่าความผันผวนของตลาดปรับลดลงในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาและแบบจำลองของเราคาดการณ์ว่าค่าความผันผวนดังกล่าวจะยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า 2) ดัชนี Volume Flow ฟืนตัวจากแดน Oversold แล้ว 3) ดัชนี Bull2Bear ทั้งระยะสั้นและระยะกลางดีดตัวกลับจากระดับกรอบล่าง ชี้ว่าภาวะตลาดกระทิงกำลังแข็งแกร่งขึ้น 4) ดัชนีชี้วัดโมเมนตัมระยะสั้น (Short-term Momentum Strength Index) กลับมามีโมเมนตัมและคาดว่าจะเคลื่อนเข้าสู่แดนบวกภายในต้นเดือนสิงหาคม ดังนั้น เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งหลังจากกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป หุ้นที่เพิ่มเข้าพอร์ต: BCPG, PTTGC, SAWAD, TOP
หุ้นมีข่าว
(+) STEC CK ประชุม ครม. สัปดาห์หน้า คาด รฟท. จะยื่นให้ พิจารณา และ อนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กม. มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ หลังจากนั้นจึงออก TOR ภายใน 2-3 เดือน จากนั้นเปิดให้ประมูลปลายปีนี้ ส่วนรถไฟทางคู่อีก 8 เส้นทาง (เส้นใหม่ 1 อีก 7 เส่น เป็นส่วนต่อขยาย) โดยมีเปาหมายให้เกิดการประมูลโครงการทั้งหมดในช่วงต้นปีหน้า ตามลำดับความเร่งด่วน (ที่มา ASPEN)
(+) สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-นครราชสีมา ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนนั้น มูลค่างาน 5 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถออกหนังสือเชิญชวนประกวดราคาได้ในเดือน ส.ค.นี้ และคาดว่าจะเคาะราคาได้ผู้ชนะในเดือน พ.ย.นี้ โดยทั้งนี้จะรอการประชุมไทยจีน ครั้งที่ 25 ในวันที่ 7-9 ส.ค.นี้ที่กรุงปักกิ่ง หลังจากนั้จะนำเสนอเข้าคณะกรรมการ รฟท.เพื่ออนุมัติร่าง TOR นอกจากนี้ทางจีนจะส่งแบบก่อสร้างได้ครบทั้ง 14 สัญญาภายในเดือน ส.ค.นี้ (ที่มา ASPEN)
(*) บลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ประกาศอัดฉีดเงินกู้ ระยะกลาง 1 ปี เพิ่มสภาพคล่องให้สถาบันการเงินในประเทศ 5.02 แสนล้านหยวน (ราว 2.47 ล้านล้านบาท) หรือสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มใช้กลไกเงินกู้ยืมระยะกลาง (เอ็มแอลเอฟ) เมื่อปี 2014 ซึ่งนับเป็นการเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องท่ามกลางภาวะสงครามการค้า และค่าเงินหยวนที่ อ่อนค่าลง
(*/-) Renewable energy รมว.พลังงาน "ศิริ" สั่งทำหนังสือตอบมหาดไทย ไม่เพิ่มโควตาไฟฟ้าจากขยะอีก 400 เมกะวัตต์ ยกเหตุผลปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศมีเพียงพอ และการเพิ่มสัดส่วนจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงเกินไปและกระทบกับประชาชน แถมไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอื่นยังถูกกว่า จับตาประชุม กบง. 25 ก.ค. ถกแผนไฟฟ้าฉบับใหม่ จะใช้เชื้อเพลิงประเภทใดบ้าง พร้อมทบทวน กฟผ. นำเข้าแอลเอ็นจี ไฟเขียว ปตท. นำเข้าจากโมซัมบิก จับตา "วิไลพร-ดวงมณี" ออกกรรมการ กกพ. เหตุอายุใกล้ 70 ปี แต่วงในเผยเป้าหมายอยู่ที่ "วีระพล-วัชระ" (ที่มา ผู้จัดการ)
นักวิเคราะห์ : วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO11699