- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 July 2018 19:21
- Hits: 2228
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ทรัมป์เก็บภาษีจีน 5 แสนล้านUS$ แต่ดอลลาร์อ่อนดี”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวันศุกร์ – SET Index ปรับเพิ่มถึง 24.17 จุด ปิดที่ 1671.06 จุด ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค มูลค่าซื้อขายสูงขึ้นที่ 67.2 พันล้านบาท SET ได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงาน 2Q61 ของแบงค์ใหญ่คือ BBL,KBANK และ SCB ดีกว่าคาด ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกแบบ surprise หลังทรัมป์วิพากษ์เฟดว่าการขึ้นดอกเบี้ยเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจ ยังผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง น้ำมันยังปรับขึ้น และสถาบันซื้อต่อเนื่อง หุ้นกลุ่มหลักปรับขึ้นดี โดยเฉพาะแบงค์และพลังงาน แต่ TMB ลงแรง หลังรายงานกำไรออกมาน่าผิดหวัง ระหว่างวันดัชนีไปทำยอดสูงสุดถึง 1674.32 จุด ด้านผู้ซื้อสุทธิหลักคือ สถาบัน 4.6 พันลบ. ต่างประเทศ 1.0 พันลบ. ด้านผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 3.7 พันลบ. และบัญชีหลักทรัพย์ 1.9 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์– ระยะสั้น SET อาจได้รับผลลบจากการที่ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีจีนเพิ่มเป็น 5 แสนล้านดอลลาร์ แต่กลับได้รับผลบวกจากการที่ดอลลาร์อ่อนค่า เงินไหลกลับสหรัฐน้อยลง และโมเม็นตัมแรงหนุนจากผลการดำเนินงาน 2Q61 ของแบงค์ใหญ่ดีกว่าคาด อาจมีการปรับคำแนะนำ และราคาพื้นฐานขึ้น น้ำมันยังปรับขึ้น และสถาบันซื้อต่อเนื่อง แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรสลับออกมา หลัง SET ขึ้นมาแรง ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่บวก-ลบแคบๆ ดาวโจนส์ล่วงหน้า -33 จุด (8.26 น.) น้ำมันเช้านี้กลับลดลง ส่วนปัจจัยบวกเดิมที่ค้ำอยู่คือ การคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานสหรัฐโดยรวมจะออกมาดี SET ปรับลงมามาก จนถูก P/E ปี 61 และ 62 เป็น 14.9 และ 13.8 เท่า ตามลำดับ ปันผลสูง ส่วนระยะกลาง-ยาวเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ภาพใหญ่ที่ดีคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าตั้งแต่ปีหน้า เพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ แต่หากทรัมป์ถูกต่อต้านจนต้องกลับมาเจรจาก็จะเป็นแรงดีดกลับของ SET ได้ กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า หุ้นเน้นธุรกิจในประเทศ (Domestic Play) หรือหุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ (Domestic Play) รวมทั้งหุ้นปันผลสูง นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1650-1700 จุด
Update หุ้นเด่น : KBANK – หลังประกาศกำไร 2Q61 ดีกว่าที่เราและตลาดคาด นั่นคือ โตถึง 21.5% y-o-y และเพิ่ม 1.4% q-o-q ผลจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยแข็งแกร่งกว่าคาด เราได้มีการปรับประมาณการปีนี้ดีขึ้นถึง 12% โดยคาดว่ากำไรตลอดปีนี้จะเพิ่มได้ 9% คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานที่ปรับชึ้นเป็น 254.00 บาท จากเดิมที่ 225 บาท ด้วย P/BV ปี 61 ที่ 1.6 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 21%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวก แต่พร้อมกับเป็นลบได้ ส่วนความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อย่างไรก็ตามอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1680-1690, 1700 โดยมีแนวตัดขาดทุนที่ต่ำกว่า 1650 จุด
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น BBL,MTC,GULF,GFPT,TU ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ -ไม่มี- หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- และที่ให้หาจังหวะ Take profit คือ CPF,HANA,BJC,KKP,STEC,SPRC,IVL,BH,PTL,PTTGC
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับลงเล็กน้อย หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีจีนเพิ่มขึ้นมาก
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,058.12 จุด ลดลง 6.38 จุด หรือ -0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,820.20 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือ -0.07% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,801.83 จุด ลดลง 2.66 จุด หรือ -0.09%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (20 ก.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงไม่มากนัก หลังผลประกอบการประจำไตรมาสของบริษัทรายใหญ่ๆในสหรัฐนั้นออกมาแข็งแกร่ง ซึ่งเข้ามาสกัดช่วงลบ
+ ตลาดน้ำมัน : น้ำมันปรับเพิ่ม ซาอุเตรียมลดส่งออกน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 73.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่าซาอุดิอาระเบียเตรียมลดการส่งออกน้ำมันในเดือนหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดที่สูงเกินไป นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปกำลังปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
• ทองคำ : ปรับขึ้น ผลพวงจากดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 7.1 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 1231.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (20 ก.ค.) โดยได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปกำลังปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
- ทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ หากมีความจำเป็น
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน หากมีความจำเป็น ทั้งนี้ วงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวเทียบเท่ากับวงเงินสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 5.055 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 1.299 แสนล้านดอลลาร์
+ ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อน หลังทรัมป์วิพากษ์จีนและยุโรปปั่นค่าเงิน
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปทำการปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐรวมทั้งการที่ปธน.ทรัมป์ยังคงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
• "ทรัมป์" ยันเคารพต่อความเป็นอิสระของเฟด
# ทีมงานทรัมป์กล่าวว่าประธานาธิบดีจะไม่แทรกแซงการตัดสินใจด้านนโยบายของเฟด โดยมุมมองเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของท่านประธานาธิบดีเป็นที่รู้กันนานมาแล้ว และความเห็นของท่านก็เป็นการกล่าวย้ำถึงจุดยืนของท่านในช่วงที่ผ่านมา และความเห็นที่เป็นสาธารณะ
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นอุตสาหกรรม
+ ส่งออกไทย มิ.ย.เติบโตดี +8.2% y-o-y และนำเข้า +10.8% y-o-y
# วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์ แถลงมูลค่าส่งออกไทยเดือน มิ.ย. ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 8.2%YOY นำโดยการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์และพลาสติก ที่เติบโต 23.5%YOY และ 13.6%YOY ตามลำดับด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลักยังคงเติบโตได้ดี ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ที่ยังขยายตัวต่อเนื่องที่ 12.0%YOY และ 7.4%YOY ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การส่งออกยางพารายังคงหดตัว 10.4%YOY จากราคาในตลาดโลกที่ตกต่ำ ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 11.0%YOY
# ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเติบโตต่อเนื่องที่ 10.8% YOY จากการนำเข้าสินค้าในกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิงที่เติบโตกว่า 49.9%YOY ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ด้านการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยังขยายตัวที่ 23.1%YOY ตามแนวโน้มการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในสินค้ากลุ่มดังกล่าว ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน (ไม่รวมเครื่องบินและเรือ) ขยายตัว 15.2%YOY ส่งผลให้การนำเข้าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 15.6%YOY
+ ธนาคารพาณิชย์ 6 แห่งประกาศงบการเงิน 2Q61 แล้ว ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด
# กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 6 แห่ง ได้ประกาศงบการเงิน โดยในไตรมาส 2 ปี 61 มีกำไรสุทธิรวม 23,911.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,250.3 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ครึ่งแรกปี 61 กำไรสุทธิรวม 47,976.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,287.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 60 ส่วนใหญ่กำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยสนับสนุนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อตามการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ขยายตัวในทุกกลุ่ม ทั้งรายย่อย เอสเอ็มอี และธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ปรับลดเพราะได้รับผลกระทบจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล
+ รมว.คลัง เห็นว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปีนี้ยังเดินหน้าต่อไปได้
# รมว.คลัง เปิดเผยในงานสัมมนา ทิศทางหุ้น ครึ่งปีหลัง (ฟุบหรือไปต่อ) ว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังสามารถเดินหน้าต่อได้ และมั่นใจว่าทั้งปีจีดีพีจะโตได้ 4.5% แน่นอน แม้ไทยยังต้องเผชิญกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ที่ส่งผลให้เงินทุนไหลออก จากไทยถึง 1.5 แสนล้านบาท ต้นปีที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะไทยมีภูมิคุ้มกันที่ดีอยู่ ทั้งเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง แถมค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังเป็นผลดีต่อการส่งออก
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO11615